ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ นี่ก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว โจวเฉิงฟู่ก็ยังไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวใด ๆ จากโครงการ STAR เลย
เขาไม่ได้ยินทั้งเรื่องการเตรียมการทดลองใหม่หรือเห็นการตอบโต้ต่อบทความวิจารณ์ทางวิทยาศาสตร์ของลู่โจวแม้แต่น้อย
มันเหมือนกับ…
ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้โจวเฉิงฟู่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ตามที่โจวเฉิงฟู่คิดในตอนแรก ทันทีที่ลู่โจวเห็น เขาจะต้องเริ่มการทดลองนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมครั้งต่อไปทันทีเพื่อทำการพิสูจน์ตัวเองเป็นแน่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ถูกกล่าวถึงในบทความก็ตาม
ไม่ว่าลู่โจวจะถูกกล่าวถึงหรือไม่ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว
แต่ทว่า โจวเฉิงฟู่เองก็ไม่อยากจะแพ้ให้กับลู่โจว
ท้ายที่สุดแล้; โจวเฉิงฟู่ก็ไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเครื่อง STAR เป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานในหนึ่งวินาทีหรืออะไรก็ตามแต่ เขายังรู้เรื่องพวกนี้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่
แม้ว่าสถานะของอุปกรณ์ WEGA จะไม่ได้อยู่ในจุดที่ดีนัก แต่มันก็เป็นเพียงการคาดเดาตามทัศนคติของชาวเยอรมันที่เห็นด้วยกับข้อเสนอห้าร้อยล้านยูโร หลายต่อหลายคนอาจจะไม่ค่อยได้พูดถึงเรื่องนี้ เพราะมันเป็นอะไรที่มีความละเอียดอ่อนไม่น้อย
“ลู่โจวตอบโต้อะไรกลับมาบ้างไหม?” โจวเฉิงฟู่นั่งอยู่ในสำนักงานพร้อมเปิด “ข่าวอุตสาหกรรมนิวเคลียร์” ฉบับล่าสุดขึ้นมา
เจียเหลียงไคยังคงรู้สึกสับสน
เขาพลันหันหน้ากลับมาหานักวิชาการโจวและครุ่นคิด
“เหมือนจะไม่นะ… เขาจะไม่ตอบโต้อะไรกลับมาเลยหรือยังไง?”
โจวเฉิงฟู่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ฉันก็ไม่แน่ใจ อุปกรณ์ WEGA เองก็ถูกปิดตัวลงตั้งแต่ปี 2013 แล้ว นี่ก็เกือบหกปีแล้ว มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นบ้างแหละ”
หลังจากมีการเปิดตัวโครงการหินเกลียวเซเว่นเอ็กซ์ไปแล้ว อุปกรณ์ WEGA ก็เหมือนถูกลืมเลือนหายไปจากวิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรม บทความเกี่ยวกับอุปกรณ์ชิ้นนี้แทบจะไม่มีให้เห็นเลยด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุดแล้ว นิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมก็ไม่ใช่ประเด็นที่ร้อนแรงอะไรมากนัก เพราะการวิจัยนั้นเน้นไปที่อุปกรณ์ฟิวชันหลายตัวที่กำลังทำงานอยู่
หากไม่มีการเผยแพร่บทความที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ WEGA ก็คงจะไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์ของอุปกรณ์นี้เป็นเช่นไร
