“คุณคือ?”
“มิชิร์ เบนด์เดอร์บาวเออร์ ประธานและหัวหน้าเทคโนโลยีของบริษัทไตรอัลฟาครับ”
เบนด์เดอร์บาวเออร์กล่าวพร้อมยื่นมือออกมาตรงหน้าของลู่โจว “ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ”
ไตรอัลฟา?
ลู่โจวเลิกคิ้วด้วยความสนใจ
เขาเคยได้ยินชื่อบริษัทอัลฟาที่โด่งดังในด้านนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมมาก่อน
ในฐานะบริษัทนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมที่จัดตั้งขึ้นด้วยทุนเอกชน หัวหน้าใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังบริษัทนี้ก็คือกูเกิล บริษัทอินเทอร์เน็ตที่ใช้ ‘พลังงานสะอาด’ มากที่สุดในโลก
เพื่อให้การทดลองของไตรอัลฟาในเครื่องจักร C2-U ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว บริษัทจึงใช้ข้อได้เปรียบของตัวเองในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อปรับแต่งชุด “อัลกอริทึมทัศนมาตรศาสตร์” ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมขึ้นมา โครงการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์นั้นจะช่วยให้การทดลองนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมที่สร้างพลาสมามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้บริษัทไตรอัลฟาเองก็มีการแข่งขันเรื่องชุดอุปกรณ์ “การกำหนดค่าย้อนกลับ” สูงอยู่เช่นกัน
อุปกรณ์นี้มีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว โดยมีช่องทรงกระบอกเล็กๆ หลายช่องอยู่ระหว่างกัน ซึ่งมันสามารถเพิ่มอุณหภูมิของพลาสมาได้เร็วกว่าการให้ความร้อนด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงทั่วไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งอัลกอริทึมทัศนมาตรศาสตร์และอุปกรณ์กำหนดค่าย้อนกลับเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุม
ถึงกระนั้น ลู่โจวก็รู้สึกว่าเขากำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่สุดประหลาด
ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ขั้นสูง หรือการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในพลาสมาที่เร็วขึ้นกว่าเดิม มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาทางเทคนิคสำหรับนิวเคลียร์ฟิวชันควบคุมสักเท่าไหร่
ระหว่างที่ทั้งคู่จับมือทักทายกัน ลู่โจวก็กล่าว “ยินดีที่เจอคุณเช่นกันครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
เบนด์เดอร์บาวเออร์ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “ไเราไปหาที่คุยกันได้ไหม?”
ลู่โจวหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมาและมองไปยังศาสตราจารย์หลี่ฉางเซีย “โทษทีที่ต้องทำให้รอนะ”
ศาสตราจารย์หลี่ฉางเซียตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวฉันขึ้นไปข้างบนก่อนก็แล้วกัน”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมตามไป” ลู่โจวกล่าว
หลังจากแยกจากกัน ลู่โจวก็มาที่ร้านกาแฟข้างโรงแรมพร้อมกับเบนด์เดอร์บาวเออร์
เบนด์เดอร์บาวเออร์หยิบเมนูขึ้นมาพร้อมหาที่นั่ง
“จะสั่งอะไรดีล่ะ?”
“มอคค่าก็ได้ครับ”
“งั้นเอามอคค่าหนึ่ง กาแฟดำหนึ่ง”
“ได้ครับ” พนักงานพลันจดเมนูลงสมุดอย่างรวดเร็วพร้อมโค้งคำนับและหันกลับไป
ผ่านไปสักพัก กาแฟทั้งสองก็พร้อมเสิร์ฟ
ลู่โจวเอนหลังพิงเก้าอี้และมองไปยังกาแฟที่อยู่บนโต๊ะ “แล้ว… คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมหรือครับ?”
เบนด์เดอร์บาวเออร์นั่งไขว่ห้างพร้อมมองไปยังลู่โจวด้วยความสนใจ “ผมได้ยินมาว่าคุณสนใจในงานวิจัยนิวเคลียร์ฟิวชัน?”
ลู่โจวพยักหน้า “ใช่ครับ มันเป็นอะไรที่ท้าทายมากเลยล่ะ”
“งั้นผมขอถามได้ไหมว่ามันเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัวหรือเงินล่ะ?”
“คุณหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“ก็อย่างที่พูดไป” เบนด์เดอร์บาวเออร์หยิบก้อนน้ำตาลสองก้อนใส่ลงไปในถ้วยกาแฟพร้อมมองไปยังลู่โจว “อย่างไรก็เถอะ คิดจะมาทำงานด้วยกันไหมล่ะ?”
“หือ?”
