ตอนที่ 462 เต้นรำด้วยกันไหม? (รีไรท์)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนแรก ลู่โจวคิดเอาไว้แล้วว่าตนต้องเมาแน่ แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม
เขาดื่มไปแค่ไม่กี่แก้วเท่านั้น
แม้ว่าอาหารในงานเลี้ยงจะดูธรรมดา แต่ปริมาณในแต่ละจานก็มากเสียเหลือเกิน
นั่นรวมไปถึงแชมเปญหนึ่งขวดและของหวานจานสุดท้าย
มันแตกต่างจากการรับประทานอาหารค่ำในความคิดของลู่โจวเล็กน้อย
ไม่ใช่ว่าลู่โจวยังไม่อิ่ม เขาอิ่มแล้ว แต่ไม่ใช่กับเสี่ยวถง
ทั้งข้าวทั้งไวน์ที่กินและดื่มเข้าไปไม่สามารถทำให้พวกเขาอ้วนได้เลยด้วยซ้ำ
ฉันแทบจะไม่ได้กินเลย เสี่ยวถงที่อยู่ในชุดราตรีไม่เผยท่าทีที่สุภาพและมีความเป็นสุภาพสตรีเลยแม้แต่น้อย เธอพลันหยิบนู่นหยิบนี่เข้าปากอยู่ตลอดเวลา ผ่านไปไม่นาน ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะมองหาบริกรเพื่อสั่งอาหารเพิ่ม
แต่น่าเสียดายที่เธอไม่พบ ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ได้แต่หันไปมองดูพี่ชายพร้อมแววตาที่สงสาร
ถึงกระนั้น ลู่โจวก็ทำอะไรไม่ได้
ภายใต้ดวงตาที่น่าสงสาร เขาหันไปมองเสี่ยวถงและทำอะไรไม่ถูก “ช่างมันเถอะ พ่อครัวไม่ทำซ้ำให้เธอหรอก”
หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จ ตามธรรมเนียมแล้ว ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลพร้อมแขกต้องย้ายไปยังห้องโถงทองคำ
ไม่ว่าจะเป็นห้องโถงที่งดงามหรือเทพีแห่งทะเลสาบที่กำลังนั่งอยู่บนภาพจิตรกรรมฝาผนัง มันก็เป็นสิ่งที่ลู่โจวเคยผ่านตามาแล้ว
ในเวลานั้น ช่วงเวลาที่เขาได้รับรางวัลครอฟอร์ด เขาก็เคยยืนอยู่ตรงนี้เหมือนกัน
ในตอนนั้นเขาก็เคยมีลางสังหรณ์ว่าจะได้กลับมายืนอยู่ในจุดเดิมอีกครั้ง
และดูเหมือนว่าวันนี้จะมาถึงอย่างแน่นอน
และมันเร็วกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ลู่โจวเหลือบไปเห็นเวทีสำหรับเต้นรำ ทันใดนั้น นักวิชาการเคลส์ก็เดินเข้ามาพร้อมเผยท่าทีสุดร่าเริงและกล่าวคำถาม
“มีอะไรให้ช่วยไหม?”
ลู่โจวได้สบตากับเขาไปครั้งหนึ่งในงานมอบรางวัล
แม้ว่าเขาจะไม่รู้มาก่อน แต่ตามตำแหน่งในพิธีมอบรางวัลแล้ว ลู่โจวสามารถรู้ได้ว่าเขาเป็นประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัลโนเบลสาขาเคมี
ลู่โจวทำตัวไม่ถูก เขารีบกล่าวคำพูดออกไป “คุณไม่เต้นเหรอ?”
ทันทีที่ได้ยิน นักวิชาการเคลส์ก็เผยเสียงหัวเราะพร้อมกล่าวคำพูด
“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก นี่เป็นกิจกรรมตามธรรมเนียม ยิ่งไปกว่านั้น คุณเองนั่นแหละที่เป็นหนึ่งในตัวละครเอกของงานเต้นรำ สื่อทั่วโลกรอคอยคุณอยู่เลยล่ะ”
“รับประกันได้เลยว่าท่าเต้นของผมจะไม่ได้อยู่ในข่าวแน่นอน”
“สิ่งที่สำคัญไม่ใช่การกระโดด แต่มันคือการเต้นต่างหาก” นักวิชาการเคลส์มองไปยังลู่โจว “ไม่ต้องห่วง ถึงคุณจะเต้นจนเตะรองเท้าตัวเอง ก็ไม่มีใครล้อเลียนคุณหรอก คนส่วนมาก…”
“คนส่วนมาก?”
