กรุงมอสโก
ณ ออฟฟิศแห่งหนึ่งในพระราชวังเครมลิน
ชายผู้ดูทรงพลังคนหนึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ หลังจากที่เขาได้ยินรายงานจากลูกน้องของเขา เขาก็ขมวดคิ้ว
“ฟื้นแล้วเหรอ?”
ชายในเสื้อแจ็กเกตหนังพยักหน้ารับ
“ใช่ครับ…ตามที่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของเราเล่ามา ศาสตราจารย์ลู่โจวฟื้นจากภาวะโคม่าแล้วครับ จากคำพูดของผู้เชี่ยวชาญที่องค์การอนามัยโลก บอกว่าไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่าภาวะโคม่าของเขามีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอกครับ เหมือนกับแค่ว่าเขาแค่เหนื่อยล้ามากๆ เฉยๆ”
ความเหนื่อยล้าที่ส่งผลให้เข้าภาวะโคม่ามากกว่า 20 วันน่ะเหรอ
ถึงจะฟังดูค่อนข้างน่าขันแค่ไหน แต่นี่ก็ดูเหมือนจะเป็นคำอธิบายที่เชื่อถือได้มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการณ์อย่างอื่นที่มีเนื้อหาออกไปทางน่าขนลุก
วลาดิเมียร์เดินไปที่หน้าต่างแล้วมองไปยังจัตุรัสแดงข้างนอกเครมลิน สีหน้าของเขาทำให้คนอื่นเดาได้ยากว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ลู่โจวยังมีชีวิตอยู่
นี่ไม่ใช่ข่าวดีแน่สำหรับรัสเซีย
เศรษฐกิจของรัสเซียพึ่งพาการส่งออกพลังงานเป็นอย่างมาก และประเทศจีนก็เป็นผู้ซื้อรายใหญ่เป็นลำดับที่สองในด้านน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ การส่งออกของกับจีนคิดเป็น 18% ของการส่งออกทั้งหมดเลยทีเดียว
ถ้าหากผลกระทบที่เกิดจากราคาน้ำมันตกลงทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในระยะสั้นแล้วล่ะก็ เงินรูเบิลของรัสเซียก็จะได้รับผลกระทบร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม ในการจะเอาชนะรัสเซียให้ได้นั้น ประเทศจีนจะไม่ยกเลิกคำสั่งนำเข้าน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติจากรัสเซียในระยะสั้น แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าประเทศจีนจะมีข้อได้เปรียบในการเจรจาเรื่องการนำเข้าพลังงานมากกว่าเดิม
ตอนแรกสถานการณ์การเมืองระดับโลกอยู่ในระดับสมดุลแล้ว
แต่เมื่อฟิวชั่นที่ควบคุมได้ถูกโยนเข้ามาเอี่ยวด้วย สมดุลนั้นก็พังทลายอย่างสมบูรณ์
ทันใดนั้นเอง ภาพน่ารังเกียจก็ผุดขึ้นมาในหัวของคุณวลาดิเมียร์
ถ้าหากว่า สักวันหนึ่ง โรงงานในไซบีเรียต้องพึ่งพาระบบไฟฟ้าจากจีนล่ะ?
สิ่งนี้ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว…
ถ้าเพียงแต่เจ้าเด็กนั่นจะไม่ฟื้นขึ้นมานะ
ถ้าเขาจากไป ประวัติศาสตร์ของเขาจะต้องกลายเป็นตำนานอย่างไม่ต้องสงสัย เขาจะได้รับการจดจำในฐานะนักวิชาการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษ ไม่ใช่แค่ประชาชนจีนที่จะไว้ทุกข์ให้กับเขา แต่ฉันเองก็เช่นกัน แม้แต่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาก็จะยังต้องวางแผนเตรียมคำพูดสรรเสริญในงานศพเพื่อไว้ทุกข์การตายของเขาเลย
ปัญหาก็คือ เขายังมีชีวิตอยู่นี่สิ…
“ท่านประธานาธิบดีครับ”
วลาดิเมียร์หันไปมองลูกน้องของเขาแล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “มีอะไร?”
