ตอนที่ 463 สิ่งน่าสนใจกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ (รีไรท์)
โดย
Ink Stone_Fantasy
รู้สึกอย่างไรกับการเต้นรำของสองสาว?
ลู่โจวพยักหน้าทันทีที่ได้ยินคำขอของเวร่าเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
จนถึงตอนนี้ เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว
“ขยับเท้าไปทางขวานิดหนึ่ง…อ่า…ใช่ อย่าใกล้ฉันมากไป ทำให้ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติสิ… ใช่ แบบนั้นแหละ”
เวร่าเผลอเหยียบเท่าลู่โจวโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าน้ำหนักของหญิงสาวจะไม่มากเท่าไหร่ แต่มันก็เจ็บใช่เล่น
เวร่ารีบถอยและพูดขึ้นด้วยความตื่นตระหนกทันทีที่มองดูท่าทีของลู่โจว
“อ่า ฉันขอโทษ”
“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บเลย” ลู่โจวเผยหน้าสงบนิ่ง
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝืนยิ้มต่อไปหลังจากถูกเหยียบเท้าอยู่หลายครั้ง
หลังจากจบเพลง เวร่าก็เผยหน้าแดง เธอยกกระโปรงขึ้นและโค้งคำนับเล็กน้อยพร้อมกับหันหลังและวิ่งหนีไป
ในที่สุด ลู่โจวที่หลุดพ้นจาก “ความเจ็บปวด” ก็พลันถอนหายใจและเดินไปยังเวทีเต้นรำ
เขาบังเอิญได้พบกับคนรู้จัก
บุคคลนั้นคือศาสตราจารย์อาร์ตัล ผู้อำนวยการของสถาบันมักซ์พลังค์สาขาเคมี
ทันทีที่เห็นลู่โจว ศาสตราจารย์อาร์ตัลพลันกล่าวคำพูด “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“เหมือนกันครับ” ลู่โจวมองไปยังศาสตราจารย์พร้อมกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แล้วก็ขอบคุณเรื่องจดหมายเสนอชื่อด้วยครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ไม่ใช่แค่ฉันที่เสนอชื่อนายเข้ารับรางวัลโนเบลสาขาเคมี” ศาสตราจารย์อาร์ตัลกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่มันก็น่าแปลกเหมือนกันนะ ไม่คิดเลยว่านักวิชาการครัสก็จะคิดแบบเดียวกัน ตอนที่เห็นข่าว ฉันถึงกับตกใจจนแซนด์วิชหล่นเลยล่ะ”
ลู่โจวเขินและเริ่มยิ้ม “น่าอายจริงๆ เลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ถึงยังไง แซนด์วิชชิ้นสุดท้ายก็เข้าท้องฉันอยู่ดี” อาร์ตัลเผยยิ้มและพูดต่อ “ยังไงก็เถอะ ยินดีด้วยนะ!”
ในช่วงครึ่งหลังของการเต้นรำจนกระทั่งดนตรีหยุดเล่น ลู่โจวลงเวทีไปแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น
ในระหว่างที่แขกคนอื่นออกจากห้องโถงทองคำไปแล้ว ลู่โจวที่กำลังรอรถอยู่ด้านนอกพร้อมผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลคนอื่นพลันถูกผู้สื่อข่าวซุ่มรออยู่ข้างนอกรายล้อม
เนื่องจากฟ้ามืดเกินไปและเจ้าหน้าที่ก็เสียงดัง ลู่โจวจึงไม่รู้เลยว่าสื่อไหนเป็นสื่อไหน
ถึงอย่างไร ตราบใดที่มันเป็นคำถามที่จริงจังและเป็นคำถามที่สามารถตอบได้ เขาก็จะพยายามตอบแต่ละคำถามให้ได้มากที่สุด
“ศาสตราจารย์ลู่โจวคะ คุณวางแผนที่จะใช้เงินรางวัลเก้าล้านโครนาที่ได้มายังไงคะ?” ผู้สื่อข่าวจากซีเอ็นเอ็นรีบพุ่งเข้ามาถาม
ลู่โจวเผยยิ้มและตอบกลับ “ยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลยครับ อาจจะเอาไปทำให้ชีวิตดีขึ้น ไม่ก็อาจจะเอาไปใช้เป็นกองทุนสำหรับโครงการวิจัยใหม่… หรือไม่ก็อาจจะเอาไปฝากธนาคาร”
“ถามได้ไหมคะว่าหัวข้อวิจัยเรื่องต่อไปของคุณคืออะไร?”
หลายคนกำลังกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้
หรือคนส่วนใหญ่ที่เป็นห่วงเขากำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น ลู่โจวก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเท่าไหร่
“เป็นหัวข้อที่น่าสนใจมาก แต่มันก็ค่อนข้างยากอยู่ มันอาจจะเป็นไปได้ในอนาคต และผมรับประกันว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตของเราทุกคนได้”
ทันทีที่ได้ยิน นักข่าวรีบถามขึ้นอีกครั้ง
“มันน่าสนใจกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ไหมคะ?”
ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ของเทสลา แบตเตอรี่จากอุตสาหกรรมยานยนต์จีน โดรนของบริษัทยักษ์ใหญ่หรือโทรศัพท์มือถือของบริษัทแอปเปิลแน่นอน นับตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ แบตเตอรี่ความหนาแน่นพลังงานสูงนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกแง่มุมของสังคม
หากผ่านไปสองปีแล้ว การเสียบสายชาร์จโทรศัพท์ระหว่างรับชมการถ่ายทอดสดยังคงเป็นเรื่องปกติ แสดงว่าคนส่วนใหญ่คงจะคุ้นเคยกับการชาร์จวันละสามหรือห้าครั้ง
แม้ว่าทุกคนจะไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร แต่สมาคมวิชาการจะไม่ลืมข้อดีของเรื่องนี้
ลู่โจวเผยเสียงหัวเราะทันทีที่ได้ยินคำถาม “พนันเลยว่าหัวข้อนี้น่าสนใจกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์แน่”
หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวก็ชะงักไป ลู่โจวไม่ได้บอกข้อมูลทั้งหมด
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็กำจัดนักข่าวได้
ไม่นาน เขาก็รีบกลับไปยังโรงแรม
ณ ล็อบบี้ของโรงแรม เขาได้พบกับเฉินยู่ซานที่เปลี่ยนจากชุดทักซิโด้เป็นชุดลำลองธรรมดา
ทันทีที่เห็นลู่โจว เฉินยู่ซานก็รีบเดินไปหาเข้าทันที
“หายไปไหนมา? ฉันหาตัวนายตั้งนาน”
ที่นั่งในงานเลี้ยงนั้นถูกแยกกัน มีแต่ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล สมาชิกราชวงศ์และบุคคลสำคัญทางการเมืองเท่านั้นที่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะหลัก ส่วนคนอื่นก็กระจายกันออกไปตามที่ต่างๆ ในสถานที่จัดงาน
ในช่วงท้ายของงานเลี้ยง ผู้คนหนาแน่นมาก แทบจะไม่มีใครสนใจที่จะเต้นรำเลย เป็นการดีกว่าที่จะออกไปจากงานเลี้ยงก่อนฝูงชนคนอื่น
“เธอไม่ได้ไปที่ห้องโถงทองคำหรอกเหรอ?” ลู่โจวถาม
“ห้องโถงทองคำ?” เฉินยู่ซานตอบกลับ
ลู่โจวพยักหน้า
“มีงานเต้นรำหลังอาหารเย็นด้วย มันอยู่ถัดจากห้องโถงสีฟ้า…”
เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีที่ตระหนักว่าเธอพลาดส่วนสุดท้ายของงานเลี้ยงไป “ทำไมนายถึงไม่บอกฉันล่ะ?”
“ก็คิดว่าเธอรู้แล้ว” ลู่โจวทำอะไรไม่ถูก
มันเป็นสิ่งที่ควรจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
เอิ่มม…
น่าจะใช่
“นายได้เต้นรำไหม?”
“เต้นสิ” ลู่โจวพยักหน้า
“กับใครกัน?” เธอถามอย่างสงสัย
“เจ้าหญิงมาเดอลีน”
ดวงตาของเธอสว่างขึ้น “เจ้าหญิง? เธอสวยไหม?”
ลู่โจวพยักหน้า “ก็สวยอยู่นะ…”
เฉินยู่ซานถอนหายใจ “น่าอิจฉาจัง ฉันอยากไปบ้าง”
ลู่โจวมองเธออย่างเงียบๆ
การเต้นรำกับเจ้าหญิงมันน่าอิจฉายังไงกัน?
ทันใดนั้นเอง เธอก็มองไปยังลู่โจวด้วยความหวัง
“แล้วจะมีโอากาสอีกไหม?”
ลู่โจวพลันกล่าวคำพูดทันทีที่เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง “นี่มันงานรับรางวัลโนเบลนะ ยังไงฉันก็อยากให้มีครั้งหน้าอยู่แล้วล่ะ!”
“รับรางวัลสองครั้งไม่ได้หรือยังไงกัน? ฉันจำได้ว่ารางวัลโนเบลเหมือนจะไม่จำกัดการรับรางวัลแค่ครั้งเดียวนะ”
ลู่โจวถอนหายใจ “ตามหลักแล้ว มันก็ได้แหละ แต่ก็อาจจะลำบากหน่อย”
ในประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีใครได้รับรางวัลโนเบลถึงสองครั้ง เพราะว่านที่ได้รับนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน
จุดแข็งนี้เป็นสิ่งจำเป็น แต่มันก็อยู่ในระดับสูง ยังมีปัจจัยอีกมากมายในการตัดสินใจว่าจะได้รับรางวัลหรือไม่
แม้แต่เหรียญที่อยู่ในกระเป๋าของลู่โจวก็มีกฎแบบเดียวกัน
หากตอนท้ายของการตัดสินหรือลงคะแนน นักวิชาการครัสยังคงลังเลเรื่องอายุ ลู่โจวก็อาจจะต้องรอต่อไปอีกหนึ่งปี
เขารู้ดีว่ามันยากแค่ไหน
“มันจะยังเป็นไปได้ไหมนะ” เธอกล่าว
“ต้องพึ่งความหวังแล้วล่ะ” ลู่โจวส่ายหัว
เธอเผยยิ้ม “ก็ยังดี ถ้ามีครั้งหน้าอีก นายต้องพาฉันมาด้วยนะ!”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็เผยยิ้มพร้อมหัวเราะ “ไม่มีปัญหา ถ้ามีครั้งหน้าอีก อยากไปไหนฉันก็จะพาไป”
เขาให้คำมั่นสัญญา
แต่ทว่า มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้รับรางวัลโนเบลถึงสองครั้ง
……………………………………….