ตอนที่ 46 เรียนภาษาไพทอนทั้งคืน
หลังจากทานอาหารเสร็จ คุณหยางก็ส่งลู่โจวกับเฉินยู่ซานกลับมหาลัย
ก่อนที่จะจากไป หานเมิ่งฉีก็กล่าวลาแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม
วันหยุดฤดูร้อนของเธอจะเริ่มพรุ่งนี้
จากคุณหยางกล่าว เธอจะไปอยู่เซี่ยงไฮ้กับพ่อตลอดช่วงวันหยุด ช่วงนี้เธอย่อมเรียนพิเศษไม่ได้
การสอนพิเศษครั้งหน้าจะเป็นช่วงกันยายน
ขณะที่เฉินยู่ซานและลู่โจวเดินกลับหอพัก เธอก็หันมาถาม “ฉันจะกลับไปเรียนคำศัพท์ในหอพัก แล้วนายล่ะ?”
ลู่โจวคิดแล้วกล่าว “ผมจะไปห้องสมุด”
เฉินยู่ซานกล่าว “รุ่นน้องตัวน้อย นายเรียนหนักมากในฐานะนักศึกษาปีหนึ่ง ฉันรู้สึกถึงแรงกดดันจากนาย”
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าวอย่างถ่อมตน “ผมไม่ได้เรียนหนักขนาดนั้น ผมไม่ใช่คนเดียวที่อยู่มหาลัย มีอีกคนอยู่ในหอพักเช่นกัน”
เฉินยู่ซานแหงนมองท้องฟ้าแล้วถอนหายใจ “นักศึกษาใหม่เป็นแบบนี้ทุกคนเหรอ?”
เมื่อใกล้ถึงหอพัก ทั้งสองก็แยกกัน ลู่โจวไปห้องสมุดก่อนเพื่อเก็บข้าวของที่เหลืออยู่บนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ไปตึกเอและเมื่อเขาพบห้องเรียนว่างๆ เขาก็เปิดไฟ
เมื่อเขานั่งลง ลู่โจวก็เทของในกระเป๋าลงบนโต๊ะ เมื่อเขาดูนาฬิกาบนกำแพง มันก็สองทุ่มแล้ว
“ถ้าฉันกินแคปซูลสมาธิตอนนี้ และระยะส่งผลของมันคือห้าชั่วโมง ฤทธิ์ยาก็จะมีผลจนถึงตีหนึ่ง”
“จากการทดสอบครั้งที่แล้ว ฉันจะรักษาสภาวะสมาธิได้มากสุดจนถึงประมาณตีห้า”
“ฉันตื่นเที่ยง ทานอาหารกลางวันที่โรงอาหาร…จากนั้นฉันก็จะไปห้องคอมพิวเตอร์”
ลู่โจวเปิดฝาขวดน้ำแร่แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเขาก็หยิบยาออกมาจากขวด โยนมันเข้าปากแล้วกลืนลงไป
เขาสัมผัสถึงความรู้สึกมดไต่อีกครั้ง มดไต่ตั้งแต่หลังหัวไปจนถึงคิ้วแล้วไม่นาน ทุกอย่างที่อยู่ในวิสัยทัศน์ก็ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
มันเหมือนกับว่าเขากำลังโกง…
เดี๋ยวไม่นะ เขากำลังโกงเลยต่างหาก!
ลู่โจวไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว เขารีบหยิบหนังสือ[คู่มือการเขียนโปรแกรมภาษาไพทอน]แล้วเริ่มอ่านตั้งแต่หน้าแรก
มีเรื่องตลกเรื่องนึงที่กล่าวกันว่า ถ้าคุณอยากให้โปรแกรมเมอร์ที่ขี้เกียจเริ่มทำงาน วิธีที่ดีที่สุดที่ต้องทำก็คือการถามพวกเขาไปว่า’ภาษาไหนดีที่สุด?!’
