ณ สถาบันวัสดุคำนวณ
โฮวจินลี่หายใจเข้าเฮือกใหญ่อยู่ที่ทางเข้าห้องทดลอง จากนั้น เขาก็เปิดประตูและเดินเข้าไปพร้อมเผยท่าทีสุดประหม่า
ประมาณสิบนาทีที่แล้ว เขายังทำการคัดแยกตัวอย่างในห้องปฏิบัติการอยู่เลย เขามาที่นี่เพราะมีคนมาบอกว่าลู่โจวกำลังรออยู่
หลังจากรู้เช่นนั้น เขาก็ไม่ลังเลทิ้งเรื่องการคัดแยกตัวอย่างและพุ่งตรงมาที่นี่เลย
เขามองเข้าไปภายในห้องและถามคำถามขึ้นอย่างกังวล
“คุณเรียกผมมาเหรอ?”
ลู่โจวพยักหน้าและพูดอย่างรวบรัด
“ใช่ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับนาย”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น โฮวจินลี่ก็รู้สึกประหม่ามากกว่าเดิมอีก
จู่ๆ ศาสตราจารย์ลู่ซึ่งเป็นบุคคลที่เขาไม่ได้เห็นหน้ามาตั้งหลายวันก็เรียกเขาเข้ามาพบ
นี่คืออะไรกัน?
มันเป็นปัญหาที่เขาก่อหรือเปล่า?
แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้…
เขาได้ทำการทดลองซ้ำตั้งหลายต่อหลายครั้งกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและเขียนรายงานการทดลองส่งไป
ยิ่งไปกว่านั้น ศาสตราจารย์ลู่ก็ได้เรียกเขาเข้ามาพบเป็นการส่วนตัวอีกด้วย
จิตใจเขาในตอนนี้มีต่อความครุมเครือ เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาอย่างเขาจะได้รับความสนใจจากผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลอย่างลู่โจว อย่างน้อย มันก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปี ถึงกระนั้น โฮวจินลี่ก็แทบจะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย
ในตอนนั้นเอง โฮวจินลี่ก็ตัวแข็งทื่อไปชั่วครู่ทันทีที่เห็นว่าลู่โจวมองมา
เขาสังเกตใบหน้าของลู่โจวอยู่ชั่วครู่พร้อมคิดว่าลู่โจวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ จากนั้นไม่นาน ลู่โจวก็เผยยิ้มขึ้นมา
“ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องกังวลอะไรไปหรอก ที่เรียกหานาย ฉันไม่ได้จะมาบอกข่าวร้ายอะไรสักหน่อย”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น โฮวจินลี่ก็เผยท่าทีสุดโล่งอกและรู้สึกผ่อนคลายลง
ไม่นาน ลู่โจวก็พูดต่อ
“ฉันได้อ่านรายงานการวิจัยของนายแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น โฮวจินลี่ก็พลันใจจดใจจ่อรอฟังคำพูดต่อไปที่จะออกมาจากปากของลู่โจวทันที
“งานวิจัยของนายน่าสนใจมาก นอกจากมันจะเป็นวัสดุที่ทนต่ออุณหภูมิที่สูงมากได้ มันยังสามารถต้านทานรังสีนิวตรอนได้ดีกว่าวัสดุโลหะผสมทั่วไปอีกด้วย”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น โฮวจินลี่ก็พลันพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“จริงเหรอครับ?”
