ถึงอย่างไร คณะสภาก็ถือเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดขององค์กรและโครงการ ITER
รัฐบาลแต่ประเทศได้ทำการส่งเหล่าตัวแทนที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงต่างประเทศของตน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการเสนอชื่อตามความต้องการของที่ประชุมมาเข้าร่วม ถึงอย่างไร ทั้งบทบาทและความรับผิดชอบจากคณะกรรมการของแต่ละบริษัทนั้นไม่ต่างกันมากเท่าไหร่
ถึงกระนั้น มันไม่เหมือนกับบริษัท ไม่มีกฎหมายใดที่สามารถจำกัดการลงมติของคณะกรรมการ ITER ได้
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปัญหาทางเทคนิคและสัดส่วนของเงินสมทบทุนในการกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ดูเหมือนว่ามันจะขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งทางการทูตของแต่ละประเทศมากกว่า
ต้องยอมรับว่าสหรัฐอเมริกามีความสามารถในการเล่นแง่ไม่น้อย ในตอนแรก คำถามที่ทางตัวแทนสหรัฐฯส่งไปให้ทางฝั่งจีนเป็นเพียงคำถามธรรมดาในที่ประชุม
แต่ทว่า ในการประชุมครั้งนี้ สถานการณ์ต่างพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หลังจากความเงียบผ่านไปชั่วครู่ในการประชุมของคณะกรรมการ รองผู้อำนวยการหลัวจ่าวหยวนที่มาจากกระทรวงการต่างประเทศของจีนก็ต้องตอบคำถามและคำขอจากตัวแทนของสหรัฐฯ
“เราได้ปฏิบัติตามกฎหมายในการเปิดเผยรายละเอียดการทดลองนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมรวมถึงความคืบหน้าของการวิจัยไปยังองค์กร ITER แล้ว หากเครื่องจักร STAR ถูกนำไปใช้กับเทคโนโลยีอื่น เราเองก็ต้องเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคทั้งหมดให้รู้อยู่แล้ว ผมเองก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ ผมยังไม่ลืมหรอกนะว่าพวกคุณเองก็มีการพัฒนาเครื่องจักร STAR โดยใช้อินเทลชิปด้วย ยังไงก็เถอะ ผมว่าคุณควรแสดงความจริงใจก่อนที่จะซักถามอีกฝ่ายก่อนไหม?”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ในฐานะตัวแทนของสหรัฐอเมริกา อดัม โคเฮนพลันมองไปยังหลัวจ่าวหยวนพร้อมกล่าวคำพูดออกมาอย่างจริงจัง
“อินเทลไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ITER สักหน่อย เทคโนโลยีชิปถือเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของบริษัทอินเทลอยู่แล้ว ยังไงก็เถอะ นี่มันคนละเรื่องกับที่เราคุยกัน!”
ทันทีที่ต้องเผชิญกับน้ำเสียงที่ดุดันของโคเฮน หลัวจ่าวหยวนก็รีบตอบโต้กลับทันที
“สถาบัน STAR แล้วก็ไม่ได้อยู่ในเครือขององค์กร ITER สักหน่อย เทคโนโลยีแม่เหล็กตัวนำยิ่งยวด SG-1 แล้วก็รูปแบบการควบคุมเครื่องจักร STAR ก็ถือเป็นสมบัติส่วนตัวเหมือนกัน สำหรับผมแล้ว นี่ก็ไม่ต่างอะไรกันเท่าไหร่นักหรอก”
“คุณกำลังขโมยแนวคิดคนอื่นไปต่างหาก!”
“คุณกำลังพูดถึงตัวเองอยู่หรือยังไงกัน?”
ทั้งสองขมวดคิ้ว
ทั้งการประชุมได้กลายเป็นสนามรบระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาไปเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองฝ่ายกำลังทะเลาะกันโดยอ้างเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา
ทั้งนี้ ตัวแทนของประเทศสมาชิกที่เหลือดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไร เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทุกคนเป็นกลางในเรื่องนี้
คณบดีโมโตจิมะนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุมด้วย เขาก็พลันถอนหายใจออกมา
“เป็นการประชุมที่เละเทะน่าดูเลย”
ตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ชื่ออิชิดะพลันเผยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย จากนั้นไม่นาน เขาก็พลันถามคำถามขึ้นมา
“คุณโมโตจิมะคุงครับ แล้วเรื่องของศาสตราจารย์ลู่ล่ะ? คุณสนใจไหม?”
