ในเดือนพฤศจิกายนปี 1985 เครื่องบิน “แอร์ฟอร์ซวัน” ของสหรัฐฯได้เดินทางมาถึงเจนีวา ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนของสหรัฐฯได้ไปพบปะกับผู้นำคนใหม่ของสหภาพโซเวียต มิคาอิล โกบาชอฟเพื่อเริ่มการเจรจาเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์
ในบริบทของสัญลักษณ์ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ “การประชุมไฟร์ไซด์” ในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้สงครามสงบลง
แต่ทว่า การพบกันครั้งแรกระหว่างเรแกนและโกบาชอฟก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง ทั้งสองฝ่ายต่างทะเลาะกันในเรื่อง “แผนยุทธศาสตร์การป้องกัน” และ “แผนสตาร์วอร์ส” นอกจากนี้ ทั้งสองก็ยังคงถกเถียงกันในเรื่อง “สิทธิมนุษยชน” และ “ปัญหาระดับภูมิภาค” อีกด้วย มันเป็นการประชุมที่น่าผิดหวังไม่น้อย
ในตอนท้ายของการประชุม ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงที่จะออกแถลงการณ์ร่วมที่ไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ
นอกจากนี้ ในตอนท้ายของคำแถลง ผู้นำทั้งสองก็ได้ประกาศว่าจะพัฒนาแหล่งพลังงานใหม่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของมวลมนุษยชาติ
และนี่คือที่มาของโครงการ ITER
มันไม่ต่างกับเรื่องตลกที่ต้องทำให้สหรัฐอเมริกาถดถอย…
ศาสตราจารย์แคริเบอร์รู้ดีว่านี่เป็นไปไม่ได้
สหรัฐอเมริกาจนั้นแทบจะไม่เคยทำตามสัญญาเลย นอกจากนี้ ITER เองก็เป็นโครงการวิจัยที่ขึ้นอยู่กับการเมืองอีกด้วย
ภายใต้สถานการณ์ปกติ การวิจัยเกี่ยวกับนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุมสามารถใช้เป็นสิ่งที่ห่างไกลจากการเมืองได้
แต่ทว่า หลักฐานทั้งหมดนี้ก็มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะไปได้ไกลแค่ไหน
เมื่อนึกถึงประเด็นนี้ด้วยมุมมองที่เป็นเหตุและผล หากเขาต้องการเลือกพันธมิตรระหว่างสถาบันวิจัยของอเมริกาและศาสตราจารย์ลู่โจว ศาสตราจารย์แคริเบอร์ก็จะเลือกคนที่ประสบความสำเร็จในสาขาการวิจัยโดยตรงอย่างไม่ต้องสงสัย
น่าเสียดายที่ในฐานะนักวิจัย เขาไม่ได้พูดแบบนั้นออกมา
แม้แต่สมาชิกของสหภาพเฮล์มโฮลทซ์ที่ยืนอยู่ข้างเขาก็ไม่พูดอะไรออกมา หากสหรัฐฯกดดันองค์กร ITER ผ่านสหภาพยุโรปและใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นข้ออ้าง พวกเขาก็จะสามารถขับไล่ฝั่งจีนออกไปได้ ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
ทันทีที่มองไปที่ศาสตราจารย์มิลเลค ศาสตราจารย์แคริเบอร์ก็เผยท่าทีสุดกังวล
นี่ไม่ใช่คำถามที่เขาควรพิจารณาเลยแม้แต่น้อย
แต่ถ้าสิ่งที่เขากังวลเกิดขึ้นจริง บางทีองค์กร ITER อาจต้องเผชิญกับจุดจบก็เป็นได้
ตั้งแต่เริ่มต้น องค์กรนี้ไม่ได้ปลอดภัยสำหรับทุกคน
ไม่มีใครสามารถที่จะแก้ไขปัญหาพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุมที่ยังไม่รู้สาเหตุได้ จากนั้น ทั้งสองก็คุยกันต่ออีกสักพักใหญ่
ท้ายที่สุดแล้ว มันคงเป็นการยากที่จะกล่าวได้ว่าแสงสว่างที่หุบเขาสีม่วงนั้นจะเป็นความหวังในการจุดประกายพลังงานในอนาคตหรือจะทำให้เปลวไฟดวงสุดท้ายดับลงกันแน่
ถ้าคนเราไม่มีความหวังตั้งแต่เริ่ม ก็คงจะไม่มีทางมาได้ไกลจนถึงขนาดนี้
…
ชายที่เคาะประตูห้องทำงานดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบต้นๆ เขาทั้งผอมและสูง
จากการแนะนำตัว เขาชื่อเหอหมิงฉวน เป็นเลขานุการของสำนักพลังงาน
ลู่โจวเคยเห็นเขามาก่อนแล้วช่วงที่ยังอยู่ปักกิ่ง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสำนักพลังงานกำลังมองหาอะไรอยู่ แต่ลู่โจวก็พลันเชิญชวนให้เขานั่งลงด้วยคำพูดที่สุภาพก่อน
เหอหมิงฉวนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับลู่โจวพลันกล่าวคำพูดขึ้น “ตอนแรกผมไปหาคุณที่บ้านพัก แต่คุณเองก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น นี่ถือเป็นเรื่องที่กะทันหันไปหน่อย ยังไงผมก็ขอโทษด้วย”
“ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องพูดจาสุภาพขนาดนั้นก็ได้ นี่เป็นวันพักผ่อนของผมเอง ยังไงวันนี้ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรด้วย” ลู่โจวกล่าวพร้อมมองไปยังเหอหมิงฉวน “แล้วอะไรทำให้คุณต้องรีบมาหาผมกะทันหันแบบนี้ละ?”
