สำหรับเสี่ยวไอแล้ว ลู่โจวนั้นเป็นคนรอบคอบมาก
แม้ว่าเขาจะศึกษาการเข้ารหัสหลักแล้ว แต่ยังมีอีกหลายคนที่ไม่เข้าใจถึงจุดนี้ นี่ไม่ใช่เทคโนโลยีสีดำที่เขาค้นคว้าด้วยตัวเอง มันเป็นเรื่องของระบบ
อีกทั้ง เขาเองยังไม่สามารถรู้แน่ชัดว่ามันมีอันตรายอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่
ถึงกระนั้น ลู่โจวก็ต้องลองเสี่ยงดู
ถ้าเสี่ยวไอช่วยได้ คงจะเป็นเหมือนแรงกระตุ้นที่ยิ่งใหญ่ของเขาเลยทีเดียว
ทั้งนี้ วิทยาการสารสนเทศก็ได้รับการจัดอันดับ
และลู่โจวเชื่อว่ามันเป็นหนึ่งในสามเสาหลักของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ การวิจัยของเขายังคงเจาะลึกลงไปเจอกับสิ่งที่ไม่รู้จัก อีกทั้ง ยังคงต้องขยายขอบเขตออกไปอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ วิทยาการสารสนเทศเองก็ดูจะมีประโยชน์และคุณค่าไม่น้อย
ไม่กี่วันหลังจากการประชุมคณะและกีฬา ลู่โจวได้เรียบเรียงข้อมูลการทดลองการติดตั้งอุปกรณ์สตาร์ครั้งล่าสุดและจัดเตรียมงานชิ้นต่อไปให้กับทีมนักวิจัยในโครงการ หลังจากนั้นเขาก็ต้องเตรียมตัวไปลอสแองเจลิส
สำหรับการประชุมแลกเปลี่ยนเรื่องนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมระดับสากลนี้ ศาสตราจารย์หลี่ฉางเซียจะเป็นคนทำรายงานในการประชุม อีกทั้ง ผู้จัดการซุนเฉิงหวู่ และหัวหน้าของกลุ่มวิศวกรก็เข้าร่วมการประชุมด้วย
จุดประสงค์ในการเดินทางมาที่ประชุมของผู้จัดการซุนและหัวหน้าวิศวกรเฉากานเว่ยก็คือการพัฒนาตลาดต่างประเทศ
นอกเหนือจากสามคนนี้แล้ว ก็ยังมีนักศึกษาปริญญาเอกอีกสองคนที่จะไปกับลู่โจวด้วย
ก่อนวันออกเดินทาง ระหว่างที่กำลังเตรียมงานอยู่ที่สถาบัน ลู่โจวเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์เพื่อพบกับนักศึกษาปริญญาเอกของศาสตราจารย์ยูจินซอง
“พวกเธอคือ?”
“เฟยจิงครับ”
“เตียนซือหลี่ครับ”
เมื่อได้ยินชื่อทั้งสอง ลู่โจวก็พลันเผยยิ้ม
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ทั้งคู่เลย”
ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม
“เช่นกันครับ”
…
ไม่ว่าศาสตราจารย์ยูจินซองจะชอบเรียกชื่อนักเรียนของตนว่าอย่างไร ลู่โจวและทั้งคู่ก็เริ่มตกลงกันเรื่องเวลาออกเดินทางและสถานที่นัดพบ
การประชุมจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคม ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลในตัวเมืองลอสแองเจลิส ทั้งนี้ พวกเขาตัดสินใจออกเดินทางล่วงหน้าสองวัน ซึ่งนั่นก็คือวันที่ 29 มิถุนายนเพื่อให้มีเวลาเตรียมตัว
ในวันเดินทาง พวกเขาบินไปเปลี่ยนเครื่องที่เซี่ยงไฮ้ก่อน จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังลอสแองเจลิส
เฉากานเว่ยเอาแต่หลับหูหลับตาทันทีที่เครื่องบินขึ้น
“ฉันเกลียดเครื่องบิน!”
