บ้านในละแวกใกล้มหาวิทยาลัยนั้นต้องเสียค่าเช่ารายปี ทว่า ลู่โจวที่มีบ้านเป็นของตัวเองอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องต่อสัญญาเช่า เขาได้พาเสี่ยวไอมาอยู่ด้วย
หลังจากเสร็จสิ้นการทำงานในปีนี้ ลู่โจวได้ใช้เวลาสองวันในการย้ายของเข้าบ้านตัวเอง
นอกจากนี้ ลู่โจวยังได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์เตือนภัยเอาไว้ภายในบ้านอีกด้วย เนื่องจากเป็นบ้านหลังใหม่ สิ่งของเหล่านั้นช่วยให้เจ้าของบ้านสบายใจได้มากยิ่งขึ้น
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ลู่โจวก็มองเข้าไปในห้องและเผยยิ้ม
กล้องทั้งหมดได้ทำการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของเสี่ยวไอ ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุแบบไหน หรือใครจะอยู่นอกบ้านก็ตาม ลู่โจวจะสามารถรับรู้ผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นคนแรกได้ทันที
“จากนี้ไป นี่คือบ้านใหม่ของเธอ”
[นี่ไม่ใช่บ้านใหม่ที่ฉันต้องการ]
“อย่าบ่นไปหน่อยเลย”
[…]
ไม่ว่าเสี่ยวไอจะพอใจกับบ้านหลังใหม่หรือไม่ ลู่โจวก็ออกไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตและหาซื้อของเสียแล้ว
อีกไม่นาน เสี่ยวถงจะต้องมาที่นี่แน่ เธอต้องการที่จะช่วยลู่โจวทำความสะอาดบ้าน
ลู่โจวน่าจะต้องรอเธอจนถึงวันพรุ่งนี้
อันที่จริง ก่อนที่เธอจะมา ลู่โจวได้ทำความสะอาดห้องไปบ้างแล้ว คงไม่ต้องพูดถึงเวลาที่เสี่ยวไอต้องมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ช่วงปีใหม่จีนเลย เสี่ยวถงก็ต้องเป็นคนทำความสะอาดห้องเองแน่
ลู่โจววางของที่ซื้อมาข้างสระน้ำ เขากำลังจะไปล้างจาน ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
[มีแขกอยู่ที่ประตู]
“อ่า เข้าใจแล้ว”
ลู่โจวถอดถุงมือทำอาหารแล้วโยนไว้ใกล้อ่างล้างจาน จากนั้น เขาก็เดินออกจากห้องครัวและไปที่ประตูหน้าบ้าน
…
หานเมิ่งฉีมองไปยังเสี่ยวถงที่กำลังยืนกดกริ่งอยู่หน้าประตูก็ได้กล่าวคำพูดขึ้น
“จะเข้าไปได้แน่เหรอ เพราะเราไม่ได้โทรมาบอกเขาก่อน?”
เสี่ยวถงเผยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลไปหรอก พี่ชายไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”
ในตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านหลังประตู และเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น
“เอ่อ…ว่าไง?” ลู่โจวเป็นคนเปิดประตูออกมาและกล่าวทักทายกับเสี่ยวถง จากนั้น เขาก็สังเกตเห็นเด็กหญิงที่ยืนอยู่ข้างหลัง “เธอมาที่นี่ได้ยังไงกัน?”
หานเมิ่งฉีก็ได้กล่าวคำพูดออกมาด้วยความยับยั้งชั่งใจ “เสี่ยวถงบอกมาว่าคุณต้องการความช่วยเหลือ ฉันเลยมาที่นี่ ไม่เป็นการรบกวนหรอกใช่ไหม?”