หลังจากเพ่งความสนใจไปที่เหอหมิงฉวนแล้ว คณบดีสวี่ก็เผยยิ้มพร้อมวางถ้วยชาบนมือลง
“ดูเหมือนว่ามีธุระจะต้องคุยกันสองคนสินะ ยังไงฉันไม่กวนก็แล้วกัน”
คณบดีสวี่เองก็เคยเข้าร่วมโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญระดับชาติมามากมาย เขารู้ดีว่ายังคงมีหัวข้อวิจัยที่ละเอียดอ่อนในด้านความปลอดภัยของข้อมูลอีกมาก ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
ท้ายที่สุดแล้ว ชายชราก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องไป
เหอหมิงฉวนหายใจเข้าเฮือกใหญ่และเผยท่าทีสุดจริงจัง “สหรัฐฯกำลังวางแผนที่จะเตะเราออกจากโครงการ ITER”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ลู่โจวก็พลันขมวดคิ้ว
“เรื่องจริงหรือข่าวลือกัน?”
เหอหมิงฉวนพยักหน้า “จริงครับ อันที่จริง พวกเขาได้ดำเนินการไปแล้วด้วย”
ทันทีที่ได้ยิน ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป
สำหรับเขา นี่ไม่ใช่ข่าวดีอย่างแน่นอน
แม้ว่าโครงการ STAR-2 จะคล้ายกับโครงการ CFTER เดิมของประเทศจีน แต่มันก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ ITER เลย แต่ถึงอย่างไร สถาบันการวิจัยในประเทศเองก็ได้รับผลประโยชน์ไปไม่น้อยเหมือนกัน
หากจีนถอนตัวจากโครงการ ITER นั่นหมายความว่าไม่เพียงแต่ “ค่าธรรมเนียมในการเข้าถึง” และการลงทุนหลายหมื่นล้านก่อนหน้านี้จะถูกใช้ไปอย่างสิ้นเปลืองเท่านั้น แต่การวิจัยนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุมภายในประเทศที่กำลังมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันกับสถาบันวิจัยต่างประเทศก็จะต้องหยุดชะงักไปด้วย
นอกเหนือจากความสูญเสียในด้านการวิจัยแล้ว คำสั่งซื้ออีกหลายพันล้านรายการจากบริษัททางฝั่งจีนก็ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกแทนที่โดยประเทศสมาชิกอื่นๆ อีกด้วย
ถึงแม้ว่าลู่โจวจะไม่เข้าใจเรื่องการทูตมากนัก แต่จากมุมมองทางวิทยาศาสตร์ นี่ถือเป็นหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่โจวพลันขมวดคิ้ว “อะไรคือเหตุผลที่สหรัฐอเมริกาทำแบบนี้กันล่ะ?”