เฟยจิงขดตัวและมองไปยังพื้นดินผ่านทางหน้าต่าง “พออยู่ที่สูงแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างไรก็ไม่รู้”
เตียนซือหลี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ พลันถอนหายใจ “จากมุมมองทางสถิติ ความเป็นไปได้ที่เครื่องบินตกยังต่ำกว่าความเป็นไปได้ที่จะถูกรางวัลที่หนึ่งเสียอีกนะ”
เฟยจิงพลันเถียงกลับ “แต่จากมุมมองของกลศาสตร์ควอนตัม ความเป็นไปได้มันไม่สามารถแยกแยะได้จนกว่าเครื่องบินจะถูกสถานีฐานเรดาร์ภาคพื้นดินตรวจสอบความปลอดภัยอีกครั้ง”
“ฉันว่ากลศาสตร์ควอนตัมไม่ใช่สิ่งที่พวกนายจะเอามาเถียงสู้นะ แล้วก็หยุดทะเลาะกันได้แล้ว”
ลู่โจวที่นั่งอยู่ข้างทั้งคู่พลันพูดแทรกขึ้นมา
การพูดถึงอุบัติเหตุทางอากาศบนเครื่องบินไม่ใช่เรื่องดีเสียเท่าไหร่
ขณะนั้น ลู่โจวก็สังเกตเห็นว่าผู้โดยสารหลายคนกำลังส่งสายตาไม่พอใจตรงมา
เมื่อทั้งสองได้ยินลู่โจวพูดแทรกขึ้นมาแบบนั้น ก็รีบปิดปากทันที
ทันใดนั้นชายชราที่นั่งอยู่ข้างลู่โจวพลันพูดภาษาจีนกลางขึ้นมา
“คุณกำลังจะไปประชุมวิชาการเหรอ?”
หลังจากชายชราพูดขึ้น ลู่โจวก็พลันถามกลับด้วยความสงสัย
“คุณรู้ได้อย่างไรกัน?”
“ฉันเองก็เข้าร่วมการประชุมวิชาการบ่อยอยู่ แล้วก็เข้าใจภาษาจีนกลางนิดหน่อย อีกทั้งยังได้ยินเนื้อหาที่พวกคุณคุยกัน ก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาน่ะ” ชายชรากล่าว “หวังว่าคงจะไม่ถือสาอะไรนะ ว่าแต่คุณกำลังศึกษาฟิสิกส์อยู่หรืออย่างไรกัน?”
ลู่โจวเผยยิ้มแล้วตอบกลับ “ทั้งคู่เป็นนักเรียนของผมเอง และใช่ครับ พวกเขาศึกษาเรื่องฟิสิกส์ ส่วนผมจะเน้นไปทางคณิตศาสตร์เสียมากกว่า ผมไม่ค่อยเก่งฟิสิกส์เท่าไหร่”
ทุกคนพลันขมวดคิ้ว
ใช่แล้ว ลู่โจวบอกไปว่าเขารู้เรื่องฟิสิกส์ไม่มากนัก
แต่แล้วมันทำไมล่ะ?
ผู้จัดการซุนพลันเผยยิ้มและกล่าวออกมา “ไม่ต้องมามองผมเลย พวกเขาคุยกันเรื่องงานวิจัย ส่วนผมเป็นแค่คนธรรมดา แค่ฟิสิกส์ของเด็กมัธยมผมยังไม่รู้เรื่องเลย”
ชายชราพลันตอบกลับ “ไม่ต้องคิดมาก ฉันรู้เรื่องการวิจัยก็จริง แต่ก็ไม่มากนักหรอก ฉันเคยศึกษาฟิสิกส์ของสารควบแน่นอยู่ แต่แท้จริงแล้ว งานวิจัยของฉันเกี่ยวกับพวกวัสดุศาสตร์ แล้วคุณล่ะ?”
“ฟิสิกส์พลาสมาครับ” ศาสตราจารย์หลี่ฉางเซียกล่าว
ชายชราพยักหน้า “เคยได้ยินมาเหมือนกันว่ามันเป็นสาขาการวิจัยที่ซับซ้อนมาก”
ถึงกระนั้น โอกาสที่เหล่านักวิชาการจะได้พบกันโดยบังเอิญบนเครื่องบินก็ไม่ได้มีมากนัก
ระหว่างที่เครื่องบินกำลังบินอยู่บนท้องฟ้านั้น พวกเขาทุกคนก็คุยกันเพื่อแก้เบื่อต่อไป
ตามที่ชายชราบอก เขาได้เข้าร่วมการประชุมทางวิชาการในชุมชนวัสดุศาสตร์นานาชาติที่เซี่ยงไฮ้เมื่อไม่กี่วันก่อน และตอนนี้เขากำลังนั่งเครื่องกลับไปที่สหรัฐอเมริกา
ไม่นาน…ลู่โจวก็พลันถามคำถามขึ้น
“ผมขอถามชื่อคุณหน่อยได้ไหม?”
“บาเวนดิน่ะ” ศาสตราจารย์บาเวนดิกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แล้วคุณล่ะ?”
ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น ลู่โจวก็เงียบไปชั่วครู่
บาเวนดิ?
