บทที่ 577 ผู้ช่วยวิจัยทางวิทยาศาสตร์ (2)
ลู่โจวถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “คุณมาที่นี่ทำไม?”
“ฉันจะเรียนจบปีหน้าแล้ว ฉันวางแผนว่าจะเป็นข้าราชการ ก็เลยสมัครเป็นผู้ช่วยที่สถาบันนี้” หลินอวี่เซียงแสยะยิ้มแล้วพูดต่อ “ฉันไม่คิดว่าจะถูกส่งมาที่ออฟฟิศของคุณ มันคงเป็นโชคชะตา”
ลู่โจว “…”
ผมเดาว่าแม่นางคนนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
ลู่โจวมองไปรอบออฟฟิศแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อทางสถาบันได้จัดแจงงานให้พวกคุณแล้ว ผมจะไม่พูดซ้ำนะ ก็แค่ทำงานที่พวกคุณมีอยู่ ถ้ามีเหตุพิเศษก็บอกด้วย…แล้วก็จดหมายสมัครของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาอยู่ไหนล่ะ? ฝ่ายธุรการวิชาการบอกว่าได้ส่งมาให้พวกคุณแล้ว”
จ้าวหวนวิ่งไปหยิบเรซูเม่ที่โต๊ะเธอทันที เธอยื่นเรซูเม่ให้กับลู่โจว
“ฉันคัดแยกพวกมันให้คุณแล้ว”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วเปิดดูเรซูเม่
“โอเค ไม่เลว”
หลังจากนั้น เขาไม่ได้พูดอะไร เขานั่งที่โต๊ะในออฟฟิศและเริ่มเปิดดูเรซูเม่ต่อ
…
เนื่องจากงานของลู่โจวค่อนข้างยุ่ง เขาเข้าใจว่าทำไมสถาบันถึงจัดแจงผู้ช่วยให้เขาสามคน สิ่งเดียวที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมถึงเป็นผู้หญิงทุกคน
เขาไม่ได้สงสัยในประสิทธิภาพของผู้หญิงเหล่านี้ มันก็แค่ว่างานของผู้ช่วยวิจัยทางวิทยาศาสตร์นั้นไม่ใช่งานที่ดีเท่าไหร่
มันเป็นงานที่ต้องรับแรงปะทะและเป็นหนึ่งในงานที่น่าสนใจน้อยที่สุดในมหาวิทยาลัย
เมื่อเทียบกับตำแหน่งงานหลังปริญญาเอกที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากกว่า ผู้ช่วยวิจัยนั้นรับผิดชอบงานด้านกายภาพเป็นหลัก พวกนั้นได้รับค่าจ้างต่ำและมีอนาคตมืดหม่น ทางรอดเดียวคือการย้ายไปทำงานธุรการ ถ้าพวกนั้นทำไม่ได้ ก็จะต้องออกจากงานในเวลาไม่กี่ปี
เอาตามตรงแล้ว ลู่โจวไม่ค่อยมั่นใจในสามสาวเท่าไหร่ เขาไม่คิดว่าพวกเธอความถึกเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม มันถูกจัดแจงมาก่อนแล้ว
ถึงเขาจะไม่พึงพอใจ เขาก็จะรอไปสักพักแล้วดูว่าพวกเธอเป็นยังไง
ลู่โจวใช้เวลาตลอดเช้าไล่ดูเรซูเม่ที่จ้าวหวนคัดมาให้เขา เขาเลือกผู้สมัครจำนวนหนึ่งเพื่อสัมภาษณ์ต่อหน้า
ครั้งนี้ ลู่โจววางแผนที่จะรับสมัครนักศึกษาจำนวนมาก
ไม่ใช่แค่เพียงในด้านคณิตศาสตร์ แต่มีทั้งด้านวัสดุเชิงคำนวณและฟิสิกส์เชิงทฤษฎีอีกด้วย
เหตุผลก็คือภารกิจรางวัลที่เขาตอบรับเมื่อไม่กี่วันก่อน…
………………………………………………………
บทที่ 578 เป็นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
ภารกิจห่วงโซ่ก่อนหน้านั้นให้การ์ดภารกิจสองใบ ใบแรกคือภารกิจห่วงโซ่อีกภารกิจ ส่วนอีกใบคือภารกิจรางวัล
ลู่โจวคิดถึงกรอบเวลาของภารกิจห่วงโซ่และการที่เขาสามารถรับภารกิจได้ทีละหนึ่งภารกิจ สุดท้ายแล้ว เขาตัดสินใจเลือกภารกิจรางวัลก่อน
[
ภารกิจรางวัล: สามารถยอมแพ้ได้ตลอดเวลาโดยไม่ใช้แต้มทั่วไป
คำบรรยาย: ความเจริญรุ่งเรืองของรุ่นไม่สามารถทำได้โดยตัวคนเดียว หยุดโฟกัสแค่การทดลอง รับนักศึกษาเพิ่มขึ้นด้วย!