พวกเขาจะแบ่งคำตอบเป็นอย่างเช่น’C++’ ‘Java’ ‘Python’ จากนั้นพวกเขาก็จะทำงานหนักจนพวกเขาพิสูจน์ว่าภาษาของพวกเขาดีที่สุด
ดังนั้นความจริงมันจึงไม่มีความหมายเลยที่จะโต้เถียงกันว่าภาษาไหนดีที่สุด ภาษาที่เหมาะสมที่สุดก็คือภาษาที่ดีที่สุด
โปรแกรมเมอร์ที่ดีจำเป็นต้องเชี่ยวชาญมากกว่าหนึ่งภาษา มันก็เหมือนกับนายพลที่ต้องรู้มากกว่าการบัญชาการทหารราบ พวกเขาต้องบัญชาการทหารม้าความคล่องตัวสูงและพลธนูระยะไกลด้วย…
ส่วนของอย่างรถถัง ปืนใหญ่และเครื่องบินรบ มันอาจถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลระบบ แต่ลู่โจวยังเชื่อมต่อกับมันไม่ได้
ถ้าเปรียบเทียบกันก็คือ ภาษาC++ก็เหมือนทหารมีดของสวิส มันมีความสามารถในการทำงานสูง สามารถทำได้ทุกอย่าง คุณสามารถมอบงานเล็กๆให้ แต่ถ้าเป็นโปรเจ็คขนาดใหญ่ มันเป็นไปไม่ได้
ยกตัวอย่างถ้าคุณอยากสร้างรถ คุณก็ต้องเริ่มจากล้อ
ในทางตรงกันข้าม ไพทอนก็คล้ายกับ Java มันเป็นภาษาระดับสูงขึ้นและมีล้อในตัวมันเอง
ถ้าคุณอยากรีบสร้างรถ ไพทอนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย มันทั้งง่ายและรวดเร็ว มันเป็นโค้ดทหารม้าที่ดีที่สุดในโลก! แถมมันยังเป็นโค้ดที่มีความสามารถในการอ่านสูง ดังนั้นผู้ใช้จึงไม่ต้องใช้เวลามากนักกับไวยากรณ์ มันสามารถเข้าใจไอเดียของผู้ใช้ในเวลาที่สั้นที่สุด ยกตัวอย่าง ถ้าคุณอยากสร้างเว็บ ไพทอนอาจจะง่ายกว่าและดูกระชับกว่าภาษา C++
ลู่โจวเชี่ยวชาญภาษา C++ พื้นฐานแล้ว ดังนั้นมันจึงง่ายที่จะเรียนรู้ภาษาไพทอน เขาแค่ต้องใช้เวลาจดจำพื้นฐานเท่านั้น
ส่วนวิธีการใช้งานจริงของภาษาไพทอน เขาจะไว้เรียนพรุ่งนี้ เขาเชื่อว่าเขาเรียนรู้มันได้ดีโดยไม่ต้องมีความช่วยเหลือจากแคปซูลสมาธิ
…..
วันต่อมา หัวของลู่โจวฟุบอยู่บนโต๊ะ เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา เขาก็รู้สึกมึนหัว ใบหน้าเขาก็มีรอยมือแดงๆ
เป็นเหมือนกับครั้งก่อนๆ เมื่อสมองของเขาใช้งานหนักเกินจนเข้าขั้นอันตราย เขาก็จะหมดสติ เขาไม่ต้องพยายามนอนด้วยซ้ำ
ความรู้สึกแบบนี้มันน่าเพลิดเพลินมาก มันดีกว่าการดื่มเสียอีก ด้านหนึ่งสมองจะเต็มไปด้วยความรู้ อีกด้านนึงจิตวิญญาณของเขาก็จะถูกผลักดันไปจนถึงขีดสุดจนแทบเหมือนกับว่าเขากลายเป็นอมตะ…
มีสิ่งเดียวที่เห็นผลที่ตามมาชัดเจนก็คือ ท่าทางการนอน เขายกก้นขึ้นมาครึ่งนึง เมื่อเขาลุกขึ้นยืน เขาแทบไม่รู้สึกถึงขาขวาจนเขาเกือบล้มลงกับพื้น
“ฉันคิดว่าฉันจำเป็นต้องขอให้ทางมหาลัยเอาเตียงมาไว้ในห้องเรียนแล้วสิ…แต่เหมือนจะเป็นความคิดที่เวอร์ไปนิด” ลู่โจวกล่าวขณะดันโต๊ะเอาไว้ สมองเขารู้สึกสับสน
[ความคืบหน้าของภารกิจ 11/30]
เขาอ่านหนังสือ[คู่มือการเขียนโปรแกรมภาษาไพทอน]จบไปเมื่อคืน แม้ว่าเขาจะยังไม่ชำนาญภาษาไพทอน แต่อย่างน้อยเขาก็รู้พื้นฐาน
กี่โมงแล้วนะ?
ลู่โจวมองดูนาฬิกาบนผนังแล้วสีหน้าเปลี่ยนไป
โอ๊ะ มันเกือบบ่ายสองแล้ว! โรงอาหารปิดแล้ว!
ถ้าฉันพยายามไปกินนอกมหาลัย ฉันคงหิวตายระหว่างทาง
ลู่โจวเปลี่ยนสีหน้าแล้วถอนหายใจ
ช่างมันเถอะ ฉันจะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นมื้อเที่ยงก็แล้วกัน
เนื่องจากเมื่อวานเขากินอาหารแพง วันนี้เขาก็แค่กินของง่ายๆก็พอ
ลู่โจวไปที่ซูเปอร์มาเก็ตแล้วซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก่อนจะกลับมาที่อาคารเรียน
ที่อาคารมีเครื่องทำน้ำร้อน สามารถใช้งานโดยแค่รูดการ์ดและมันก็ฟรีเช่นกัน ความไม่สะดวกเพียงอย่างเดียวก็คือน้ำมันไหลเร็วมากและลวกมือได้ง่าย
ลู่โจวน้ำลายไหล เขาสุ่มเข้าห้องเรียนที่ชั้นหนึ่ง เขานั่งลงแถวหน้าแล้วเริ่มยัดบะหมี่ลงท้อง
เมื่อเขาทานบะหมี่เสร็จ เขาก็ดีใจที่ในที่สุดก็มีอะไรอยู่ในท้อง
ลู่โจวเช็ดปากแล้วกำลังจะเอาขยะไปทิ้ง แต่แล้วทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกระแอมอย่างหนักดังมาจากด้านหลัง
อะไรนะ?
