ในช่วงเช้าของวันที่ 31 ธันวาคม
ถนนของกรุงวอชิงตันยังคงเงียบกริบ
ช่วงคริสต์มาสเป็นวันหยุดสำคัญ 1 ใน 10 วันของสหรัฐอเมริกา และวันหยุดนี้ก็มีช่วงเวลายาวไปจนถึงวันที่ 5 มกราคมของปีถัดไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่มีอารมณ์จะมาฉลองในวันหยุดนี้
หรืออย่างน้อยประธานาธิบดีผมสีส้มก็ไม่ใช่คนหนึ่งล่ะ
ในทางตรงกันข้าม เขากับข้าราชการในทำเนียบขาวยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน
ในอีกไม่กี่ชั่วโมง ประเทศจะทดสอบฟิวชั่นอิกนิชั่นที่ควบคุมได้ในมณฑลเจียงซู ทำให้พวกเขาเหลือเวลาอยู่เพียงนิดเดียว
หลังจากทรัมป์กล่าวอวยพรวันสิ้นปีและโพสต์ทวิตเตอร์เมื่อคืนก่อน เขาก็รีบจัดการประชุมกับคนแถวหน้าทั้งคืน เขายังนัดคุยกับกงสุลของสาธารณรัฐประชาชนจีนในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ประมาณตี 5 รถลีมูซีนสีดำก็แล่นมาจอดที่เขตตะวันตกเฉียงเหนือของวอชิงตัน ใกล้กับกงสุลประเทศจีนในสหรัฐอเมริกา
คุณทรัมป์มีคนจำนวนมากเดินตาม เมื่อเขาเดินเข้าไปในกงสุล เขาก็ได้รับการต้อนรับโดยเจ้าหน้าที่ต้อนรับของกงสุล
“ผมจะเข้าประเด็นเลยแล้วกัน” ท่านประธานาธิบดีทำท่าขยับมือและบอกเฮล์มให้ปิดประตูตามหลัง ทรัมป์จ้องตรงไปที่ท่านทูตซุนเหวินไข่และพูดอย่างจริงจังว่า “ประเทศจีนกำลังจะทดสอบนิวเคลียร์ในเมืองไห่โจวอีกประมาณ 5 ชั่วโมงใช่ไหม ผมพูดถูกสินะ?”
เหมือนกับท่านทูตซุนเพิ่งได้ยินประธานาธิบดีทรัมป์พูดตลก เขายิ้มให้กับท่านประธานาธิบดี
และไม่ได้ให้คำตอบกับเขาตรงๆ แต่กลับวางถ้วยชาในมือแทน
“ใครบอกท่านเรื่องนี้เหรอครับ?”
“ไม่สำคัญหรอกน่ะ” ทรัมป์ที่คิดว่าตัวเองทายถูกแล้ววางมือตัวเองลงบนหัวเข่า จากนั้นจึงเผยรอยยิ้มมุมปากบนใบหน้า เขามองท่านทูตด้วยท่าทีข่มแล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า “ตามสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์แล้ว การทดสอบนิวเคลียร์ทุกชนิดถูกห้ามไว้ แต่ตามที่หน่วยข่าวกรองของผมได้ยินมา ประเทศจีนเหมือนจะละเมิดกฎสากลข้อนี้นะ”
ทรัมป์มองท่านทูตอย่างละเอียดลออ เขากำลังพยายามหาร่องรอยจุดอ่อนในตัวท่านทูต
น่าเสียดายที่เขาหาจุดอ่อนไม่เจอเลยสักข้อ
เขามองไม่เห็นร่องรอยความกลัวที่เขาอยากจะเห็นเลย…
ท่านทูตซุนจิบชาแล้วพูดขึ้นมาช้าๆ ว่า “การคิดว่าการวิจัยฟิวชั่นที่ควบคุมได้เป็นการทดสอบนิวเคลียร์ก็เป็นวิธีที่น่าสนใจมากในการตีความข่าวนี้นะครับ ถ้าท่านไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างสองข้อนี้แล้ว ท่านลองไปถามผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ในอเมริกาจะดีกว่าไหมครับ?”