“ทำไมจะเป็นแบบนั้นล่ะ? เข้ามาสิ” ลู่โจวเผยยิ้มพร้อมกล่าวคำพูด “จะว่าไป ปีนี้เธอไม่ได้ไปเซี่ยงไฮ้เหรอ?”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หานเมิ่งฉีก็เผยยิ้ม ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะตอบคำถามนี้นัก
” ถ้าถามมากไปสิพี่ เดี๋ยวจะโดนสาวๆ ไม่ชอบเอานะ”
เสี่ยวถงตีมือลู่โจวพร้อมกับพูดแทรกขึ้นมา จากนั้น ทั้งสามก็ถอดรองเท้าแตะและเดินเข้าบ้าน
หลังจากผ่านเข้าประตูมา หานเมิ่งฉีก็มองไปยังห้องนั่งเล่น
เธอยังจำได้ดีว่าเมื่อห้าปีก่อน อาจารย์ลู่เปิดสอนโจทย์คณิตโดยคิดค่าเทอมแค่หลักร้อยเท่านั้น ทว่า ด้วยระยะเวลาเพียงห้าปี อาจารย์ลู่ก็มาอยู่ถึงจุดนี้ได้
เมื่อคิดเช่นนั้น เธอก็รู้สึกท้อแท้นิดหน่อย
ไม่ว่าเธอจะทำงานหนักเพียงไหน หรือจะใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดและห้องทดลองนานแค่ไหน เธอก็ยังคงตามลู่โจวไม่ทัน
ไม่ว่าจะเป็นความรู้หรือฐานะ…
เธอรู้สึกแตกต่างจากเขาไม่น้อย
ทันทีที่ทั้งคู่เดินเข้ามา ลู่โจวก็พลันพูดขึ้น “ยังไม่ได้เก็บบ้านเลยนะ อาจจะสกปรกสักหน่อย หวังว่าพวกเธอจะไม่ถือ”
จากนั้น หานเมิ่งฉีก็พลันกระซิบ “ไม่ต้องห่วง ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยอยู่แล้ว”
“จะช่วยหรือไม่ช่วยก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง เธอก็ไปนั่งพักที่โซฟาก่อนก็ได้” ลู่โจวกล่าวพร้อมเผยยิ้ม
“ได้ยังไงล่ะ?” หานเมิ่งฉียืนกราน “ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ เรื่องงานบ้านถือว่าสบายมาก!”
แม้ว่าลู่โจวจะไม่ต้องการให้แขกมาช่วยทำความสะอาดบ้าน แต่การที่ได้เห็นเธอมีเรี่ยวแรงแบบนี้ ก็ทำให้ลู่โจวรู้สึกดี
แท้จริงแล้ว บ้านหลังนี้เพิ่งจะโอนเสร็จเมื่อไม่นานมานี้เอง ลู่โจวเองก็ได้ขอให้บริษัททำความสะอาดมาจัดการไปแล้ว
แต่หลังจากเวลาผ่านไป หลายจุดในบ้านก็กลายเป็นสีเทาเพราะเต็มไปด้วยฝุ่น
ทว่า ที่สำคัญที่สุดก็คือเตียงในบ้าน
ต้องซื้อหุ่นยนต์ทำความสะอาดมาหรืออย่างไรกัน? บอกให้เสี่ยวไอเป็นคนทำไม่ดีกว่าเหรอ?
ถึงอย่างไร หุ่นยนต์ก็ทำได้ดีไม่เท่าคนหรอก…
ลู่โจวก็พลันคิดว่านี่เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว
…
ไม่นาน… ทั้งสามคนก็มานั่งกินข้าวกลางวันกันที่โต๊ะทานอาหาร
ลู่โจวได้เตรียมอาหารดีๆ ไว้ให้พวกเธอเรียบร้อยแล้ว
หลังจากห่างหายไปนาน หานเมิ่งฉีก็ได้ทานอาหารที่ลู่โจวเป็นคนทำเสียที เธอเผยใบหน้าที่มีความสุข
ในระหว่างที่กำลังทานอาหาร ลู่โจวก็ได้คุยกับเสี่ยวถง “ปีหน้าเธอต้องคิดถึงเรื่องอนาคตได้แล้วนะ หลังเรียนจบ อยากจะทำอะไรล่ะ? หรือวางแผนอะไรเอาไว้บ้าง?”
เป้าหมายของเสี่ยวถงนั้นชัดเจน “ฉันวางแผนที่จะเรียนต่อต่างประเทศ”
“ที่ไหนล่ะ?”
“มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ฉันได้รับจดหมายแนะนำมาตอนไปที่นั่นระหว่างที่ยังเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนช่วงฤดูร้อน…แล้วก็พี่ชาย พี่เขียนจดหมายแนะนำให้ฉันได้ไหม?”
สาชาเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดถูกจัดอันดับให้อยู่ที่สองของโลก วิชาเอกเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดนั้นยอดเยี่ยมมาก ทว่ามันก็มีความเป็นวิชาการมากกว่าที่จะเอาไปประยุกต์ใช้
ลู่โจวเผยยิ้มพร้อมมองไปยังใบหน้าของเสี่ยวถง
“ไม่มีปัญหา เรื่องเล็กน้อยน่า”
ทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ลู่โจววางตะเกียบในมือลงพร้อมลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวขอไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ”
แล้วเขาก็เดินออกไปยืนที่ปลายบันไดเพื่อรับโทรศัพท์
ไม่ทราบผู้โทร แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเบอร์โทรระหว่างประเทศ
คุณรู้หรือไม่ว่าชาวต่างชาติเหล่านี้ไม่รู้จักแอปพลิเคชันวีแชต? พวกเขาต้องเสียค่าโทรให้กับให้กับบริษัทสื่อสารทุกทีที่โทรข้ามประเทศ
“ว่าไง?”
“ฉันเองนะ!” แคริเบอร์กล่าว
ทันทีที่ได้ยินสำเนียงอังกฤษเยอรมันที่คุ้นเคยและหวนนึกถึงอีเมลที่ตัวเองส่งไปเมื่อสองวันก่อน ลู่โจวก็รับรู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนโทรมา
“ศาสตราจารย์แคริเบอร์? มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ศาสตราจารย์แคริเบอร์ที่กำลังนั่งอยู่ในล็อบบี้พลันหายใจเข้าเฮือกใหญ่พร้อมกล่าวคำพูดออกมา “ตอนนี้ฉันอยู่ที่ดูไบแล้ว”
“ดูไบ?”
ศาสตราจารย์แคริเบอร์เริ่มบ่น “ใช่ เที่ยวบินจากเยอรมนีไปจีนเต็มหมดเลย อีกอย่าง ฉันก็ให้ผู้ช่วยเป็นคนจองตั๋วให้ด้วย นี่ถือเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุดแล้ว”
“แล้วจะถึงจีนเมื่อไหร่ครับ?”
“วันมะรืน”
“วันมะรืน?” ลู่โจวเริ่มขมวดคิ้ว
ศาสตราจารย์แคริเบอร์กล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “เที่ยวบินของฉันล่าช้าน่ะ”
ลู่โจวขมวดคิ้วอีกครั้ง
คือ…
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ลู่โจวเองก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไร
ศาสตราจารย์พูดต่อว่า “อันที่จริง ก่อนที่ฉันจะไปถึงจินหลิง ฉันต้องไปขึ้นเครื่องที่ปักกิ่งก่อน แต่ตอนนี้ฉันน่าจะตกเครื่องแล้วด้วย… นายพอจะรู้บ้างไหมว่าจะเดินทางจากปักกิ่งไปจินหลิงได้อย่างไร?”
ลู่โจวเข้าใจปัญหาที่ศาสตราจารย์แคริเบอร์กำลังเผชิญอยู่ในทันที
เพื่อที่จะไม่ให้ตกเครื่อง สำหรับการเดินทางในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อตั๋วรถไฟหรือตั๋วสายการบินอะไรก็ตามแต่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะซื้อโดยไม่ต้องจองล่วงหน้าก่อนสองถึงสามวัน
“ถ้าลงเครื่องที่ปักกิ่งแล้ว ก็ใช้โทรศัพท์โทรมาได้เลยครับ เดี๋ยวจะมีคนไปช่วยคุณเรื่องตั๋วเครื่องบินเอง”
ศาสตราจารย์แคริเบอร์ลังเล “โทรศัพท์? มันจะใช้ได้เหรอ?”
“เดี๋ยวก็รู้ครับ”
………………………………………………