เมื่อปีที่แล้ว ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่น Cray-xc50 นั้นได้ถูกสร้างขึ้นโดยสถาบันวิจัยนิวเคลียร์ฟิวชันร็อคคาโชเพื่อให้การสนับสนุนด้านการคำนวณกับสถาบันวิจัยนิวเคลียร์ฟิวชันนานาชาติและองค์กร ITER
แม้ว่าพลังงานในการคำนวณของคอมพิวเตอร์จะมีไม่สูงนัก แต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ก็ได้รับการออกแบบขึ้นมาเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมโดยเฉพาะ ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่สามารถนำไปเปรียบกับคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้
เช่นเดียวกับงานวิจัยในด้านเคมีเชิงคำนวณของแอนตัน ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่น Cray-xc50 นั้นสามารถเทียบได้กับเครื่องกักเก็บพลังพลาสมาขนาดใหญ่ได้
แต่ทว่า พวกเขายังคงขาดชุดการแก้ปัญหาการควบคุมที่มีประสิทธิภาพอยู่ หากทางฝั่งจีนยินยอมที่จะเปิดโครงการควบคุมสถาบัน STAR พวกเขาก็มั่นใจว่าทำได้ดีกว่านี้
ถึงกระนั้น ความเป็นไปได้ของมันก็ยังต่ำเกินไป
เหล่าผู้เข้าร่วมประชุมต่างมองหน้ากัน จากนั้นไม่นาน ตัวแทนที่ชื่อทานากะก็พลันพูดขึ้นมา
“ผมก็ยังคงสงสัยอยู่นะ แต่ต้องบอกเลยว่านี่ไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่ ทางสหรัฐก็หวังที่จะแสดงความแข็งแกร่งในโครงการ ITER แต่ความเป็นไปได้ที่ทางฝั่งจีนจะยอมประนีประนอมในเรื่องนี้ก็มีน้อยมาก ถ้าคุณโคเฮนยังคงดื้อดึงแบบนี้อยู่ต่อไป ทางจีนจะต้องถอนตัวออกจากโครงการ ITER อย่างแน่นอน
อิชิดะ เคอิจิพลันถามขึ้น “แล้วนั่นไม่ใช่สิ่งที่อเมริกันหวังเอาไว้อยู่แล้วหรือ?”
“นั่นไม่สำคัญ” ทานากะพลันส่ายหัว “ก่อนที่จีนจะเปิดเผยการวิจัยในส่วนนี้ ยังไงชาวอเมริกันก็จะบังคับให้ชาวจีนถอนตัวออกไปอยู่แล้ว”
ในตอนนั้นเอง ตัวแทนแต่ละคนพลันมองหน้ากันอีกครั้ง และโจวเฉิงฟู่นั่งอยู่บนโต๊ะก็เผยท่าทีที่แปลกไป
ทั้งนี้ การประชุมเต็มไปด้วยการปะทะกันตั้งแต่เริ่ม มันยังคงส่งสัญญาณแห่งความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง
ตอนแรกก็มีปัญหาเรื่องการประชุมภายในประเทศ ตามมาด้วยตัวแทนของกระทรวงการต่างประเทศทางอากาศ จนมาถึงประเด็นเรื่องนี้ นี่ถือเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายไปมาก
สัญญาณทุกประเภทแสดงให้เห็นว่าเบื้องบนจะยอมแพ้ต่อเล่ห์กลขององค์กร ITER และถ้าทางจีนต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกไล่ออก การระดมทุนครั้งต่อไปอาจจะไม่มาถึงตามกำหนดก็เป็นได้
ในระหว่างที่ทัศนคติของตัวแทนแต่ละประเทศที่มีต่อโครงการ ITER เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้อำนวยการจากศูนย์บริหารโครงการพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันแห่งชาติของจีนก็พลันตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างเห็นได้ชัด
หากดูจากมุมมองที่มีเหตุผล ทางฝั่งจีนไม่ได้ต้องการออกจากโครงการ ITER เลย
หากจีนมีถูกถอดถอนออกไปจริงๆ นั่นจะหมายความว่าความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดจะไร้ประโยชน์ อีกทั้ง สถาบันการวิจัยในประเทศหลายแห่งและประเทศสมาชิกของ ITER เองก็จะต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ที่จะถูกยุติลงด้วย
