ณ สถาบันวิจัยวัสดุแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์จีน
เซิ่งเซียนฟู่ที่ยืนอยู่ในห้องทำงานวางใบลาออกไว้บนโต๊ะพร้อมก้าวถอยหลังครึ่งก้าว เขามองไปยังหัวหน้าด้วยความรู้สึกผิด
“ผมจะลาออกครับ”
หัวหน้าไม่อยากเชื่อใบลาออกที่วางอยู่ตรงหน้า เขามองไปยังเซิ่งเซียนฟู่ทันที
“ลาออก?”
“ใช่ครับ” เซิ่งเซียนฟู่พยักหน้าพร้อมตระหนักกับตัวเองว่าจะถอยกลับไม่ได้แล้ว เขาหายใจเข้าเฮือกใหญ่พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสงบ
“คุณก็รู้ว่าผมกำลังศึกษาเรื่องเครื่อง STELLARATOR อยู่ นี่ถือเป็นโอกาสทองเลยก็ว่าได้ แต่น่าเสียดายเพราะผมรู้ดีว่าคุณเองก็ไม่อยากจะเลือกระหว่างนักวิชาการโจวกับศาสตราจารย์ลู่ งั้นการที่ผมลาออกจะเป็นการดีกว่า”
หัวหน้าพลันส่ายหัว “ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ? ไม่ว่าจะนักวิชาการโจวจะถูกหรือผิด แต่มันก็เป็นเรื่องของสองคนนั้น การเอาเรื่องพวกนั้นมาปนกันจะทำให้มีแต่ความไม่สบายใจเปล่า ๆ”
หัวหน้าถอนหายใจพร้อมมองไปยังใบลาออก
“ฉันจะให้นายลองไปคิดดูอีกสักสองสามวันก่อน”
ความสามารถของศาสตราจารย์เซิ่งเซียนฟู่เป็นอะไรที่น่าชื่นชมไม่น้อย เขาไม่ต้องการที่จะสูญเสียนักวิจัยระดับนี้ไป
ซึ่งถ้าเป็นคนอื่น เขาคงจะปล่อยให้ลาออกไปแล้ว
เซิ่งเซียนฟู่พลันส่ายหัว “ไม่ต้องคิดอะไรแล้วครับ เพราะผมคิดดีแล้วก่อนที่จะทำแบบนี้”
ไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้อีกต่อไป เนื่องจากเหลือเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์เขาก็จะต้องไปแล้ว
ทันทีที่เห็นท่าทีของเซิ่งเซียนฟู่ หัวหน้าเองก็ไม่พูดอะไรต่อ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องเซ็นชื่อของตนลงไปในใบลาออกพร้อมทั้งนำตราประทับทางการออก
“ผมตัดสินใจแล้ว ผมไม่มีอะไรจะพูด”
“งั้นฉันก็จะอนุมัติการขอลาออกของนายไปที่แผนกบุคคลเพื่อทำตามขั้นตอนให้เสร็จ”
เซิ่งเซียนฟู่พยักหน้าให้กับหัวหน้า
“ขอบคุณครับ”
ทันทีที่สิ้นสุดคำขอบคุณ เขาก็หันหลังและเดินจากไป
…
ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยหยูฮัวนั้นค่อนข้างราบรื่น เมื่อได้ยินคำเชิญของลู่โจว ศาสตราจารย์หลี่ก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
ถึงกระนั้นในช่วงเวลาเดียวกัน เขาเองก็ได้ยื่นคำร้องโดยหวังว่าจะรักษาตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเอาไว้ได้
นี่ไม่ใช่แค่คำขอของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นคำขอร้องของนักวิจัยคนอื่นในทีมวิจัยนี้ด้วย
สำหรับลู่โจวเหล่าข้อกำหนดที่พวกเขาหยิบยกมานั้นได้รับการแก้ไขเป็นอย่างดีแล้ว
อีกอย่างลู่โจวเองก็ได้พบกับคณบดีอู๋ อีกทั้ง หลังจากที่เขาให้สัญญาว่าจะจะรวมมหาวิทยาลัยหยูฮัวเป็นหน่วยวิจัยร่วมของโครงการเครื่อง STELLARATOR ลู่โจวก็ได้ตอบตกลงทันที
แม้ว่ามันจะเป็นโครงการวิจัยเครื่อง STELLARATOR ของสถาบันหยูฮัว แต่แท้จริงแล้ว H1-HELIA ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อสถาบันหยูฮัวอยู่ดี
ไม่ว่าฝ่ายอุตสาหกรรมจะคิดอย่างไร แต่ในแง่ของคนธรรมดาแนวคิดเรื่องนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมก็ยังคงถือว่าห่างไกลกับความเป็นจริง ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าศาสตราจารย์มากนัก ทั้งนี้จะเป็นการดีกว่าที่จะให้เหล่านักวิจัยได้มาเข้าร่วมทีมโครงการเครื่อง STELLARATOR ในฐานะผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยของจีนเพื่อสนับสนุนกองทุนมูลค่ากว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์นี้ ถึงอย่างไรแล้วก็ไม่มีใครทราบว่าผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่จะถือกำเนิดขึ้นมาตอนไหนอยู่ดี
ในฐานะหน่วยวิจัยร่วมพวกเขาก็อดที่จะสงสัยไม่ได้
มหาวิทยาลัยหยูฮัวนั้นตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ลู่โจวเองจึงไม่หยุดความพยายามอยู่แค่มณฑลหูหนาน เขารีบกลับไปยังเมืองจินหลิงในวันรุ่งขึ้นและเริ่มเตรียมตัวสำหรับการไปเยือนและแลกเปลี่ยนกับทีมมักซ์พลังค์แห่งเยอรมนีทันที
นักวิจัยทางการทั้งห้าคนรวมถึงศาสตราจารย์หลี่และนักวิจัยร่วมอีกกว่าสิบคนพร้อมด้วยเหล่านักวิชาการคนอื่นกำลังช่วยกันเรื่องนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุม ท้ายที่สุดแล้วโครงการเครื่อง STELLARATOR ก็มีทีมและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
