“ง่ายเหรอ?” โจวเฉิงฟู่ส่ายหัว “ถ้านายไปถึงขั้นนั้น นายจะรู้ว่ามันไม่ง่ายเลย”
“ยังไงก็เถอะ ฉันเองก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหมือนกัน”
“ที่ผ่านมา ฉันเอาแต่พูดขอโทษกับนาย แต่สิ่งที่ต้องบอกคือแม้ว่าจีนจะไม่มีโจวเฉิงฟู่คนนี้แล้ว แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีหวู่เฉิงฟู่แล้วก็เจิ้งเฉิงฟู่อยู่”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ โจวเฉิงฟู่ก็มองไปยังลู่โจวด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ถ้านายมีชีวิตอยู่ได้แค่วันเดียว นายก็คงพูดความจริงทุกอย่างออกมาหมด ผู้คนจะเชื่อในสิ่งที่นายพูด ไม่ว่านายจะเป็นคนดังหรือไม่ก็ตาม นายเป็นเหมือนบุคคลที่พร้อมจะเรียนรู้ไปหมดทุกอย่าง แต่ว่า ถ้าวันหนึ่ง นายต้องมาเผชิญทุกอย่างแบบฉัน เราจะแตกต่างกันได้ยังไง?”
ลู่โจวพลันขมวดคิ้วและมองไปยังโจวเฉิงฟู่
“ความคิดของนายแปลกดีเหมือนกันนะ ถ้าสิ่งที่นายพูดเป็นเรื่องจริงถึง ยังไง ฉันก็ต้องเป็นคนที่ตัดสินใจเองอยู่ดี”
โจวเฉิงฟู่หยุดชะงัก
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หัวเราะขึ้นมาทันที
เขาพลันหัวเราะแห้งๆ ออกมา ซึ่งมันดังขึ้นเรื่อยๆ
เสียงหัวเราะของโจวเฉิงฟู่นั้นดึงดูดความสนใจของคนงานก่อสร้างและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณใกล้เคียงเป็นอย่างมาก
ในระหว่างที่คนสองกลุ่มกำลังเดินเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็เห็นลู่โจว ตามมาด้วยหวังเผิง จากนั้น พวกเขาก็หยุดและหันกลับไปทำงานต่อไป
ลู่โจวมองโจวเฉิงฟู่อย่างเงียบๆ
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็หยุดหัวเราะ โจวเฉิงฟู่พลันกระแอมออกมา
“ครั้งหนึ่งฉันเคยสงสัยว่านายแตกต่างจากคนอื่น แต่ตอนนี้ ฉันคิดลองคิดดูแล้ว นายมันแปลกประหลาด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักวิชาการผานถึงชอบนายนัก”
หลู่โจวมองโจวเฉิงฟู่อย่างไม่เข้าใจและรอจนเขาพูดจบ
จากนั้น โจวเฉิงฟู่ก็พลันหายใจเข้าเฮือกใหญ่และยกแขนเสื้อขึ้น
เขาจ้องมองมายังลู่โจวอยู่สักพัก
“ฉันหวังว่านายจะจำสิ่งที่พูดมาในวันนี้ได้นะ…”
…
ทันทีที่พูดจบ โจวเฉิงฟู่ก็เดินจากไป
หลังจากโจวเฉิงฟู่จากไปแล้ว เขาก็นั่งเครื่องบินเพื่อกลับไปยังเมืองหรงเฉิง
ถ้าเขาจะอยู่ต่อ ลู่โจวก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว
เขาเป็นคนที่นับถือศาสนาพุทธ สำหรับความร่วมมือของสถาบันวิจัยอื่นในจีน เขาก็ดูจะเต็มใจที่จะร่วมมือมาโดยตลอด
ท้ายที่สุดแล้ว การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ทำได้ ไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นยังไงก็ตาม ขนาดเหรียญยังมีสองด้านเลย
ถ้าไม่มีคนช่วย ลู่โจวก็คงมาถึงจุดนี้ไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น แทนที่จะมาพูดแดกดันกัน เอาคำพูดเหล่านั้นมาเปลี่ยนเป็นคำชมที่น่าฟังไม่ดีกว่าหรือ?
วันเวลาผ่านไป ลู่โจวก็พลันลืมเรื่องนี้ไปแล้ว โจวเฉิงฟู่ควรจะมาเยี่ยมชมฐานเสาเข็มเป็นสัปดาห์ที่สองได้แล้ว นอกจากนี้ ยังต้องมีเหล่านักวิจัยคนอื่นมาอีกกว่าห้าร้อยคนด้วย
แต่ทว่า คราวนี้กลับไม่ใช่โจวเฉิงฟู่ แต่เป็นชายชราในเสื้อแจ็กเก็ตสีเทาอายุประมาณห้าสิบกว่าแทน
หลังจากแนะนำตัวเอง ศาสตราจารย์ตรงหน้าที่ชื่อหยวนหยวนก็กล่าวคำพูดขึ้น
“นักวิชาการโจวถอนตัวออกจากสำนักงานไปเมื่อวานนี้แล้ว ฉันเลยต้องมาแทน”
ลู่โจวพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ถอนตัว?”