ท่านประธานาธิบดียิ้มอย่างเย็นชา
เขารู้ข้อแตกต่างระหว่างสองอย่างนี้อยู่แล้ว
แต่เขาก็ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ได้
“ใครจะรับรองได้ล่ะ ว่าคุณพูดความจริง? ผมไม่สนว่าพวกคุณจะวางแผนทำการทดลองลับอะไรในเขต 900 แต่นานาชาติต้องการคำอธิบายเรื่องนี้ ถ้าพวกคุณไม่ได้กำลังทำอะไรผิดสนธิสัญญา ทำไมคุณไม่เปิดเผยการทดลองนี้ให้โลกนี้รู้ล่ะ?”
“เขต 900 เหรอครับ?” ซุนเหวินไข่ยิ้มกับคำถามหลุมพรางข้อนี้ เขาถามว่า “พวกท่านเรียกที่นั่นว่าอย่างนั้นเหรอครับ”
ท่านประธานาธิบดีพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่าเปลี่ยนประเด็นสิ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจังนะ”
ซุนเหวินไข่หยุดยิ้ม “ผมรู้ว่าพวกท่านกำลังสงสัยว่าพวกเรากำลังทำอะไรที่นั่นกันแน่ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดึงประเทศอื่นเข้ามาเกี่ยวในเรื่องนี้นะครับ การทดลองที่ทำที่นั่นไม่เคยเป็นความลับอะไรอยู่แล้ว แต่เพราะว่ามันมีเรื่องของเทคโนโลยีที่เป็นความลับเข้ามาเกี่ยว ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดได้ครับ”
ท่านประธานาธิบดีพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พวกเรามีสิทธิ์ที่จะสงสัย”
“ใช่ครับท่าน ท่านมีสิทธิ์” ซุนเหวินไข่มองนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านประธานาธิบดีครับ ตอนนี้เป็นเวลา ตี 5 ครึ่งนะครับ”
ท่านประธานาธิบดีเลิกคิ้วแล้วถามกลับว่า “แล้วมันทำไมล่ะ?”
ท่านทูตซุนพูดอย่างช้าๆ ว่า “ก่อนที่ผมจะพูดเรื่องเขต 900 กับท่าน ผมขอเวลาท่าน 30 นาทีครับ”
คิ้วของท่านประธานาธิบดีขมวด แล้วเขาก็เอนกลับไปพิงเก้าอี้ตัวเอง
“โอ้? มีประเด็นน่าสนใจอะไรที่คุณอยากจะพูดอย่างนั้นเหรอ?”
“ท่านอาจจะมองว่ามันไม่น่าสนใจนะครับ” ท่านทูตซุนยิ้มอย่างอบอุ่นและเอื้อมมือไปหยิบรีโมตคอนโทรลบนโต๊ะกาแฟขึ้นมา เขาพูดขึ้นว่า “แต่ผมอยากจะเชิญท่านมาชมรายงานนี้ด้วยกันครับ”
รายงานเหรอ?
ท่านประธานาธิบดีหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
“รายงานอะไรกัน?”