ในตอนนั้นเองกลับมีบางอย่างที่ทำให้เขาประหลาดใจ
เดิมทีลู่โจวเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากทีมวิจัยของโครงการ ITER ที่นำโดยนักวิชาการโจวอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขากลับได้รับความช่วยเหลือจากนักวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์เซียงหยาเพิ่มมาด้วย
แม้ว่าเขาจะลาออกไปแล้วก็ตาม…
ณ ห้องทำงานของสถาบันการศึกษาขั้นสูงจินหลิง ลู่โจวได้พบปะกับผู้เชี่ยวชาญเครื่อง STELLARATOR มากมาย
“ศาสตราจารย์เซิ่งเซียนฟู่ ยินดีที่ได้พบครับ” ลู่โจวลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทำงานพร้อมก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือขวาออกไป
“ผมเอง” ลู่โจวกล่าว จากนั้นเซิ่งเซียนฟู่ก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องมาพูดแบบนั้นเลย ฉันไม่ได้เป็นศาสตราจารย์แล้วนะ”
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของตำแหน่งในสถาบันวิจัยวัสดุเท่านั้น เพราะในอนาคตเซิ่งเซียนฟู่เองต้องทำงานในจินหลิงไปอีกนานหากคิดถึงปัจจัยส่วนอื่นก่อนที่จะมาที่นี่ ก็กล่าวได้ว่าเขาได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกงไปแล้ว
“ถ้าไม่รังเกียจ สถาบันการศึกษาขั้นสูงจินหลิงยินดีที่จะจัดหาตำแหน่งนักวิจัยให้กับคุณนะ”
เซิ่งเซียนฟู่พยักหน้าและกล่าวขอบคุณ
“ฉันเคยอ่านใบสมัครของนายอยู่ นายเคยทำการทดลองเวนเดลสไตน์เซเว่นเอ็กซ์ด้วยงั้นเหรอ?” ลู่โจวถามด้วยความสงสัย
เซิ่งเซียนฟู่พยักหน้าและตอบตามความเป็นจริง “สถาบันวัสดุศาสตร์แห่งวิทยาศาสตร์จีนได้มีการจัดโครงการวิจัยร่วมกับสถาบันฟิสิกส์พลาสมาของมักซ์พลังค์เกี่ยวกับการทดลองเรื่องปฏิสัมพันธ์ของพลาสมา อีกทั้ง ฉันเองก็ได้เข้าร่วมการประชุมกับองค์กรความร่วมมือ ITER ตั้งหลายต่อหลายครั้ง”
ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าสถาบันมักซ์พลังค์กำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่สินะ แล้วคุณคุ้นเคยกับมันบ้างไหมล่ะ?”
“ไม่ค่อยเท่าไหร่”
ลู่โจวพยักหน้า “ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว”
เซิ่งเซียนฟู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องมีความรับผิดชอบเยอะขนาดนี้ตั้งแต่แรก
เซิ่งเซียนฟู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกล่าวออกมา
“เอ่อ…มันก็ยังไงอยู่นะ ฉันเพิ่งจะมาถึงที่นี่เอง ฉันยังไม่คุ้นชินกับพวกกลุ่มเยี่ยมเยียนเท่าไหร่ แล้วนายไม่ไปด้วยกันหรือไง?”
“ไม่มีอะไรต้องกังวลไปหรอกครับ คนอื่นก็ไม่ต่างจากคุณเท่าไหร่” ลู่โจวกล่าว “ผมเองก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ”
ชื่อของศาสตราจารย์เซิ่งเซียนฟู่อยู่ในรายชื่อที่นักวิชาการผานเอามาให้กับลู่โจว เขารู้สึกประทับใจไม่น้อย
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของสาขาฟิสิกส์พลาสมาประเทศจีน งานวิจัยของเขานั้นเกี่ยวข้องกับเครื่องโทคาแมคและเครื่อง STELLARATOR อีกทั้ง เขายังมีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำในต่างประเทศอีกด้วย
ไม่นานนัก ลู่โจวพลันเผยสีหน้าจริงจังและมองไปยังเซิ่งเซียนฟู่ จากนั้น เขาก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องนี้สำคัญมากนะ ผมหวังว่านายจะใส่ใจกับมันมากพอ แต่แน่นอน ถ้าคุณปฏิเสธ ผมก็จะไม่บังคับ… แต่ผมก็คิดว่าคุณเหมาะสมที่สุดแล้ว”
เซิ่งเซียนฟู่พยักหน้า “งั้นฉันจะลองดูก็ได้!”
ลู่โจวปรบมือและพยักหน้า “ดีเลยครับ”
เซิ่งเซียนฟู่พลันถามขึ้น “แล้วจะเริ่มออกเดินทางตอนไหนล่ะ?”
“ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ครับ”
ปลายเดือนกุมภาพันธ์?
ดังนั้น เขาจึงมีเวลาเตรียมตัวอีกแค่สามวัน
เมื่อคิดถึงเรื่องการเดินทางที่ใกล้เข้ามา เซิ่งเซียนฟู่ก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันที่ตนได้รับ
ถึงกระนั้น เขาก็ไม่คิดที่จะบ่นอะไรออกมา ในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความหวัง
บางที ความสว่างไสวของนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมอาจเบ่งบานในมือของบุคคลนี้ก็เป็นได้
……………………………………………