โจวเฉิงฟู่เริ่มสงสัยตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องมีข้อผิดพลาดอะไรแน่เพราะอุปกรณ์ถูกส่งคืน มิฉะนั้นมันก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่ชาวเยอรมันจะเสนอขายให้กับลู่โจว
ท้ายที่สุด เงินกว่าห้าร้อยล้านยูโรก็ถูกประเมินไปตามวัตถุประสงค์จากมุมมองของคนวงใน กล่าวคือมันยังคงมีบางที่ที่เสนอราคาที่ถูกกว่านี้…
หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ โจวเฉิงฟู่ก็กล่าวออกมา
“ขอดูอีกสักสองสามวันก่อนแล้วกัน”
เขาต้องการรอจนถึงสิ้นเดือน
ถ้าลู่โจวยอมใช้เงินสี่พันล้านหยวนเพื่อซื้อเศษเหล็ก มันก็น่าสนใจไม่น้อย…
…
ทั้งนี้โจวเฉิงฟู่ก็พลันคิดว่าเขายังคงถือไพ่เหนือกว่า
ณ สถาบันจินหลิงที่อยู่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร ท้องฟ้าที่นั่นกำลังแจ่มใส
ในวันที่บรรยากาศดี สถาบันจินหลิงก็ได้จัดตั้งการแข่งขันจำพวกเกม คณาจารย์และเจ้าหน้าที่ขึ้นมา
นอกเหนือจากการแข่งขันในสนามแบบเดิมเช่น การวิ่ง การวิ่งผ่านกีดขวาง การกระโดดสูง การกระโดดไกลและการวิ่งผลัดแล้ว ยังคงมีเกมการแข่งขันอีกมากมายรวมถึงปิงปอง ฟุตบอลและบาสเกตบอลให้เข้าร่วมเพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นทีมอีกด้วย มันเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย
ในระหว่างพิธีเปิดงาน ผู้เข้าแข่งขันยกธงประจำชาติถือจัตุรัสของนักกีฬาขึ้น จากนั้นคณบดีก็ได้กล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ
“ตาเฒ่าถัง ยังไหวอยู่ใช่ไหมเนี่ย?”
ศาสตราจารย์หลู่ฟ่างผิงยืนอยู่บนเส้นวิ่งเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยเมตรกล่าวคำพูดด้วยน้ำเสียงสดใส
ทันทีที่ได้ยินคำพูดติดตลกของเพื่อนตัวเอง ศาสตราจารย์ถังก็เผยเสียงหัวเราะ “ฉันไม่กังวลอยู่แล้ว นายนั่นแหละ ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี อย่าขยับเอวเยอะไปล่ะ”
“ไม่คิดจะวอร์มก่อนวิ่งเลยหรือไง?” เฒ่าลู่กล่าวขึ้น
“แค่เหยียดขาครั้งสองครั้งก็พอแล้ว”
“อย่าหาว่าไม่เตือนก็แล้วกัน”
ในตอนนี้ผู้ตัดสินกำลังยืนอยู่ข้างสนามและยกปืนขึ้นฟ้า ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดมุ่งความสนใจไปที่เส้นทางตรงหน้า
“เตรียมตัว”
“ระวัง”
“ไป!”
เมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ศาสตราจารย์หลายต่อหลายคนเริ่มเร่งฝีเท้าราวกับกระต่าย
หลังจากผ่านไปราวสองวินาที เรื่องตลกก็เกิดขึ้น
เรื่องแรกคือศาสตราจารย์ถังที่ถอดรองเท้าและวิ่งออกไปหกล้มตั้งแต่ระยะทางห้าหรือหกเมตรแรก ตามมาด้วยเฒ่าลู่
เห็นได้ชัดว่าท่าทางไม่ได้แสดงให้เห็นถือความฉลาดแต่อย่างใด