ชายในเสื้อแจ็กเกตหนังกดเสียงตัวเองให้ต่ำลงขณะพูด “ถ้าเกิดว่าพวกเรา…”
“ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก” วลาดิเมียร์หันหน้าหนีจากหน้าต่างแล้วกลับมานั่งลงที่เดิม เขาพูดขึ้นว่า “พวกเราไม่สามารถเสี่ยงทำให้ประเทศจีนโกรธได้ ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ จะเป็นเรื่องโง่เขลานักที่จะทำอย่างนั้น”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การลอบสังหารก็เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน มันจะหมายความว่าประเทศของเขาเป็นประเทศที่ไม่เจริญ
โดยเฉพาะกับการลอบสังหารนักวิชาการที่มีชื่อเสียงทั่วโลก
ยังไม่นับว่า อีกฝ่ายหนึ่งก็สามารถล้างแค้นพวกเขาเองได้เหมือนกัน
ชายในเสื้อแจ็กเกตหนังยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ในขณะที่เขากำลังรอคำสั่งจากท่านประธานาธิบดี
หลังจากนั่งอยู่ที่โต๊ะมาเป็นเวลานาน วลาดิเมียร์ก็พูดขึ้นในที่สุดว่า “รวบรวมข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองเรื่องพลังงานฟิวชั่นที่ควบคุมได้ต่อไป พวกเขานำพวกเราไปแล้ว แต่พวกเราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังไม่ได้”
เขาพลิกหน้าเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ เมื่อสายตาของเจอกับข้อความจุดหนึ่ง เขาก็หรี่ตาลง
“เขาเป็นคนโสดเหรอ?”
ทันใดนั้นเอง ประตูออฟฟิศก็ถูกผลักเปิดออก
“ข่าวล่าสุดครับ!”
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียรีบเดินเข้ามาที่โต๊ะของวลาดิเมียร์ จากนั้นก็พูดอย่างเร่งรีบว่า “ประเทศจีนได้เริ่มเจรจาเรื่องโปรเจกต์เชื่อมต่อระบบไฟฟ้ากับเมียนมาร์และลาวแล้ว ถึงพวกเราจะยังไม่ทราบว่าข้อตกลงจะสำเร็จหรือไม่ แต่ตามแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ของเรา ฝั่งของประเทศจีนได้มอบข้อเสนอที่น่าสนใจมากๆ ให้กับทั้งสองประเทศนั้นครับ…”
จะมาถามว่าทำไมพวกเขาไม่เคาะประตูในตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อวลาดิเมียร์ได้ยินเรื่องนี้เข้า ม่านตาของเขาก็ขยายเล็กน้อย
อย่างที่คิดไว้เลย สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดเป็นจริง
ถึงแม้รัสเซียจะไม่ได้สนใจอะไรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิ่งนี้ก็ไม่ใช่ข่าวดีเลยสักนิด
ตอนนี้เป็นแค่ลาวกับเมียนมาร์ คำถามคือ ประเทศไหนจะเป็นรายต่อไป?
ถ้าลงไปทางใต้อีก พวกเราก็สามารถขยายระบบไฟฟ้าให้ไปถึงเวียดนาม ไทย หรือแม้แต่มาเลเซียได้ พวกเขาสามารถควบคุมประเทศทั้งช่องแคบมะละกาแล้วกรุยทางเพื่อออกสู่มหาสมุทรได้เลย
หรือถ้าพวกเขาไปทางทิศตะวันตก ผ่านเส้นทางสายไหมไป พวกเขาก็สามารถเชื่อมต่อกับประเทศในกลุ่มเอเชียกลาง 5 ประเทศ และเริ่มขยายอำนาจบนบกต่อได้
บางทีคงจะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่สามารถตอบคำถามของเขาได้
…
ณ ปักกิ่ง
โรงพยาบาล 301
ตอนแรกลู่โจววางแผนว่าแค่จะออกมาเดินเล่นเฉยๆ เขาไม่ได้คิดว่าจะบังเอิญเจอกับใครบางคนเข้า
เมื่อเขาได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาดังมาจากผู้ชายวัยกลางคนที่กำลังวิ่งมาหา ลู่โจวก็หันกลับไปมองที่ผู้ชายคนนั้น
“คุณเป็นใคร?”