มีคนอยู่ในห้องเรียนด้วย?
ลู่โจวดูกระอักกระอ่วน เขาพลาดที่ตอนเข้ามาเขาไม่ได้สังเกตว่ามีคนอยู่ในห้องด้วย
เขาหันไปมอง
บังเอิญมาก!
มันเป็นหวังเสี่ยวตง!
ลู่โจวเดินเข้าไปทักทายเขาก่อนจะถาม “คุณก็ไม่ได้กลับบ้านเหรอ?”
หวังเสี่ยวตงไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าเขาเหมือนกับจะบอกว่า’ยังต้องถามอีกเหรอ?’
หลังจากนั้นบทสนทนาก็หยุดลง
ลู่โจวอยากมาทักทายก่อนจะไป อย่างไรก็ตามเมื่อเขากำลังจะไป หวังเสี่ยวตงก็สังเกตเห็นหนังสือในกระเป๋าลู่โจวที่เขาพึ่งอ่านเมื่อกี้
หวังเสี่ยวตงเลิกคิ้วขึ้น “คุณอ่านหนังสือเขียนโปรแกรมอยู่เหรอ?”
ห๊ะ?
ชายคนนี้ไม่เล่นเว่ยป๋อหรือวีแชทเลยเหรอ?
ลู่โจวมองไปที่อัจฉริยะด้วยสายตาแปลกๆ
เขาพูดถึงวิทยานิพนธ์วิทยาการคอมพิวเตอร์เก้าฉบับในการสัมภาษณ์[หัวกั๋วชิงเหนียน] ทำไมถึงมีคนแปลกใจที่เขากำลังเรียนเขียนโปรแกรม?
ลู่โจวรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันผิดปกติ
ลู่โจวเป็นคนถ่อมตน ดังนั้นเขาจึงยิ้มแล้วกล่าวด้วยความถ่อมตน “ใช่ ผมพึ่งสนใจเร็วๆนี้ ผมเลยอ่านมันเล็กน้อย”
“ภาษาไพทอน? มันเป็นภาษาที่ยอดเยี่ยมมาก มันเหมาะกับโปรแกรมเมอร์มือใหม่ คุณเป็นปีหนึ่ง คุณน่าจะเรียนภาษา C++ แล้วใช่ไหม? ถ้าคุณอยากเรียนโค้ดระดับที่ลึกซึ้งกว่านี้ ไพทอนเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว คุณมีรายชื่อหนังสือไหม? มีแผนการเรียนยัง?” หวังเสี่ยวตงถาม แววตาเขาเปล่งประกายเนื่องจากหัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่เขามีความรู้มาก เขาไม่ค่อยได้พูดเรื่องนี้นัก
“โอ้ ผมแค่อ่านแบบลวกๆ ผมยังไม่มีแผนการ…”
ลู่โจวรู้สึกเหมือนความกระตือรือร้นของเจ้าหมอนี่รับมือได้ยาก
“ไม่ คุณทำแบบนั้นไม่ได้ การเขียนโปรแกรมเป็นวิชาที่ลึกลับ คุณต้องวางแผนการเรียนอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างรากฐาน ฉันสามารถแนะนำหนังสือให้คุณได้ คุณสามารถไปหาในห้องสมุด ถ้าสนใจก็ลองไปอ่านดู” หวังเสี่ยวตงกล่าว ลู่โจวไม่ได้ตอบด้วยซ้ำ แต่หวังเสี่ยวตงก็หยิบปากกาแล้วเริ่มเขียนรายชื่อหนังสือยาวเหยียดบนกระดาษ
ลู่โจวเห็นเขาเขียนรายชื่อหนังสือแล้วรู้สึกหนังศีรษะชา เขาอดคิดไม่ได้ ‘เจ้าหมอนี่ทำตัวน่ารำคาญต่อหน้าหลินสวี่เซียงด้วยไหม?’
มันสุดยอดเลยที่เธอทนเขาได้…
แน่นอนว่าลู่โจวซาบซึ้งอย่างมากกับรายชื่อหนังสือจากอัจฉริยะ แต่เขาอาจไม่ได้ใช้มัน
“ถ้าคุณไม่เข้าใจตรงไหนก็มาถามฉันได้” หวังเสี่ยวตงกล่าวด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ขณะดันกรอบแว่นขึ้น
“โอเค…”
ลู่โจวคุยกับเขาสักพักก่อนจะถือถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วออกจากห้องไป