แต่โชคดีที่เส้นทางนั้นไม่ได้อันตรายมากนัก พวกเขาเลยไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเขาจะมีแผลที่ท้องนิดหน่อยก็ตาม
ทั้งศาสตราจารย์และนักเรียนที่ยืนดูอยู่ข้างสนามต่างโห่ร้องอย่างหนักเพื่อให้กำลังใจ
ถึงอย่างไรแล้ว ด้วยจิตวิญญาณแห่งความไม่ยอมแพ้ ทั้งสองศาสตราจารย์ก็พลันลุกขึ้นวิ่งอีกครั้ง พวกเขาวิ่งไปพร้อมกับเสียงปรบมือของผู้คนที่อยู่ด้านข้าง
อีกด้านหนึ่งของสนาม มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งกำลังยืนอยู่ในสนามบาส การแข่งขันที่กำลังดำเนินอยู่ ณ สนามบาสคือการเผชิญหน้ากันระหว่างสถาบันการศึกษาขั้นสูงและมหาวิทยาลัยจินหลิงสาขาเคมี
เมื่อเทียบกับการแข่งขันระหว่างในสนามและนอกสนามแล้ว บอกได้เลยว่าเกมลูกหนังนั้นน่าดูมากกว่า
เห็นได้ชัดว่ามีผู้ชมรอบสนามบาสมากกว่าสนามวิ่ง
แน่นอน อาจเป็นเพราะการปรากฏตัวของลู่โจวในสนามก็ได้
คนส่วนมากล้วนอยากจะไปดูการแข่งขันของลู่โจว ทุกคนรู้ดีกว่าเขาเป็นถึงผู้ชนะรางวัลโนเบล ในระหว่างที่การแข่งขันกำลังดำเนินไป ลู่โจวก็ช่วยทำให้เกมนั้นสนุกมากขึ้น
ถึงอย่างไรแล้ว ลู่โจวเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับฝูงชนเหล่านั้นมากนัก เขาต้องมุ่งความสนใจไปที่สนามแข่ง
ถึงแม้ว่าลู่โจวจะยุ่งอยู่กับงานวิจัยมากว่าหกเดือน แต่ตอนนี้เขากลับมีความสุขไม่น้อยที่ได้ออกมายืดเส้นยืดสาย
และสำหรับการแข่งขัน…
รายละเอียดนั้นไม่สำคัญเลย
การเล่นบาสเกตบอลเป็นเหมือนความสุขของลู่โจวไปแล้ว
ทุกคนวิ่งไล่ลูกบาสกันอย่างสนุก
ยิ่งไปกว่านั้นคือลู่โจวยังรู้สึกโล่งอย่างไม่มีเหตุผล ส่วนสาเหตุที่ผู้ชมข้างสนามตะโกนชมเขานั้นน่าจะไม่ใช่เพราะฝีมือในการเล่นแน่นอน
ส่วนเหตุผลที่แท้จริงน่ะเหรอ?
ยังต้องถามอยู่อีกหรือยังไงกัน?
ลู่โจวเองก็ไม่รู้เช่นกัน อาจจะเป็นเพราะความหล่อเหลาของเขาก็ได้…
นักเรียนระดับปริญญาตรีหลายคนในสาขาเคมีที่ยืนอยู่ที่ขอบสนามบาสเกตบอลจ้องมองลู่โจว
“ดูนั่นสิ ศาสตราจารย์ลู่! ฉันชอบไปคุยกับเขาเรื่องแบบจำลองเชิงทฤษฎีของโครงสร้างพื้นผิวสัมผัสเคมีไฟฟ้าอยู่บ่อย ๆ คนอื่นแทบไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเขาเลยด้วยซ้ำ”
“คงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง ใคร ๆ ก็เอ่ยปากชมได้ทั้งนั้นแหละ”
“ทำไมนายต้องพูดแบบนั้นด้วย?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ยังไงเขาก็ต้องการอวดรางวัลโนเบลของตัวเองอยู่แล้ว”
“แล้วทำไมต้องคิดแบบนั้นล่ะ? ศาสตราจารย์ทุกคนยอมลงแข่งก็เพื่อให้ทุกคนได้ผ่อนคลายกัน”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงทะเลาะกันดังขึ้นอยู่ข้างสนาม
“นายพูดเรื่องบ้าอะไร?”
นักเรียนสองสามคนมองหน้ากันด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นเอง ทุกคนก็เผยใบหน้าราวกับเห็นผีโผล่ออกมา
……………………………………………