ความต้องการ: 1.เลือกสองคอร์ส โดยมีเวลาอย่างใน 12 ชั่วโมงในแต่ละคอร์ส รางวัลสุดท้ายขึ้นอยู่กับคุณภาพของคอร์ส ( เกรด S = 100,000 แต้มประสบการณ์ ตั๋วลัคกี้ดรอว์หนึ่งใบ)
ช่วยสอนให้นักศึกษาผลิตธีสิส 5 ชิ้นขึ้นไป รางวัลถูกคำนวณโดยมูลค่ารวมของปัจจัยผลกระทบ (1 ปัจจัยผลกระทบ = 1,000 แต้มประสบการณ์ 10 แต้มทั่วไป)
รางวัล: 0~??? แต้มประสบการณ์ 0~??? แต้มทั่วไป ตั๋วลัคกี้ดรอว์ 1-2 ใบ
]
ท้ายที่สุดแล้ว ภารกิจนี้ค่อนข้างเรียบง่าย
เขาแค่ต้องสอนหนังสือแล้วรับนักศึกษามาจำนวนหนึ่ง มันน่าจะใช้เวลาหนึ่งเทอมการศึกษา โดยเฉพาะส่วนธีสิส…มันไม่ง่ายสำหรับคนทั่วไปที่จะทำสิ่งนี้ แต่สำหรับเขา การชี้แนะให้นักศึกษาจำนวนหนึ่งเขียนธีสิสขึ้นมาเป็นเรื่องง่ายดาย
มาตรการคำนวณรางวัลไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณค่าทางวิชาการของธีสิส มันขึ้นอยู่กับปัจจัยผลกระทบของนิตยสาร นักศึกษาของเขาไม่จำเป็นต้องทำเรื่องปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโลก สิ่งเดียวที่สำคัญคือธีสิสของนักศึกษาพวกนี้ได้รับการตอบรับจากนิตยสารที่มีปัจจัยผลกระทบสูง
นอกจากนี้ เขายังสามารถใช้แขนงวัสดุศาสตร์ทางคำนวณ
ในฐานะผู้บุกเบิกในแขนงนี้ เขาสามารถไปสถาบันศึกษาขั้นสูงจินหลิงแล้วหาโปรเจกต์วิจัยจำนวนหนึ่งให้นักศึกษาของเขาทำงานด้วย เขาสามารถเซ็นธีสิสพวกนี้ในฐานะนักประพันธ์สื่อสาร แล้วความเป็นไปได้ที่ธีสิสถูกตอบรับจะสูงมาก
สำหรับรางวัลภารกิจ มันก็พอใช้ได้
ถ้าเขาโชคดี เขาสามารถได้เกรด S สองตัว ซึ่งจะทำให้ได้ตั๋วลัคกี้ดรอว์สองใบ ถ้าเขาเกิดโชคดีอีก เขาอาจจะได้ปืนสแกนเนอร์?
นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ลู่โจวต้องการมากที่สุด
มันค่อนข้างยากที่จะวิศวกรรมย้อนกลับ เดบริส หมายเลข 3 ด้วยเทคโนโลยีที่มีตอนนี้ ท้ายที่สุดแล้ว ลู่โจวไม่รู้ว่าเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังเครื่องยนต์นี้คืออะไร เขาไม่แน่ใจว่ามันใช่เครื่องยนต์หรือไม่
แน่นอนว่าลู่โจวเคยได้ปืนสแกนเนอร์ครั้งเดียวในชีวิต การที่จะได้ปืนสแกนเนอร์อีกจึงเป็นไปได้น้อยมาก
ลู่โจวอดที่จะคิดบ่นไม่ได้
บางทีเพราะเราไม่ใช่ ‘มือใหม่’ อีกแล้ว เราก็เลยไม่อาจเห็นความเป็นไปได้ของลัคกี้ดรอว์…
ลู่โจวเตรียมลิสต์การสัมภาษณ์แล้วส่งให้หลินอวี่เซียง ซึ่งรับผิดชอบเรื่องการติดต่อนักศึกษา หลังจากนั้น เขาปฏิเสธคำเชิญไปทานอาหารที่ร้านกับเธอ แล้วไปหามื้อกลางวันที่โรงอาหารแทน
หลังจากลู่โจวกลับมาที่ออฟฟิศ เขาก็เริ่มคิดถึงสิ่งที่จะทำช่วงบ่าย แต่จ้าวหวนวิ่งเข้าออฟฟิศมาโดยไม่ให้ตั้งตัว
เธอหอบแล้วก้มหัวลง
“เอ่อ…ศาสตราจารย์ คุณมีคลาสทฤษฎีตัวเลขตอนบ่าย”
ลู่โจวเลิกคิ้วแล้วดูสับสน
“คลาสทฤษฎีตัวเลข? ผมนึกว่าคลาสผมเริ่มสัปดาห์ที่สิบ
จ้าวหวนมีท่าทีรู้สึกผิดขณะที่พูด “ขอโทษ ฉันเสียใจอย่างสุดซึ้ง! คลาสวัสดุเชิงคำนวณของคุณเริ่มสัปดาห์ที่สิบ แต่คลาสทฤษฎีตัวเลขเริ่มสัปดาห์นี้…”
เริ่มสัปดาห์นี้?
ถึงลู่โจวจะเซอร์ไพรซ์เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้โทษเธอเลย
ท้ายที่สุดแล้ว เธอยังใหม่กับงานนี้และก็ขาดประสบการณ์ มันได้อยู่ตราบใดที่เธอไม่ได้ทำผิดซ้ำอีก
“ไม่เป็นไรนะ มันแค่คลาสเดียว ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ครั้งหน้าก็ระวังด้วย”
ถึงลู่โจวไม่ได้คิดอะไรมาก จ้าวหวนก็ยังรู้สึกผิด
“หรือให้ฉันติดต่อฝ่ายวิชาการแล้วเปลี่ยนตารางคลาสของคุณดี?”
ลู่โจวคิดสักพักแล้วตอบ “ไม่จำเป็น เดี๋ยวผมจะไปสอนตอนบ่าย”
จ้าวหวนกังวลและพูดไปว่า “แต่…คุณยังไม่ได้เตรียมตัวเลยใช่ไหม?”
ลู่โจวดึงลิ้นชักโต๊ะแล้วยิ้ม
“มันไม่เป็นปัญหาเลย ผมต้องการแค่ตำราเล่มหนึ่ง”
…
อาคารเรียน
ภายในห้องเรียนที่สุดโถงทางเดิน ชั้นที่สอง
ถึงแม้ว่าคลาสจะเริ่มในอีกครั้งชั่วโมง โถงห้องเรียนก็เต็มไปด้วยผู้คน นักศึกษาบางส่วนนั่งที่เกาะตรงทางเดิน
คลาสกำลังจะเริ่ม นักศึกษาในห้องเรียนก็ตื่นเต้น
“นายคิดว่าพระเจ้าลู่จะเป็นคนสอนด้วยตัวเองไหม?”
“ไม่รู้เลย มันบอกไว้ในแผนการเรียนนะ”
“คงจะไม่ใช่ครูช่วยสอนใช่ไหม?”
“นั่นก็เป็นไปได้! ถ้าเราเป็นหัวดีไซเนอร์ เราคงไม่มีเวลามาสอนนักศึกษาปริญญาตรี! เราคงไม่อยากทำงานโปรเจกต์ที่น้อยกว่าพันล้านหรอก”
“ฝันต่อไปเถอะ!”