“ใช่ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ แต่ก่อนที่ฉันจะอนุมัติไป เขาก็ได้อธิบายทุกอย่างให้ฟัง ฉันมาที่นี่ก็เพื่อมาหานายนี่แหละ…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ คณบดีหยวนหยวนก็เผยท่าทีแปลกไป
“ฉันหวังว่าศาสตราจารย์ลู่จะให้โอกาสพวกเราได้…”
แม้ว่าลู่โจวจะประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่เผยยิ้มเท่านั้น
“ตอนนี้คงยังไม่เหมาะที่จะพูดถึงโอกาส แต่ถ้าคุณสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการของเรา ผมก็ยินดีต้อนรับ”
เห็นได้ชัดว่าคณบดีหยวนหยวนไม่ได้คาดหวังว่าลู่โจวจะเป็นคนที่น่าคบหาด้วยขนาดนี้
ถึงอย่างไร เขาก็พลักก้มหัวลง
“ขอบคุณมาก!”
“ยินดีเลยครับ” ลู่โจวกล่าวพร้อมยื่นมือ “ยังไงก็เถอะ เดี๋ยวผมจะมาจัดการเรื่องอื่นทีหลัง”
ทั้งคู่จับมือกัน “นี่คงจะเป็นอย่างที่ฉันพูดไปสินะ ขอบคุณที่ให้โอกาสเรา ธุรกิจนิวเคลียร์ฟิวชั่นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้แน่”
ลู่โจวเผยยิ้มทันทีที่ปล่อยมือ
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ยังไงมันก็เป็นทางเลือกของคุณอยู่แล้ว”
…
ทั้งลู่โจวและสถาบันฟิสิกส์นิวเคลียร์ตะวันตกเฉียงใต้ต่างก็ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อกัน
สาเหตุของทุกสิ่งไม่มีอะไรนอกจากความมีน้ำใจของลู่โจว
สำหรับนักวิจัยทั่วไป พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดตั้งแต่ต้นในเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่สำหรับลู่โจวแล้ว เขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเสียเท่าไหร่
พรสวรรค์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าพวกเขาเต็มใจที่อยากจะมีส่วนร่วมในธุรกิจนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุม ลู่โจวก็จะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไร สิ่งเดียวที่ทำให้ลู่โจวรู้สึกสงสารก็คือโจวเฉิงฟู่เลือกที่จะถอนตัวในเวลาแบบนี้
อันที่จริง ด้วยความสามารถและประสบการณ์ของเขา มันถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก
แต่เมื่อลู่โจวลองคิดดูอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็คิดแล้วว่ามันคงจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นของโครงการห้าแปดห้าหรือโครงการนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุมระดับชาติก็ตาม…
ณ สำนักงานของหัวหน้านักออกแบบ
นักวิชาการผานกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงานและถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแบบนั้น ยังไงก็เถอะ ด้วยความสามารถของเขาแล้ว มันก็น่าเสียดาย เขายังคงแสดงความสามารถในอุตสาหกรรมต่อไปได้อยู่เลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมกัน? ทำไมต้องมาถอนตัวเอาตอนนี้ด้วย?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นักวิชาการผานก็รู้สึกเสียหายไม่น้อย
สำหรับนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุม พวกเขาต้องดิ้นรนตั้งแต่ปลายทศวรรษที่เจ็ดสิบจนถึงปัจจุบันเพื่อสร้างมันขึ้นมา
ขณะนี้ โครงการของเครื่องปฏิกรณ์เชิงสาธิตก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว รุ่งอรุณของนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุมก็ได้ใกล้เข้ามาแล้ว
อะไรคือความแตกต่างระหว่างการเลือกที่จะถอนตัวในเวลานี้และการถอนตัวในวันสุดท้ายของชัยชนะ?
ลู่โจวพลันครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้น เขาก็มองไปยังนักวิชาการผาน “ไว้ค่อยไปคุยกับเขาก็แล้วกัน”
ทันทีที่ได้ยินข่าวที่ไม่คาคคิดเช่นนี้ นักวิชาการแผนก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
“เขาพูดอะไรกับนายบ้าง?”
ลู่โจวหล่าวคำพูดขึ้น “ก็พูดทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องงาน”
จากนั้น นักวิชาการผานก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเพียงแค่ถอนหายใจ “หวังว่าเขาจะตัดสินใจและคิดดีแล้วนะ”
นักวิชาการผานหยุดความเสียใจที่มีต่อเพื่อนเก่าเอาไว้ครู่หนึ่ง จากนั้น เขาก็เผยยิ้ม
“เอาล่ะ นอกจากโครงการห้าแปดห้าแล้ว เขายังออกจากตำแหน่งของผู้อำนวยการศูนย์บริหารของโครงการพลังงานฟิวชั่นแบบควบคุมนานาชาติอีกด้วย ตอนนี้ตำแหน่งน่าจะยังว่างอยู่ แล้วสำหรับตำแหน่งนี้ นายคิดว่าจะมีใครมาแทนที่ไหม?”
…………………………………………………