นักวิชาการเคลส์เผยยิ้ม “คนส่วนมากจดจำคุณในเรื่องอื่นไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรางวัลที่คุณได้รับไปก่อนหน้านี้หรือสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์”
ลู่โจวขมวดคิ้ว
อึก!
กลายเป็นว่าการรอนั้นเป็นสิ่งที่น่าเกลียด
ไม่ไหวแล้ว…
ลู่โจวพยายามหาข้อแก้ตัว “งั้นคุณก็น่าจะบอกผมให้เร็วกว่านี้นะ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะเต้นด้วยซ้ำ”
ถึงอย่างไรแล้วมันก็น่าเสียดายที่คำพูดเหล่านั้นไม่สำเร็จ
ทันทีที่คำพูดของลู่โจวเปร่งออกไป ก็มีเสียงของใครสักคนดังมาจากด้านข้าง
“คุณสนใจที่จะเต้นรำกับฉันไหม?”
ลู่โจวหันกลับไปและเห็นผู้หญิงในชุดราตรีสีฟ้าอ่อนกำลังยืนอยู่
เธอไม่ใช่ใครอื่น ในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้ ลู่โจวได้พูดคุยกับเธออยู่ครู่หนึ่ง เธอคือเจ้าหญิงมาเดอลีน ลูกสาวคนเล็กของสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่สิบหก แม้ว่าสื่อในยุโรปจะลงข่าวไม่ค่อยดีนักสำหรับเจ้าหญิงคนนี้ แต่เรื่องส่วนตัวของเธอนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสื่อเหล่านั้นเลย
“ไม่ต้องเตรียมตัวหรอก” นักวิชาการเคลส์กล่าวพร้อมตบไหล่ลู่โจว “งานเต้นรำใกล้จะเริ่มแล้ว ฉันไม่กวนแล้วนะ ลุยเลย”
…
แม้ว่าลู่โจวจะไม่ค่อยสนใจในเรื่องเต้นรำ แต่มันก็จะค่อนข้างหยาบคายที่จะปฏิเสธคำเชิญของเจ้าหญิงมาเดอลีนผู้จริงใจ
ยิ่งไปกว่า ในตอนนี้ เขาก็เป็นตัวแทนของตัวเองแล้ว
ทั้งคู่เริ่มคุยกัน พวกเขายืนอยู่บนเวทีและพร้อมที่จะเต้นรำตามจังหวะดนตรี
“จำการ์ดใบเล็กบนโต๊ะได้ไหมคะ?” เจ้าหญิงมาเดอลีนกล่าว
ลู่โจวที่พยายามขยับเท้าเพื่อให้เข้ากับจังหวะดนตรีตอบกลับ “มันก็ดูน่าประทับใจดีนะ ทำไมล่ะ?”
“ก่อนงานเลี้ยงอาหารค่ำ เลขาธิการของมูลนิธิรางวัลโนเบลจะทำการปรึกษาแขกและพยายามตอบสนองต่อคำขอและความต้องการของพวกเขาในงานเลี้ยง แล้วคำขอพวกนั้นก็จะถูกเขียนลงไปในการ์ด”
“แล้วไงล่ะ?”
“เราก็จะได้เห็นคำขอที่น่าสนใจมากมาย อาทิเช่น ฉันอยากนั่งข้างศาสตราจารย์ลู่โจวอะไรทำนองนั้น”
“มีคำขอแปลกๆ แบบนั้นด้วยเหรอ?”
“ไม่แปลกหรอกค่ะ มันก็แค่คำขอธรรมดาที่มีให้กันทุกปี แต่ปีนี้บังเอิญพิเศษกว่าปีอื่น เท่าที่ฉันรู้มา มูลนิธิโนเบลได้รับคำขอที่คล้ายกันประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ บางส่วนก็มาจากนักวิชาการที่รู้จักกัน แต่ประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ใช่คำชมสักหรอกค่ะ” เจ้าหญิงมาเดอลีนกล่าว
“ทำไมล่ะ?”