ร่างสูงและผอมบางยืนขึ้นกลางห้องเรียนและมองไปรอบๆ จากนั้นเขาก็นั่งลง
“พระเจ้าช่วย นี่มันโถงเรียนขนาดใหญ่ มีนักศึกษากี่คนในคลาสทฤษฎีตัวเลขนะ?”
รูมเมทของเขาที่ใส่แว่นนั่งอยู่ข้างๆ ถอนหายใจและพูดขึ้น “นี่คือหัวหน้าดีไซเนอร์ลู่ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลและเหรียญฟิลด์ลืมนักศึกษาปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเราไปเลย แม้แต่นักเรียนหัวกะทิจากมหาวิทยาลัยจินฉือยังมาที่นี่”
นักศึกษาพวกนั้นต้องนั่งรถไฟใต้ดินมาที่นี่
ชายตัวสูงพูดขึ้น “ทำไมมหาวิทยาลัยจินฉือถึงอยู่ที่นี่? พวกนั้นมีแผนกคณิตศาสตร์ด้วยเหรอ?”
“ใครจะไปรู้? แต่นี่คิดว่าพวกเขาน่าจะมีอยู่นะ…”
ผ่านไปสักพัก กริ่งคลาสก็ดังขึ้น
ทันทีที่กริ่งดังเสร็จ ลู่โจว มี่ใส่โค้ตยาวสีเทา เดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับตำรา
หน้าที่เยาว์วัยและหล่อเหลาทำให้นักศึกษาเกิดความรู้สึกที่ต่างไปจากศาสตราจารย์คนอื่น เมื่อเขายืนที่โพเดียม ความวุ่นวายในห้องก็ดังขึ้นและตื่นเต้นมากขึ้น
เมื่อหญิงสาวที่แถวหน้าสุดเริ่มถ่ายรูป ลู่โจวก็หยุดยิ้มให้สักครู่
“นักศึกษา คลาสยังไม่เริ่มเลย ยังไม่ต้องถ่ายรูปก็ได้”
หญิงสาวที่ถ่ายรูปมีสีหน้าเขินอายและเก็บโทรศัพท์ไป
ลู่โจวมองไปรอบห้องเรียนที่หนาแน่นและรู้สึกเซอร์ไพรซ์ที่มีคนเข้าเรียนเยอะขนาดนี้ เขากระแอมและพูดขึ้น “ทุกคนเงียบก่อนนะ มาเริ่มกัน”
เมื่อเขาพูดจบ ทั้งห้องเรียนก็เงียบ
ลู่โจวรู้สึกถึงสายตาที่ทุกคนมองมาว่าคนพวกนี้ตั้งหน้าตั้งตารอการสอนจากเขา
เขาไม่รีรออีกต่อไปเพื่อทำตามความคาดหวังของคนพวกนี้
ลู่โจวเปิดหน้าแรกของตำราและกระแอม
“ทฤษฎีตัวเลขเป็นศาสตร์ที่เก่าแก่ ตั้งกำเนิดของมันสามารถย้อนไปถึงปี…
พวกคุณอาจจะอยากรู้ว่าเราจะเรียนสิ่งที่ล้าสมัยพวกนี้ไปทำไม ผมบอกตอนนี้ได้เลยว่ามันไม่มีความหมาย
ไม่ว่าจะเป็นข้อคาดการณ์จำนวนคู่แฝด ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค หรือปัญหา ‘1+1’ มันเป็นแค่เรื่องการแก้ไขวิธีเรียงสับเปลี่ยนของจำนวนเฉพาะ แต่จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงซ้ำไปมาของโจทย์ที่น่าสนใจแต่ไร้ความหมาย พวกเรามักจะได้รับสิ่งล้ำค่าที่คาดไม่ถึงจากมัน สิ่งล้ำค่าอะไร พวกคุณอาจจะถาม สิ่งล้ำค่าอย่างเครื่องมือคณิตศาสตร์ใหม่หรือศาสตร์ใหม่ของคณิตศาสตร์…
“เปิดหนังสือไปที่ส่วนแนะนำ ผมจะพยายามคุมจังหวะและเริ่มตั้งแต่แรก มันไม่มีพาวเวอร์พอยต์โชว์ พวกคุณจะต้องจดเอา…ผมหวังว่าพวกคุณจะตามทัน”
ลู่โจวหันไปเผชิญหน้ากระดานดำ เขาหยิบแท่งชอล์กขึ้นมาเริ่มเขียนบนกระดาน