“ไม่ว่าจะได้เงินมาหนึ่งพันล้านหรือสองพันล้านดอลลาร์ มันก็เป็นเงินคนอื่น ไม่ใช่ของคุณอยู่แล้ว แต่ถ้าร่วมมือกัน เราจะสร้างบริษัทที่ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่านี้ได้ และยังสามารถหาเงินได้กว่าหมื่นล้านหรือแสนล้านได้เลย”
“แล้วข้อเสนอคืออะไรล่ะ?”
“ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือรู้จักกันในนามอัจฉริยะลู่โจว” เบนด์เดอร์บาวเออร์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ผมรับประกันให้ได้เลยว่าคุณจะได้ห้าเปอร์เซ็นต์ของหุ้นทั้งหมด”
นี่คือ…
อยากจะดึงตัวเขาเข้ามามีส่วนร่วมหรือ?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลู่โจวก็พลันส่ายหัวและเผยยิ้ม เขาวางแก้วกาแฟที่อยู่บนมือลง
“นึกว่าคุณจะชวนมาคุยเรื่องเครื่องมือ FRC เสียอีก”
“อย่างไรก็เถอะ ขอบคุณมากนะครับสำหรับกาแฟ แต่ต้องขอโทษด้วย ผมคงช่วยเรื่องนั้นไม่ได้”
ถึงอย่างไร เบนด์เดอร์บาวเออร์เองก็ไม่ได้คาดคิดเอาไว้ว่าลู่โจวจะปฏิเสธเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าลู่โจวกำลังลุก เขาก็พลันถามขึ้น
“ทำไมล่ะ?”
ลู่โจวส่ายหัว “ความคิดเราต่างกัน”
เบนด์เดอร์บาวเออร์กล่าวคำพูดขึ้นพร้อมมองไปยังลู่โจว “แล้วคุณไม่ได้อยากจะสร้างนิวเคลียร์ฟิวชันหรืออย่างไรกัน?”
“งั้นทำไมคุณไม่ลองไปถามนักวิจัยในบริษัทของคุณเรื่องนี้แทนล่ะ? ผมเชื่อว่าพวกเขาจะให้คำตอบคุณได้อย่างมืออาชีพแน่”
“ผมไม่คุยเรื่องนี้กับพวกเขาหรอก อย่างไรคำตอบก็เหมือนเดิม” เบนด์เดอร์บาวเออร์พูดพร้อมส่ายหัว “ผมแค่ต้องการที่จะลงทุนกับบุคคลที่มีประสบการณ์มากกว่าพวกเขา”
จากนั้นลู่โจวก็พลันเผยยิ้มและตอบกลับ
“น่าเสียดาย คำตอบของผมก็คงจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”
…
หนึ่งกรกฎาคม
การประชุมแลกเปลี่ยนนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมระหว่างประเทศได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ในการประชุมวันแรก เฟยจิงและเตียนซือหลี่ก็ลงมารับประทานอาหารเช้าและเดินไปยังห้องบรรยาย
เนื่องจากอาจารย์ยูจินซองของพวกเขาไม่สามารถมาที่นี่ได้ ทั้งคู่จึงต้องมาเป็นตัวแทน และศาสตราจารย์ยูจินซองก็ยังขอให้ทั้งสองจดบันทึกการประชุมโดยละเอียดในที่ประชุมมาด้วย
การประชุมวิชาการครั้งนี้ถือเป็นการประชุมที่สำคัญไม่น้อย
ในไม่ช้า รายงานการประชุมก็จะเริ่มขึ้น
บุคคลแรกที่พูดคือศาสตราจารย์บอทแธมจากศูนย์วิจัยฟิวชันนิวเคลียร์ เรื่องที่เขากำลังรายงานคือการค้นพบใหม่ในการทดลองปฏิสัมพันธ์ของพลาสมา
ไม่ว่าจะเข้าใจเนื้อหาหรือไม่ แต่เฟยจิงและเตียนซือหลี่ก็รีบเปิดสมุดพร้อมจดรายงานการประชุมลงไป
รายงานการประชุมผ่านไปครึ่งทางแล้ว ทว่าเปลือกตาของเฟยจิงพลันเริ่มลดต่ำลง และเตียนซือหลี่ก็พลันกล่าวขึ้นมา “เมื่อหกเดือนก่อน ฉันยังคิดว่าการจดอะไรสักอย่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่เลย”
นักวิศกรรมที่นั่งข้างเตียนซือหลี่พลันกล่าวขึ้น “ว่าไงนะ?”