“เพราะว่าทั้งเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์นั้นมาจากหญิงสาว” เจ้าหญิงมาเดอลีนเผยยิ้มและแววตาติดตลก “ฉันสงสัยมาตลอดเลยว่านักวิชาการประเภทไหนกันที่จะดึงดูดความสนใจของหญิงสาวจำนวนมากได้?”
ลู่โจวกระแอมพร้อมกล่าวคำพูด “ขอโทษทีที่ผมแยกร่างไม่ได้”
เจ้าหญิงมาเดอลีนเหล่ตาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณนี่ติดตลกดีจัง”
และในไม่ช้า เสียงเพลงก็สิ้นสุดลง
เจ้าหญิงมาเดอลีนพลันจัดกระโปรงและถามด้วยสีหน้าสุดร่าเริง
“เป็นยังไงบ้างล่ะคะ?”
ผมเผลอเหยียบเท้าเธอไปตั้งหลายครั้ง บางคนก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องตลก “ความรู้สึกกับจังหวะเพลงมันจบแล้ว”
เจ้าหญิงมาเดอลีนเผยยิ้ม “อยากให้ฉันสอนหน่อยไหมล่ะคะ?”
“เอ่อ… ไม่เป็นไรก็ได้”
สำหรับลู่โจวแล้ว การเต้นรำนั้นยากกว่าการวิ่งรอบทะเลสาบเสียอีก
แต่เดี๋ยวก่อน
เจ้าหญิงมองไปยังลู่โจวอย่างเขินอาย
“ไม่ใช่ว่ามีสาวที่ไหนมาชวนคุณไปก่อนแล้วนะ งานเลี้ยงยังอีกยาว ขอให้สนุกนะคะ”
ทันทีที่พูดจบ เธอก็ได้ให้ของขวัญเล็กน้อยกับลู่โจ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยคำบอกใบ้ จากนั้น เธอก็หันหลังกลับและเดินจากไปอย่างสง่างาม
ลู่โจวมองดูเธอเดินจากไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย เขาพลันหันไปเห็นว่าเวร่าสวมชุดราตรีสีดำกำลังยืนอยู่
เวร่าเผยหน้าแดงพร้อมจับปลายกระโปรง เธอมองมายังลู่โจว บางคนก็เอาแต่พูดว่าชุดของเธอนั้นยืมเพื่อนมา มันพอดีตัวเธอหรือเปล่าก็ไม่รู้
แท้จริงแล้ว ลู่โจวอยากจะบอกกับเธอว่าเสื้อที่ใส่อยู่มันตัวใหญ่ไปหน่อย อีกทั้งกระโปรงก็ลากยาวติดพื้น
แต่ลู่โจวก็รู้สึกว่าไม่ควรพูดออกไป กลัวว่ามันจะไปทำร้ายจิตใจของเธอ
ท้ายที่สุดแล้ว ความสูงก็ถือเป็นประเด็นของทั้งหญิงและชาย
แต่ทว่า ลู่โจวก็ไม่ได้สนใจอะไร
“น่าจะให้ชุดมันรัดกว่านี้หน่อยนะ… แต่ก็สวยดี”
ทันทีที่เธอได้ยินประโยคครึ่งแรก เธอรู้สึกค่อนข้างแย่ แต่พอได้ยินประโยคต่อมา เธอก็รู้สึกดีขึ้นและเผยยิ้ม
“เอ่อ… เต้นรำด้วยกันหน่อยไหม?”
บางที อาจจะเป็นเพราะรอยยิ้มที่สดใสเกินไป ลู่โจวถึงกับชะงักไปชั่วครู่
ไม่ช้า ความคิดก็ผุดขึ้นมาในใจ
มันจะดีเหรอ?
ลู่โจวรู้สึกลังเลเล็กน้อย เขาจ้องมองไปยังดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
สำหรับสถาบันพรินซ์ตันแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีกฎห้ามไม่ให้ศาสตราจารย์เต้นรำกับนักเรียนนะ
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ลู่โจวก็รีบพยักหน้าอย่างมีความสุข
“แน่นอน มาสิ”
………………………………..