“รายงานข่าวโทรทัศน์ช่องกลางของจีนครับ”
…
วันที่ 31 ธันวาคม เวลา 5 นาฬิกา 50 นาที ของเส้นเวลาอเมริกาเหนือนั้น
เป็นเวลา 18 นาฬิกา 50 นาที ของเวลาประจำกรุงปักกิ่ง
ณ ตอนนี้ ที่สถานี CTV พิธีกรโทรทัศน์อย่างกั๋วเฉียงกำลังอ่านสคริปต์ข่าวในมืออยู่ เขากำลังเตรียมการขั้นสุดท้ายด้วยท่าทางเป็นกังวล
ถึงจะมีเครื่องบอกสคริปต์ที่ช่วยทำให้เขาจำได้ว่าต้องพูดอะไรแล้ว ในฐานะพิธีกร เขาก็ยังต้องเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดอย่างเต็มรูปแบบอยู่ดี
โดยเฉพาะวันนี้ที่เป็นวันพิเศษแล้ว
ไม่เพียงแต่วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของปี 2019 แต่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เหตุการณ์สะเทือนโลกได้เกิดขึ้นที่เมืองไห่โจว มณฑลเจียงซู
โปรเจกต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิต สตาร์-2 ที่นำโดยผู้ได้รับรางวัลโนเบลอย่างลู่โจว ได้ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้แล้ว ด้วยความร่วมมือจากสถาบันวิจัยหลักร้อยแห่งทั่วประเทศ พวกเขาสามารถสร้างฟิวชั่นอิกนิชั่นได้สำเร็จแล้ว
ภายใต้ความต้องการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อจะให้ทุกคนทราบความสำเร็จของพลังงานฟิวชั่นที่ควบคุมได้นั้น ข่าวนี้จะออกอากาศไปทั่วประเทศ แผนกตัดต่อข่าวเตรียมแผนไว้ 4 รูปแบบ เพื่อให้การรายงานข่าวเป็นไปได้อย่างลื่นไหล
ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี การรายงานข่าววันนี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไปพร้อมกับความสำเร็จของเครื่องปฏิกรณ์สาธิตนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้…
กั๋วเฉียงคือผู้ที่ต้องรายงานข่าวนี้ให้ทั้งประเทศได้ทราบ เขาจึงแบกรับความกดดันไว้มาก
กั๋วเฉียงนั่งอยู่หน้ากล้อง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก และใช้โอกาสจากเสี้ยววินาทีสุดท้ายนี้ในการพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง
ผู้อำนวยการนั่งอยู่หลังกล้อง และเขาก็โบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้กั๋วเฉียง
“กั๋วเฉียง เริ่มได้เลย!”
“โอเคครับ” กั๋วเฉียงพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วมองตรงไปที่กล้อง เขาเผยรอยยิ้มที่ฝึกมาหน้ากระจกนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
“สวัสดีตอนเย็นครับทุกท่าน ตอนนี้เป็นเวลา 19 นาฬิกาของ วันที่ 31 ธันวาคม…”
สถานการณ์เหมือนกับการซ้อมนับครั้งไม่ถ้วนที่กั๋วเฉียงทำมาก่อนหน้า เขาจ้องไปที่เครื่องอ่านบทและอ่านเนื้อหาข่าวด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำ
ถ้าเปรียบเทียบกับผู้ประกาศข่าวคนอื่นที่มักจะมีสีหน้าจริงจังแล้ว เขาชอบยิ้มมากกว่า
นอกจากจะช่วยให้บรรยากาศสงบและน่ายินดีแล้ว ยังทำให้เขามีเสน่ห์มากกว่าคนอื่นอีกด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมสำนักข่าวจึงเลือกเขามาเป็นผู้ประกาศข่าวของคืนนี้
ถ้าตามจากที่ผู้อำนวยการเล่ามาแล้ว ไม่ใช่แค่ทั้งประเทศที่กำลังรอการรายงานข่าวครั้งนี้ แต่เป็นทั่วทั้งโลกที่กำลังรออยู่