ตำราที่เขาใช้ถูกเขียนโดยศาสตราจารย์เฝิงเข่อฉินจากมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ เขาเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดของหัวลั่วเกิง และเขาก็ได้เห็นการผงาดและตกลงของศาสตร์ทฤษฎีตัวเลขของจีนด้วยตัวเอง
เมื่อลู่โจวได้รับรางวัลครอฟอร์ดครั้งแรกสำหรับข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค เขาก็ได้รับคำเชิญจากสถาบันเก่า มันเป็นการทำรายงานเกี่ยวกับหลักฐานข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคและวิธีการโครงสร้างกลุ่ม พวกเบอร์ใหญ่ในแวดวงทฤษฎีตัวเลขทุกคนปรากฏในรายงานนี้
หลังจากรายงานจบลง ศาสตราจารย์เฝิงเข่อฉินถามความเห็นลู่โจวเรื่องการใช้วิธีโครงสร้างกลุ่มกับตำรา ทฤษฎีตัวเลขเบื้องต้น
หลังจากแก้ไข้ซ้ำกว่าสองปี ตำราเล่มนี้ก็ถูกปล่อยในปีก่อน
ลู่โจวเปิดดูหนังสือเล่มนี้ที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยจินหลิงมาก่อน และรู้สึกว่าเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างดี มันเหมาะก็มือใหม่ที่จะเรียนรู้ แต่มันก็ยังเจาะลึกในปัญหาทฤษฎีตัวเลขที่สำคัญ
แม้ว่าลู่โจวไม่คิดว่าจะมีนักศึกษาคนไหนสามารถแก้ไขข้อคาดการณ์ระดับโลกได้ แต่เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขาส่งต่อไอเดียของเขาให้คนพวกนี้ มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อสายงานวิชาการในอนาคตอย่างมาก
ศาสตราจารย์ถังจื้อเหว่ยนั่งที่ด้านหลังห้องเรียนและมองดูลู่โจว เขาพูดพึมพำอย่างสะเทือนอารมณ์ “เวลานั้นผ่านไปเร็ว”
คณบดีหลู่ฟางผิงที่นั่งอยู่ข้างเขายิ้มและพูดว่า “ปีหน้าคุณก็เจ็ดสิบแล้ว เมื่อไหร่คุณจะเกษียณ?”
ศาสตราจารย์ถังตอบ “ผมจะสอนไปอีกสองสามปี ผมไม่รีบ”
คณบดีหลู่พูดถาม “สองสามปี? ถ้าผมมีลูกศิษย์แบบลู่โจว ผมคงเกษียณไปนานแล้ว”
ผู้เฒ่าถังส่ายหัวแล้วพูด “ผมไม่ได้สอนอะไรเขาเลย เด็กคนนี้แน่วแน่มากตอนช่วงปีสอง แผนของผมสำหรับเขาไม่เคยตามทันความก้าวหน้าเลย ช่วงไม่กี่ปีนี้ ผมก็คิดมาตลอดว่าเขาทำได้ยังไง แต่ข้อสรุปเดียวที่ผมได้คือเขาเป็นอัจฉริยะที่ขยันกว่าคนอัจฉริยะทั่วไป…บางทีอาจจะมีสิ่งที่เหนือกว่าสอนเขาอยู่”
หลู่ฟางผิงมองดูห้องเรียนแออัดและนักเรียนที่กำลังตั้งใจจด และเขาถามว่า “คุณคิดว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงจะกลายเป็นศูนย์กลางด้านคณิตศาสตร์ของจีนสักวันไหม?”
ผู้เฒ่าถังยิ้มแล้วมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงโพเดียม
“นี่เราก็เป็นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
……………………………………………………………