เฟยจิงตอบกลับ “ก็เข้าใจอยู่แหละ แต่ตามหลักการแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องจดรายงานการประชุมจนจบ”
“แล้วมันอย่างไรกัน?”
“สิ่งที่ศาสตราจารย์พูดล้วนอ้างอิงมาจากบทความวิจัยที่เป็นที่รู้จักทั้งนั้น นายลองคิดดูก็แล้วกัน ฉันว่านายต้องเข้าใจแน่” เฟยจิงกล่าว
“ช่วยอธิบายให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อยได้ไหม?”
“นายต้องเขียนสรุปรายงานการประชุมให้เป็นคำพูดของตัวเอง แล้วก็ต้องทำให้คนอื่นเข้าใจด้วยยังไงล่ะ ปกติแล้ว เราจะต้องจดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้…”
“ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เพราะมันคือการติดตามผลงานวิจัย”
“หือ?”
ทันทีที่ได้ฟังคำพูดเชิงวิชาการที่เข้าใจยาก เตียนซือหลี่ก็พลันส่ายหัวไปมา
และเฟยจิงก็พลันจ้องมองด้วยสายตาเคร่งเครียด
เขาฉลาดน้อยเกินไปหรือเปล่า?
กลับมาที่การประชุม ศาสตราจารย์บอทแธมที่ยืนอยู่บนเวทียังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“เราได้ใช้เครื่อง XUV แบบฮาร์มอนิกระดับสูงที่เกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างเลเซอร์ความเข้มสูงในการวัดโครงสร้างพลาสมา”
“อย่างที่แสดงให้เห็นบนจอภาพด้านหลัง เราได้ชุดข้อมูลที่น่าสนใจมาจากการสังเกตการณ์ และจากผลลัพธ์เหล่านี้ เราจะสามารถคาดการณ์ชุดข้อมูลต่อไปได้”
“สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการระดับสูง รวมถึงการบีบอัดของพลาสมา นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ปัญหา แต่โชคดีที่อย่างน้อยเราก็ได้ผลลัพธ์มาคาดการณ์แล้ว”
ทั้งผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการต่างพากันกระซิบกระซาบ
“ถ้าศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ฟิวชันแก้ปัญหานี้ได้จริง มันจะเป็นพื้นฐานทางทฤษฎีสำหรับการแก้ปัญหาพื้นผิวแม่เหล็กที่ผุพังในเครื่องโทคาแมค”
“ไม่น่าเชื่อ นายคิดว่าข้อมูลพวกนี้เชื่อถือได้ไหม?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันยังไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้เลย”
ศาสตราจารย์บอทแธมเผยยิ้มอย่างพึงพอใจทันทีที่เห็นผู้คนกำลังกระซิบกระซาบกัน
อย่างที่คาดการณ์ไว้ ผลการวิจัยนั้นเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก
ในไม่ช้า ก็จะเริ่มเข้าสู่การซักถาม
ศาสตราจารย์บอทแธมพลันพยักหน้าให้กับบุคคลที่ยกมือขึ้นตรงหน้า
“ว่าอย่างไรครับคุณ มีคำถามอะไรงั้นเหรอ?”
ลู่โจวพลันยืนขึ้นพร้อมมองการคำนวณบนจอภาพและกล่าวคำพูดขึ้น
“ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณเพิ่งจะแนะนำวิธีการทางเรขาคณิตเชิงอนุพันธ์สำหรับแก้สมการเชิงเส้นไป”
ศาสตราจารย์บอทแธมขมวดคิ้วพร้อมผลักแว่นลงและมองไปยังนักวิชาการจีนตรงหน้า
“ใช่แล้ว ทำไมล่ะ?”
ลู่โจวพลันถอนหายใจ
“ที่คุณพูดมาก็ถูกแล้วที่ต้องใช้สมการรูปตัวแอลเพื่อแก้ปัญหาการแปลงโทโพโลจี แต่วิธีการมันผิดแค่นั้นเอง มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
ศาสตราจารย์บอทแธมไม่ได้โกรธอะไร เขาแค่หัวเราะออกมา จากนั้น เขาก็พลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณไปเอาข้อสรุปนี้มาจากไหน แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่มีเหตุผลเท่าไหร่ การคำนวณไม่ได้ผิดพลาด ผมมั่นใจในสมการนี้มาก ไม่จำเป็นต้องมาสอนกันเลย”
นักวิชาการในห้องบรรยายพลันกระซิบกระซาบขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นลู่โจวก็พลันกระแอมออกมา
“เพราะผมเป็นคนคิดสูตรสมการรูปตัวแอลที่คุณใช้ขึ้นมาอย่างไรล่ะ…”
……………………………………………..