ผู้ชายคนนั้นมองลู่โจวแล้วยื่นมือออกมา เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ผมขอแนะนำตัวเองนะครับ ผมเป็นผู้อำนวยการของสถานี CTV ชื่อหลัวฉีตี้”
ผู้อำนวยการสถานี CTV เหรอ?
ผู้อำนวยการสถานีทีวีมีเวลาว่างมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
ยังไม่นับว่าเขาเป็นผู้อำนวยการของสถานี CTV นะ…
แม้ลู่โจวจะประหลาดใจ แต่เขาก็ยังยิ้มแล้วยื่นมือขวาออกมา
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผู้อำนวยการหลัว”
มีคนใหญ่คนโตจำนวนนับไม่ถ้วนแล้วที่มาเยี่ยมเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ แม้ว่าผู้อำนวยการสถานี CTV จะเป็นบุคคลที่สำคัญมากคนหนึ่ง ลู่โจวก็ไม่รู้สึกหวาดหวั่นแต่อย่างใด
“ฮ่าฮ่า ยินดีที่ได้พบครับ ศาสตราจารย์ลู่” หลัวฉีตี้เขย่ามือลู่โจวแล้วยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็รีบแนะนำบุคคลที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้ลู่โจวฟังทันที “คนนี้คือพิธีกรของรายการ ‘แสงแห่งวิทยาศาสตร์’ รายการทีวีของเรา ชื่อของเธอคือ เหอหยิง ครับ”
เหอหยิงยิ้มอย่างสุภาพแล้วพูดขึ้นมาว่า “ยินดีที่พบค่ะ ศาสตราจารย์ลู่”
“ยินดีที่ได้พบครับ คุณเหอ” ลู่โจวพยักหน้าให้เธอ จากนั้นเขาก็หันไปมองผู้อำนวยการหลัวแล้วพูดตลกว่า “ผู้อำนวยการหลัว คุณมาที่นี่เพื่อสัมภาษณ์ผมเป็นการส่วนตัวอย่างนั้นเหรอครับ?”
“ฮ่าฮ่า ผมก็อยากจะสัมภาษณ์คุณนะ แต่ผมไม่ได้ทำงานภาคสนามมานานแล้วน่ะสิ ผมจะขอมอบโอกาสนี้ให้กับเพื่อนร่วมงานที่อายุน้อยของผมคนนี้แล้วกัน” ผู้อำนวยการหลัวยิ้มแล้วหันไปหาเหอหยิงในระหว่างที่พูด “เหอหยิง เธอช่วยอธิบายสถานการณ์ให้ศาสตราจารย์ลู่ฟังหน่อยสิ”
“ได้ค่ะ ผู้อำนวยการหลัว”
เหอหยิงมองไปที่ลู่โจวแล้วพูดขึ้นว่า “สถานการณ์เป็นอย่างนี้ค่ะ ตอนนี้เกือบจะถึงวันตรุษจีนแล้ว ประเทศทั้งประเทศเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของคุณมาก ถ้าหากคุณพอจะมีเวลา พวกเราอยากเชิญคุณมาเข้าร่วมรายการวิทยาศาสตร์ชื่อดังน่ะค่ะ”
ลู่โจวถาม “มันเกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้หรือเปล่าครับ?”
เหอหยิงพยักหน้าแล้วตอบ “มันเกี่ยวกับนิวเคลียร์ฟิวชั่นค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับตัวคุณมากกว่า”
ลู่โจวคิดอยู่นิดหนึ่งก่อนจะตอบไปว่า “ผมโอเคกับทุกอย่างที่คุณพูดมานะ แต่คุณควรจะลองไปติดต่อกับหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องเรื่องรายการอันนี้ของคุณจะดีกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไร ก็มีข้อมูลมากมายที่เป็นความลับแล้วก็เซนซิทีฟน่ะครับ”
เหอหยิงพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ค่ะ ทางรายการจะไม่แตะประเด็นที่เป็นความลับแน่นอน พวกเราทำการบ้านมาแล้วค่ะ”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นก็โอเคครับ แล้วจะสัมภาษณ์เมื่อไรล่ะ?”