สิ่งที่เขาทำในการทดลองส่วนใหญ่คือการสร้างวัสดุที่สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้ เขาไม่เคยทำการทดลองฉายรังสีแอนตี้นิวตรอนจริงๆ เลยด้วยซ้ำ นี่ถือเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้คาดคิดเอาไว้เลย
ทั้งนี้ ผลการวิจัยของเขาไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความต้านทานต่ออุณหภูมิสูงที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่มันยังแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่มีต่อการฉายรังสีต่อต้านนิวตรอนอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ เขารู้สึกดีใจไม่น้อย
ลู่โจวพยักหน้า
“แต่ก็มีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ยังมีรอยรั่วที่ต้องอุดอยู่อีก”
“จบไปแล้วกับข่าวดี เรื่องต่อไปที่ฉันจะพูดนายอาจจะไม่ชอบมันแน่”
“หลังจากการหารือกับผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มอุตสาหกรรมนิวเคลียร์หลายกลุ่ม ฉันคิดว่าเทคโนโลยีนี้มีความเป็นไปได้ที่จะนำไปใช้กับเตาปฏิกรณ์ฟิวชั่น เพราะแบบนี้ นายก็จะต้องไปทำบทสรุปการทดลองมาด้วย”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็พลันเผยท่าทีแปลกไป
แท้จริงแล้ว เมื่อเขาได้รับรู้ถึงศักยภาพของวัสดุที่สามารถต้านทานรังสีนิวตรอนได้ เขาก็เดาได้แล้วว่าลู่โจวกำลังจะพูดถึงอะไร
ผลการวิจัยที่เสร็จสมบูรณ์จะตกเป็นของสถาบัน สิ่งเหล่านี้ถูกกำหนดไว้ในสัญญาแต่แรกอยู่แล้ว อีกทั้ง มันยังเป็นแนวทางปฏิบัติของอุตสาหกรรมด้วย ไม่มีทางที่จะแหกกฎของสัญญาได้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นผลงานการวิจัยของเขาก็ตาม
เมื่อพิจารณาถึงสิทธิบัตรหรือหัวข้อวิจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและผลประโยชน์โดยรวมของสถาบันวิจัย ผู้วิจัยไม่สามารถเผยแพร่งานวิจัยของตัวเองได้ในทันที พวกเขาจะต้องรายงานสถานการณ์ก่อน จากนั้น ผู้รับผิดชอบจากสถาบันวิจัยจะเป็นคนตัดสินใจว่าจะอนุมัติการตีพิมพ์ทฤษฎีหรือไม่
เมื่อคิดดูแล้ว นี่ก็ถือเป็นสัญญาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้ว ทฤษฎีก็คือชีวิตของนักวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งงานหรืออะไรก็ตาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมัน ชีวิตของเหล่านักวิจัยส่วนมากก็ต่างยุ่งและวุ่นวายตลอดทั้งปีอยู่แล้ว แต่มันก็ยังมีสถานการณ์พิเศษบางอย่างอยู่ ถึงอย่างไร การอภิปรายจะถูกระงับและยังไม่ถูกเผยแพร่ออกไป
ตัวอย่างเช่น โครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ และผลการวิจัยในเอกสารนี้จะสามารถช่วยพวกเขาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าได้
เพื่อหลีกเลี่ยงการช่วยเหลือคู่แข่ง ทฤษฎีดังกล่าวมักจะถูกระงับหรือเลื่อนการเผยแพร่ออกไปก่อน
โดยทั่วไปแล้ว มันมักจะเป็นเช่นนี้ และฝ่ายวิจัยก็มักจะชดเชยสิ่งอื่นให้แก่ผู้เขียนทฤษฎีเอง
โดยทั่วไป พวกเขาจะชดเชยเป็นเงินทุนวิจัยหรือการเพิ่มเงินโบนัสให้มากขึ้น แต่ทว่า ฝ่ายผู้รับผิดชอบที่เห็นแก่ตัวก็มีให้เห็นอยู่ถมไป
แน่นอน เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ
การที่เหล่านักวิจัยสร้างสรรค์ผลงานวิจัยใหม่ๆ ออกมาก็เป็นเหมือนกับการสร้างภาพลักษณ์ให้กับสถาบันหรือคนบางกลุ่ม โดยที่สถาบันหรือคนบางกลุ่มนั้นไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย ทั้งนี้ บางคนก็อาจจะรู้สึกกดดันอยู่บ้างกับการทำงานเช่นนี้ ไหนจะเรื่องที่คนบางกลุ่มเอางานวิจัยของเหล่านักวิจัยไปแอบอ้างอีก
เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยเช่นกัน
แน่นอน ลู่โจวไม่ใช่คนแบบนั้น โฮวจินลี่เองก็มีความคิดที่ว่าไม่มีใครที่จะช่วงชิงผลงานการวิจัยของเขาไปได้
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพลันกล่าวคำพูดออกมา
“ไม่เป็นไรครับ ผมตั้งใจที่จะทำตามข้อตกลงอยู่แล้ว”
ลู่โจวพยักหน้าพลันมองไปยังโฮวจินลี่ “นายเข้าใจก็ดีแล้ว ต้องขอโทษด้วยแล้วกัน แต่ยังไง เดี๋ยวฉันก็จะชดเชยเรื่องนี้ให้ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือเกียรติยศหรือโบนัสเงินเดือน แต่ฉันว่านายจะพอใจ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น โฮวจินลี่ก็มองไปยังลู่โจวพร้อมเผยสีหน้าแสดงความขอบคุณ
ส่วนเรื่องค่าตอบแทนนั้น เขาไม่ได้ขออะไรมากนัก
เขาเชื่อว่าถ้าตนทำตามสัญญา ลู่โจวก็จะปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี
แค่นี้ก็พอแล้วโฮวจินลี
ลู่โจวไม่ได้พูดถึงค่าตอบแทนอะไรมากนัก แต่ไม่ว่ายังไง มันก็จะต้องเป็นสิ่งที่โฮวจินลี่ต้องได้อยู่แล้ว ถึงอย่างไร ลู่โจวก็ไม่ได้กลับมาที่นี่เพื่อทำงานของตัวเองอยู่แล้ว
เมื่อเห็นว่าโฮวจินลี่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ลู่โจวก็พลันตัดจบประเด็นและพูดถึงเรื่องอื่น
“ที่ฉันเรียกหานาย ก็เพราะว่าจะมาคุยเรื่องคอมโพสิตกราฟีนที่ทำจากเซรามิกนี่แหละ”
ทันทีที่ลู่โจวพูดเช่นนั้น โฮวจินลี่ก็เผยสีหน้าจริงจังขึ้นมา
“ได้เลย”
ลู่โจวพยักหน้าและพูดต่อ “สำหรับสารให้ความแข็งที่ได้จากคอมโพสิตกราฟีนคือแอโรเจลโครงร่างตาข่ายที่มีรูพรุนใช่ไหม? แล้วนายมีวิธีเปลี่ยนขนาดรูพรุนไหม?”
โฮวจินลี่ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ตามทฤษฎีแล้ว มันก็น่าจะทำได้ ตอนที่ผมพยายามสังเคราะห์วัสดุนั้น ฉันก็ได้เห็นรูพรุนตั้งหลายแบบที่มีรูรับแสงที่แตกต่างกัน… แต่ทฤษฎีก็คือทฤษฎี ถ้าไม่ลองทำดู ก็ยังไม่รู้”
“งั้นต้องขอแรงจากนายหน่อยแล้วแหละ” ลู่โจวกล่าวพร้อมหยิบข้อมูลจากโต๊ะทดลองขึ้นมาและยื่นให้โฮวจินลี่ “นี่คือข้อมูลจำลอง หวังว่านายจะทำสำเร็จ”
ทันทีที่เห็นข้อมูล โฮวจินลี่ก็พลันเผยท่าทีที่เปลี่ยนไป
ไม่ใช่เพราะเนื้อหาของวัสดุที่ทำให้เขาตกใจ แต่เขาเพียงแค่ไม่เข้าใจสูตรคำนวณก็แค่นั้น
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาตกใจไม่น้อย
โฮวจินลี่พลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่
นี่มัน…
การทดลองร่วมกับผู้ที่ชนะรางวัลโบเบล?
ความสุขเกิดพลันขึ้นอย่างกะทันหันโดยที่เขาไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย
ลู่โจวพลันถามคำถามขึ้นมาอีกครั้ง “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่เลย” เขารีบส่ายหัว จากนั้นก็พูดต่อ “ผมทำได้แน่ แล้วทำสามารถมีผู้ช่วยได้ไหม?”
“คนเดียวไม่น่าพอ ต้องอย่างน้อยสิบคนถึงจะพอ จากนั้นก็ต้องแบ่งเป็นห้ากลุ่ม ทุกกลุ่มต้องเริ่มทำงานพร้อมกัน และเราจะได้ผลลัพธ์มาภายในหนึ่งอาทิตย์”
จากนั้น ลู่โจวก็พลันพูดต่อ “นี่คือรายชื่อของนักวิจัย ทุกคนไม่มีปัญหาในการตรวจสอบประวัติ นายเอาไปเลือกดูได้เลย จากนั้นมาบอกฉันด้วยว่ามีใครบ้าง”
……………………………………………………