มันจะบังเอิญขนาดนี้ได้ด้วยเหรอ?
“ผมชื่อลู่โจวครับ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อลู่โจว ศาสตราจารย์บาเวนดิก็เผยสีหน้าสุดประหลาดใจ
“ลู่โจว? คุณคือลู่โจว? คนที่ได้รับรางวัลโนเบล?”
ลู่โจวเผยยิ้มและตอบกลับ “ครับ ใช่แล้ว ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณโดยบังเอิญแบบนี้เหมือนกัน”
ศาสตราจารย์หลี่ฉางเซียพลันถามขึ้น “รู้จักกันด้วย?”
ลู่โจวพยักหน้า “เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ก็เพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรกนี่แหละครับ”
ตอนที่ลู่โจวยังเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี ศาสตราจารย์บาเวนดิก็ยังทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบงานวิจัยอยู่เลย
มันเป็นบทความวิจัยเรื่องการคำนวณวัสดุ
อย่างไรก็ตาม วิทยาศาสตร์วัสดุเชิงคำนวณทั้งหมดยังคงเป็นสาขาวิชาใหม่ที่ไม่มีใครเข้าไปมีส่วนร่วม ทว่า เมื่อวันเวลาผ่านไป สาขานี้ก็ได้เข้ามามีบทบาทและมีความสำคัญไม่น้อยต่อการศึกษา
ระหว่างทาง ทั้งคู่ก็ได้พูดคุยเรื่องวัสดุศาสตร์มากมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องวัสดุนาโนคาร์บอน ซึ่งทั้งคู่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
ในระหว่างการสนทนา ศาสตราจารย์บาเวนดิก็ได้พูดถึงเรื่องการพัฒนาล่าสุดของงานวิจัยจากวัสดุนาโนคาร์บอน
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าคุณได้ให้ความสนใจกับการประชุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นานาชาติของ IEEE หรือเปล่านะ แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ศาสตราจารย์บาเนอร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อระหว่างคาร์บอนทั้งหมด”
“เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกับคาร์บอนทั้งหมด?”
“ใช่แล้ว” ศาสตราจารย์บาเวนดิตอบกลับ “สรุปก็คือ… พวกเขาได้สร้างแผ่นไมโครชิปที่สมบูรณ์ โดยทำการแทนที่ทองแดงในการเชื่อมต่อระหว่างแผ่นไมโครชิปอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวัสดุนาโนที่ทำจากคาร์บอน ฉันรู้มาว่างานวิจัยนี้กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงอยู่ คุณน่าจะลองไปหาอ่านดูนะ”
การใช้วัสดุนาโนคาร์บอนในการเชื่อมต่อกับแผ่นไมโครชิป?
นี่เป็นเรื่องที่ฟังดูน่าสนใจไม่น้อย
ลู่โจวพลันรู้สึกสนใจขึ้นมา นี่ทำให้เขานึกถึงความก้าวหน้าในกระบวนการสังเคราะห์ขดลวด SG-1 ขึ้นมาเลย
“ฟังดูน่าสนใจดีนะครับ ถ้ามีเวลา ไว้ผมจะลองหาอ่านดู”
จากนั้น ทั้งสองก็คุยกันไปเยอะมาก
เนื่องจากลู่โจวได้เพื่อนที่สามารถแลกเปลี่ยนปัญหาทางวิชาการด้วย เที่ยวบินนี้จึงไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด
หลังจากใช้เวลาบินไปกว่าสิบชั่วโมง ในที่สุดเครื่องบินก็ลงจอดบนรันเวย์ของสนามบินลอสแองเจลิส
เมื่อลงจากเครื่อง ศาสตราจารย์บาเวนดิและลู่โจวก็จับมืออำลากัน
“หากมีโอกาส ก็มาหากันที่ MIT ได้นะ”
ทั้งคู่จับมือบอกลากัน ลู่โจวเผยยิ้มพร้อมกล่าว “แล้วหากคุณมีโอกาสไปเมืองจินหลิง ก็มาหาผมได้ที่สถาบันนะครับ”
หลังจากทั้งคู่แยกกัน ลู่โจวก็ตะโกนเรียกแท็กซี่สองคันจากด้านนอกสนามบิน ทุกคนมุ่งหน้าไปยังโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ซึ่งเป็นที่จัดประชุม
ระหว่างที่ลู่โจวกำลังเดินผ่านล็อบบี้ของโรงแรมเพื่อไปขึ้นลิฟต์…
เขาก็พลันได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง
“สวัสดีครับ คุณคือศาสตราจารย์ลู่ใช่ไหม?”
…………………………………………………