เมื่อเห็นลู่โจวตอบตกลง เหอหยิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นเธอก็พูดอย่างเริงร่าว่า “วันพรุ่งนี้ตอนบ่ายสองค่ะ รายการของเราจะออกอากาศในวันก่อนวันตรุษจีนหนึ่งวัน”
แผนกโปรดักชันของพวกเขาวางแผนมานานมากในการให้ศาสตราจารย์ลู่มาปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญในรายการ นี่ยังรวมถึงการรับใบอนุญาตจากแผนกอื่น การรวบรวมคำถามจากสาธารณะผ่านโทรศัพท์และเว่ยป๋อ การสกรีนเพื่อตรวจสอบคำถาม และอื่นๆ อีกมากมาย มีการเตรียมการหลายขั้นตอนเมื่อช่วงสิ้นปีที่แล้ว
ไม่ได้มีแค่ทีมโปรดักชันที่ทุ่มเททั้งแรงและเวลา แต่ตัวเหอหยิงเองก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
เพราะสุดท้ายแล้ว การได้สัมภาษณ์ลู่โจวจะมีผลดีอย่างใหญ่หลวงต่ออาชีพการงานในวงการบันเทิงของเธอ
ลู่โจวยิ้มแล้วพยักหน้า “โอเค ถ้าอย่างนั้น ผมจะอยู่ที่นี่แหละ”
ในเมื่อผู้อำนวยการสถานีอุตส่าห์มาหาเขาด้วยตัวเอง เขาก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องตอบตกลงการสัมภาษณ์ครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ลู่โจวรู้สึกว่า เหตุผลที่แท้จริงที่ผู้อำนวยการหลัวมาเยี่ยมเขา ไม่ได้เป็นเพราะว่าต้องมาติดต่อเรื่องรายการทีวีหรอก มันอาจจะเป็นเหตุผลเดียวกับคนอื่นที่มาเยี่ยมเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ ผู้อำนวยการหลัวแค่อยากใช้โอกาสนี้ในการสร้างคอนเนคชันกับลู่โจว
อย่างไรก็ตาม ลู่โจวไม่แน่ใจนักว่าอาชีพการงานของพวกเขาจะได้รับประโยชน์จากการมาเป็นเพื่อนกับตัวเขา
เหยียนเหยียนเห็นว่าลู่โจวยอมตอบตกลงเข้าสัมภาษณ์และก็มองผู้อำนวยการหลังกับพิธีกรสาวเดินจากไป เธอมองลู่โจวด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ร่างกายของคุณปกติดีใช่ไหม?”
ลู่โจวยิ้มแล้วตอบว่า “ในเบื้องต้น ผมน่ะหายดีแล้วล่ะ ได้ออกมาเดินข้างนอกมันดีกว่าอยู่ในโรงพยาบาลนะ คุณช่วยปล่อยตัวผมสักพักเถอะ”
เนื่องจากเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ทำให้เหยียนเหยียนไม่อยากจะเห็นด้วยกับคำขอของเขานัก แต่สุดท้าย เธอก็ถอนหายใจแล้วยอมตกลง
“โอเค ถ้าอย่างนั้น…พอถึงเวลาฉันจะไปกับคุณด้วยก็แล้วกัน”
ลู่โจวกระแอมแล้วบอกว่า “อันที่จริงแล้ว ถ้าคุณไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะ ผมไปคนเดียวได้”
เหยียนเหยียนรีบพูดขึ้นมาทันที “ไม่มีทาง! ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีก ฉันก็..”
แต่อยู่ๆ เธอก็หยุดพูดกลางคัน
เหยียนเหยียนมองไปที่ลู่โจวแล้วกัดฟันแน่น เธอสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพึมพำออกมาว่า “ไม่มีอะไรหรอก ทำเหมือนคุณไม่ได้ยินฉันพูดอะไรออกมาก็แล้วกัน”
ไม่ใช่ว่าฉันจะบอกเขาได้เสียหน่อย ว่าฉันเกือบโดนพ่อไล่ออกจากครอบครัวเพราะเหตุการณ์ครั้งที่แล้วน่ะ!
บอกเขาไปก็อายตายเลย!
ลู่โจวนิ่ง “…? “
ผู้หญิงคนนี้พูดเรื่องอะไรของเธอเนี่ย?
……………………………………..