กั๋วเฉียงเป็นหนึ่งในโฆษกของประเทศ ดังนั้นทีมผู้นำจึงอยากให้เขารายงานข่าวการทดลองพลังงานฟิวชั่นที่ควบคุมได้ให้ออกมาในทางที่เป็นมิตรและสันติ
การก้าวขึ้นมาอย่างสันติของประเทศจีนนั้นจะต้องไม่เกิดจากการเสียสละอำนาจของประเทศอื่นๆ
“…เครื่องปฏิกรณ์สาธิต สตาร์-2 ในเขตเถียนวัน เมืองไห่โจว ได้ประสบความสำเร็จในการทดลองทำฟิวชั่นอิกนิชั่นครั้งสุดท้ายแล้ว ภายใต้การนำของหัวหน้านักออกแบบอย่าง นายลู่โจว
รายงานข่าวเปลี่ยนไปเป็นคลิปสั้นที่ห้องปฏิบัติการฟิวชั่นอิกนิชั่น
ไม่มีแสงแสบตาเป็นพิเศษ หรือเสียงดังจนโลกถล่มอะไร เป็นเพียงห้องควบคุมธรรมดาๆ ห้องหนึ่ง ในคลิปมีหน้าจอและเครื่องควบคุมที่ถูกเบลอเรียงเป็นแถว มีภาพคนกดปุ่ม แล้วตามด้วยเสียงโห่ร้องยินดีและการเฉลิมฉลอง
ถึงแม้จะเป็นเพียงสิ่งที่อยู่ในหน้าจอทีวี แต่คนข้างนอกก็สามารถสัมผัสได้ถึงความปีติและความภูมิใจ
กั๋วเฉียงที่นั่งอยู่ที่สตูดิโอข่าวอ่านสคริปต์ต่อด้วยเสียงดังฟังชัด
“…จนถึงตอนนี้นั้น เครื่องปฏิกรณ์ยังอยู่ในสภาวะคงที่ และผลลัพธ์จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหมายเลข 1 ก็ได้พุ่งทะยานขึ้นถึงลิมิต 1000 เมกะวัตต์ตามที่คาดหวังไว้
โดยตามแผนการแล้ว เครื่องปฏิกรณ์จะค่อยๆ เชื่อมต่อกับกริดไฟฟ้าในปีหน้า พลังงานที่คาดว่าจะได้รับในปีหน้าจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นถึง 50,000 เมกะวัตต์ เครื่องปฏิกรณ์สาธิตที่ควบคุมได้จะผลิตกระแสไฟฟ้าส่วนใหญ่ของมณฑลเจียงซู…”
สนามฟิวชั่นที่ควบคุมได้ผ่านกระบวนการอิกนิชั่นสำเร็จแล้ว
อาจจะใช้เวลาไม่นานนัก ที่จะถึงยุคที่ถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า
แล้วก็อาจจะอีกไม่นานนัก ที่ทะเลทรายจะกลายเป็นโอเอซิสที่ใช้เพาะปลูกได้
บางทีจินตนาการเรื่องพวกนั้น อาจจะกลายเป็นจริงได้อย่างช้าๆ ในเวลาไม่นานต่อจากนี้ก็ได้
อนาคตอันแสนไกลไม่เคยดูเหมือนใกล้ตัวขนาดนี้มาก่อน
บางทีอาจจะมีสักวันที่ไม่ต้องใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงอีกต่อไป วันที่น้ำมันจะถูกใช้เป็นวัตถุดิบในผลผลิตอุตสาหกรรมเท่านั้น
จากช่องแคบฮอร์มุซถึงช่องแคบมะละกา จากทะเลแดงจนถึงทะเลจีนใต้ ประเทศจีนจะไม่ติดปัญหาเรื่องพลังงานอีกต่อไป ถนนสู่การพัฒนาในอนาคตคงจะยาวเท่าทางช้างเผือก
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นไปได้
กั๋วเฉียงมองนักวิชาการที่ดูตื่นเต้นในคลิปวิดีโออย่างภูมิใจ แล้วน้ำตาของเขาก็คลอเบ้า
มีร่องรอยของความตื่นเต้นและการสั่นอยู่ในเสียงของเขาตอนที่เขากำสคริปต์โทรทัศน์ในมือไว้แน่น
เขามองประเทศจีนผ่านเลนส์กล้องแล้วประกาศออกมาอย่างจริงจังว่า “ประชาชนชาวจีนทุกคนครับ กงล้อแห่งประวัติศาสตร์กำลังหมุนไปข้างหน้าแล้ว และพวกเราก็เดินนำหน้ากาลเวลา
แสงของฟิวชั่นที่ควบคุมได้คือความหวังและอนาคตของพวกเรา
ประวัติศาสตร์จะจดจำช่วงเวลาที่เหนื่อยยากครั้งนี้เอาไว้ รวมไปถึงนักวิชาการผู้เก่งกาจทุกคนที่อุทิศชีวิตเพื่อการวิจัยวิทยาศาสตร์ด้วยเช่นกัน!
และพวกเราทุกคนจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในอนาคตที่ดีกว่าเดิมครับ!”
…………………………