หากจีนตัดสินใจถอนตัวออกจาก ITER ท้ายที่สุดแล้ว ศูนย์บริหารโครงการพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันนานาชาติก็ไม่จำเป็นจะต้องมีอยู่อีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกถอดถอน แต่การปรับโครงสร้างก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
และเป็นไปได้ว่าการวิจัยตามสาขาที่เกี่ยวข้องในประเทศจีนจะมีแนวโน้มที่เปลี่ยนไป
มันเป็นอะไรที่สาหัสไม่น้อย…
เมื่อลองคิดดูแล้ว สีหน้าของโจวเฉิงฟู่ก็พลันคาดเดาอะไรไม่ได้
ในตอนนี้ ความคิดของเขาเองก็ยังคงไม่ชัดเจนเช่นกัน สิ่งที่โจวเฉิงฟู่กังวลที่สุดห็คืออนาคตของธุรกิจนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมในประเทศ และอนาคตของตัวเขาเอง…
…
สำหรับลู่โจวแล้ว การเปลี่ยนแปลงของโครงการ ITER ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าพอใจเช่นกัน
เดิมที ลู่โจวคิดแผนการร่วมมือเอาไว้มากมายกับสถาบันมักซ์พลังค์ แต่ดูเหมือนว่าทั้งตัวเขาเองและห้องทดลองเวนเดลสไตน์เซเว่นเอ็กซ์ได้เปลี่ยนจากพันธมิตรที่มีศักยภาพเป็นคู่แข่งแทน
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ยังคงทำให้ลู่โจวรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
ถึงอย่างไร มันก็ยังถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยถ้าเขาทำตามแผนการควบคุมระบบลิเธียมนิวตรอนเหลวได้สำเร็จ ท้ายที่สุดแล้ว ลู่โจวก็ได้รับข่าวดีจากกลุ่มอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ฮัววากี
หัวหน้าวิศวกรไม่เพียงแต่นำความหวังในการใช้เครื่องสร้างสนามแม่เหล็กบนเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันมาให้เท่านั้น แต่ยังคงนำภาพร่างที่มีรายละเอียดมากกว่าเดิมมาให้อีกด้วย
แม้ว่ามันจะยังคงเป็นเพียงภาพร่าง แต่โครงสร้างพื้นฐานของชุดเครื่องสร้างสนามแม่เหล็กบนเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันก็ได้รับการออกแบบเสร็จแล้ว
ลู่โจวจ้องมองไปยังภาพร่างที่ถืออยู่บนมือ
“ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร… อ่า ใช่ ประสิทธิภาพการแปลงพลังงานเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
นักวิชาการหวังพลันตอบกลับ “ค่าเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละห้าสิบ ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร บางทีมันก็อาจจะสูงกว่านั้น แต่เราก็ยังด่วนสรุปอะไรไม่ได้ในตอนนี้”
“ร้อยละห้าสิบ? มันสูงแล้วใช่ไหม?”
นักวิชาการหวังเผยยิ้มและตอบกลับ “”
“นี่เป็นเพียงค่าประมาณเชิงอนุรักษนิยมเท่านั้น เราได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิศวกรรมไฟฟ้าแล้ว อย่างที่คุณบอก เทคโนโลยีการสร้างพลังงานจากการไหลของสนามแม่เหล็กไม่สามารถใช้ในพลังงานความร้อนได้ แต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้ในการสร้างพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันเพราะค่าประมาณของมันค่อนข้างสูง แต่เราไม่ได้หารือกันเรื่องปัญหาความร้อนที่เกิดจากพลาสมาแล้วก็ผลกระทบที่เกิดจากถ่านหินรวมถึงการสะสมของคาร์บอนต่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ปัญหาเหล่านี้ยังคงแก้ไขได้ยากถ้าไม่มีพลังงานความร้อน”
“แล้วต้องใช้เวลานานไหมถึงจะสร้างวัตถุทางกายภาพขึ้นมาได้?”
นักวิชาการหวังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมตอบกลับ “น่าจะปีหน้า แต่ยกเว้นในส่วนของพอร์ตการเชื่อมต่อ ที่จริง ปัญหาในการออกแบบไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือยากอะไรเลย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นักวิชาการหวังก็ยิ้ม “เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก นี่เป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเวลา ผมได้ยินมาว่าคุณตั้งใจที่จะใช้เครื่องผลิตของเหลวด้วยสนามแม่เหล็กสำหรับนิวเคลียร์ฟิวชันและว่าจ้างช่างไฟฟ้า ยังไงก็เถอะ ผู้เชี่ยวชาญในโครงการได้จัดการเรื่องนั้นเอาไว้ให้แล้ว ตราบใดที่คุณยังสามารถสร้างเครื่องปฏิกรณ์ได้ ชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก็ถูกเตรียมเอาไว้พร้อมสำหรับคุณแน่นอน”
“แต่ผมก็ยังมีเรื่องที่กังวลอยู่ ผมได้ยินมาว่าสหรัฐฯตั้งใจที่จะไล่เราออกจากโครงการ ITER มันเหมือนเป็นฉากโหมโรงที่นำไปสู่การปิดล้อมวิธีการทางเทคนิค”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ลู่โจวก็เผยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ปัญหาเดิมๆ ไม่ต้องกังวลไปหรอก มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว”
“ดูเหมือนว่าคุณจะมั่นใจในเรื่องนี้มากเลยนะ” นักวิชาการหวังกล่าวคำพูดพร้อมมองไปยังลู่โจวที่เผยท่าทีมั่นใจในตัวเอง “คุณเองก็เกิดในช่วงปี 1990 คุณรู้จักวิธีการปิดล้อมทางเทคนิคไหมล่ะ?”
ลู่โจวตอบกลับอย่างใจเย็น “มันเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนระหว่างสถาบันวิจัยมากกว่ายี่สิบแห่งในจีน นอกจากนี้ หน่วยวิจัยฟิวชันจากต่างประเทศอาจถูกระงับโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ โครงการอีกกว่าร้อยอาจจะถูกยกเลิกไปเลยแบบถาวร”
นอกจากนี้ มันยังอาจส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้ออีกหลายพันล้าน เช่นเดียวกับการสำเร็จการศึกษาของเหล่านักศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอกอีกกว่าหลายร้อยคน…
แต่ทว่า สักวันเรื่องราวเหล่านี้ก็จะต้องเกิดขึ้น
ถึงกระนั้น มันจะเป็นเช่นนั้นไหม?
การประนีประนอมสามารถแลกกับความเท่าเทียมและศักดิ์ศรีได้หรือไม่?
อย่างน้อย ลู่โจวก็ไม่คิดเช่นนั้น
“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้นะ”
ทันทีที่มองไปยังลู่โจว นักวิชาการหวังก็เผยสีหน้าที่เห็นด้วย
ความสามารถที่แตกต่างกัน นักวิจัยที่เก่งกาจไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำทางวิชาการที่โดดเด่นเสมอไป ยังคงมีความแตกต่างอีกมากระหว่างความสามารถและพรสวรรค์
ถ้าเขาเคยมีข้อสงสัยอะไรในตอนแรก ทันทีที่มองไปยังลู่โจว ข้อสงสัยเหล่านั้นก็มักจะจางหายไปทีละนิด
นักวิชาการหวังเผยท่าทีที่เปลี่ยนไปและเสียงหัวเราะทันทีที่มองไปยังลู่โจว
“ให้ตายเถอะ!”
……………………………………………