“เหตุผลก็คือปัญหาด้านทรัพย์สินทางปัญญา ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐเองก็ได้ตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับเรา พวกเขาคิดว่าเราปกปิดผลการวิจัย ซึ่งถือเป็นการละเมิดเจตนารมณ์ของข้อตกลง ITER…” เหอหมิงฉวนเผยยิ้มอย่างขมขื่น “แน่นอน มันดูจะเป็นเหตุผลที่ไร้สาระมากเลย”
ใช่แล้ว มันไม่มีเหตุผลเลย
ทั้งนี้ แม้ว่าลู่โจวจะเข้าใจสิ่งที่ได้ยินไป แต่เขาก็ยังส่ายหัว
“ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เราทำหน้าที่ของเราในการเปิดเผยความคืบหน้าในการวิจัยเกี่ยวกับโครงการฟิวชั่นแบบควบคุมไปแล้ว เราไม่จำเป็นต้องเปิดเผยอะไรเพิ่มเติมด้วยซ้ำ งั้นแบบนี้ ถ้าพวกเขากำลังพัฒนาเครื่องจักร STAR โดยใช้อินเตอร์ชิป เราบอกให้พวกเขาเปิดเผยข้อมูลบ้างได้ไหมล่ะ?”
เหอหมิงฉวนพลันหยิบสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋าและจดคำพูดเหล่านั้นลงไป
“กำลังจดอะไรอยู่กัน?” ลู่โจวพลันมองไปยังเหอหมิงฉวนที่กำลังจดบางอย่างลงสมุดบันทึก
“ผมแค่คิดว่าสิ่งที่คุณพูดมันมีก็ประเด็น” เหอหมิงฉวนเผยยิ้ม “อย่างน้อย… เราก็เอาเรื่องนี้ไปตอบโต้ในสถานการณ์ทางการทูตได้”
แม้ว่าจะไม่มีการใช้เหตุผลเลยก็เถอะ
หลังจากผ่านไปสักพัก ลู่โจวก็พลันถามต่อ “แล้วพวกเขาเสนอข้อกำหนดเฉพาะอะไรมาบ้างล่ะ?”
“พวกเขาจะส่งทีมวิชาการที่ประกอบด้วยสมาชิก ITER ไปยังสถาบัน STAR เพื่อเข้าร่วมการวิจัย แล้วพวกเขาก็ขอให้บริษัทของเราเปิดเผยกระบวนการผลิตล่าสุดของขดลวดตัวนำยิ่งยวด SG-1 ด้วย แล้วก็ให้รายงานรายละเอียดทางเทคนิคตลอดจนตัวเลือกการควบคุมทั้งหมด”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ลู่โจวก็ครุ่นคิดถึงบางอย่าง
แต่ทว่า ยังไม่มีการกล่าวถึงวัสดุตัวนำยิ่งยวดในตอนนี้ วัสดุ SG-1 นั้นถือเป็นสินค้าเพื่อการส่งออก การรักษาความลับถือเป็นกระบวนการผลิตที่พัฒนาโดยสถาบันการศึกษาขั้นสูงจินหลิงมาช้านานแล้ว
แต่ทว่า ไม่ว่าประชาชนจะรับได้หรือไม่ ไม่ว่าประเทศจะตัดสินใจอย่างไร มันก็ไม่มีผลอะไรกับลู่โจวอยู่แล้ว
แต่ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับแผนการควบคุมนั้นก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อย
แผนการควบคุมที่สถาบันซอฟต์แวร์ของจินหลิงสร้างนั้นไม่ได้ดีไปกว่าแผนการควบคุมของห้องหินเกลียวเซเว่นเอ็กซ์เลยแม้แต่น้อย
ทั้งนี้ เครื่องจักร STAR เองก็สามารถกักเก็บพลาสมาไว้ได้มากกว่าหนึ่งชั่วโมง ต้องยกความดีความชอบครึ่งหนึ่งให้กับวัสดุตัวนำยิ่งยวด SG-1 และอีกครึ่งหนึ่งให้กับเฉียวอี้
แต่ทว่า มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ลู่โจวจะเปิดเผยแผนการควบคุม
ไม่ต้องพูดถึงการเรียกร้องดังกล่าวเลย มันไม่มีเหตุผลเลยด้วยซ้ำ
จากนั้น เหอหมิงฉวนก็มองไปยังลู่โจวที่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาและกล่าวคำพูดขึ้น “นี่ถือเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก หลังจากที่รู้ข่าว เราก็รีบติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย แต่ดูเหมือนผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ดีเท่าที่ควร เพราะแบบนี้ ผู้บริหารระดับสูงเลยให้สำคัญกับความเห็นของคุณเป็นอย่างมาก แต่ถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ เดี๋ยวเราก็จะส่งคนมาหาคุณเป็นการส่วนตัวอีกอยู่ดี”
“แล้วสำหรับคุณล่ะ? คิดว่าเราควรจะทำยังไงดี?”
…………………………………………