จากวัสดุที่มีอยู่จำนวนมาก มีวัสดุเซตย่อยจำนวนน้อยมากที่ถูกเรียกว่า ‘ยีนล้มล้าง’ และแกรฟีนก็เป็นหนึ่งในนั้น จากที่มันเป็นหนึ่งในวัสดุที่ได้รับความนิยมสูงสุด มันสามารถผสมกับวัสดุได้เกือบทุกประเภท
อย่างน้อยมันก็เป็นไปได้ทางทฤษฎี
ในระดับใหญ่ สิ่งที่จำกัดการพัฒนาเทคโนโลยีวัสดุสมัยใหม่ไม่ใช่การขาดไอเดียสร้างสรรค์ แต่มันคือวิธีการค้นพบไอเดียพวกนี้
ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ตอนนี้ มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตส่วนประกอบระหว่างอนุภาคเงินนาโนกับแกรฟีนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-5 นาโนเมตร
ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมในห้องแล็บหรือเทคโนโลยีอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้ว ลู่โจวและยางสวี่ก็ยังคิดวิธีการที่ดีไม่ได้ หลังจากที่ปรึกษาหารือกัน ทั้งสองก็ได้มีมติเอกฉันท์เรื่องการวิจัย
ซึ่งอย่างแรกคือการสร้างพันธะของผงเงิน 10,000 เมช กับเศษแกรฟีนชั้นเดียวโดยการขึ้นรูปโลหะ และถ้ามันสำเร็จ ขนาดอนุภาคจะลดลงได้อีกจนมันถึงระดับนาโน
ในเวลาเดียวกัน สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงได้เริ่มวิจัยวิธีการสร้างพันธะระหว่างอนุภาคโลหะขนาดเล็กกับชิปแกรฟีนเพื่อสร้างอัลลอย
ถึงแม้แววการประยุกต์ระยะสั้นของเทคโนโลยีนี้ดูสิ้นหวัง ลู่โจวก็ยังตัดสินใจที่จะใช้เงิน 120 ล้านหยวนกับชุดโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับวัสดุส่วนประกอบ Ag/GF
นอกจากสิ่งนี้ พวกเขายังวิจัยเรื่องชิปคอมพิวเตอร์ฐานคาร์บอน
แต่ด้านนั้นของการวิจัยไม่ได้มีแค่สถาบันวัสดุเชิงคำนวณที่ทำ สถาบันฟิสิกส์ที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงและแผนกฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงนั้นก็ข้องเกี่ยวกับการวิจัยชิปคอมพิวเตอร์ฐานคาร์บอน
ในเรื่องการวิจัยเทคโนโลยีชิปคอมพิวเตอร์ ลู่โจวใช้เงินทุนวิจัยเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับวัสดุส่วนประกอบ Ag/GF เขาเองก็มีส่วนร่วมในโปรเจกต์นี้
ในอีกด้านหนึ่ง การวิจัยเรื่องเศษซากหมายเลข 3 ยังคงดำเนินต่อไป นอกเหนือจากการวิจัยสมบัติที่ได้มา ลู่โจวยังหวังว่าจะเจอสมบัติอื่นๆจากเศษซากนี้
แน่นอนว่าถึงจะมีหลายสิ่งที่ต้องทำ ลู่โจวไม่ได้ลิมภารกิจจากระบบ
เอาตามตรงแล้ว คำบรรยายภารกิจรางวัลค่อนข้างน่าสนใจ
ธีสิสพวกนี้ต้องการให้นักศึกษามีส่วนร่วมระดับหนึ่งในโปรเจกต์วิจัย แต่ระบบไม่ได้บอกเจาะจงความต้องการนี้
ถ้าลู่โจวได้รู้เกี่ยวความต้องการในการมีส่วนร่วม มันจะทำให้ภารกิจง่ายขึ้นเยอะ
สำหรับตอนนี้ ลู่โจวทำได้แค่คาดการณ์ทั่วไป ถ้าสิ่งที่เขาให้นักศึกษาทำคือรินชา ทำความสะอาดอุปกรณ์ และเขียนชื่อนักศึกษาบนธีสิส ระบบอาจจะไม่ได้ตัดสินว่าภารกิจนั้นสำเร็จ
แล้วก็ยังมีนักวิจัยคนอื่นในสถาบันวิจัยที่ไม่ใช่นักศึกษาของเขา
แม้ว่าลู่โจวใช้เวลามากที่จะช่วยพวกนั้นกับโปรเจกต์วิจัย ระบบก็จะไม่นับว่าพวกนั้นเป็นนักศึกษาของเขา
เห็นได้ชัดว่าระบบไม่ได้มีช่องโหว่ให้เขาเลย ถ้าเขาต้องการจะทำภารกิจให้สำเร็จ เขาก็จะต้องทำมันด้วยวิธีดั้งเดิม
แต่มันก็เป็นแค่ภารกิจรางวัล ลู่โจวเลยรู้สึกสบายใจกว่าปกติ
เขายังมีการ์ดภารกิจอีกใบในช่องเก็บของ
การ์ดภารกิจใบนั้นน่าจะมีโปรเจกต์ขนาดใหญ่
เมื่อถึงตอนนั้น เขาน่าจะยุ่งกว่านี้
…
อาคารคณิตศาสตร์มหาวิทยาลัยจินหลิง
ออฟฟิศที่สุดทางเดิน
ชายสี่คนและหญิงสองคนยืนอยู่หน้าประตูออฟฟิศ ไม่มีใครกล้าเคาะประตู
นอกจากหานเมิ่งฉี คนส่วนใหญ่ตรงนี้เคยเห็นลู่โจวจากแค่ในทีวี
การเห็นใครบนหน้าจอหรือเวทีเป็นความรู้สึกที่ต่างกันมาก เมื่อเทียบกับการเจอกันต่อหน้า โดยเฉพาะกับพวกมือใหม่
ส่วนหานเมิ่งฉีนั้น…
เธอไม่คาดคิดว่าจะรู้สึกประหม่า
หลังจากที่นักศึกษาเจรจากัน สุดท้ายแล้ว ชายหนุ่มที่ดูกล้าเล็กน้อยก็เคาะประตู
ประตูออฟฟิศถูกเปิดออก
เฟิงจินคนที่เคาะประตูไป พบกับหญิงคนหนึ่งแล้วถามอย่างกล้าหาญว่า “สวัสดีครับ ที่นี่ใช่ออฟฟิศของศาสตราจารย์ลู่ใช่ไหม?”
เมื่อหลินอวี่เซียงเห็นกลุ่มนักศึกษา เธอยิ้มแล้วพูดว่า “พวกคุณเป็นนักศึกษาของศาสตราจารย์ลู่ใช่ไหม? เข้ามาสิ”
ผู้ช่วยหลินพากลุ่มคนเดินเข้าออฟฟิศและชี้ให้นั่งลงที่โซฟา เธอเทชาให้แต่ละคน
“คงอีกสักพักกว่าศาสตราจารย์จะกลับมา นั่งรอที่นี่กันไปก่อนนะ”
เมื่อหลินอวี่เซียงหันกลับไปและเดินไปที่โต๊ะของเธอ นักศึกษาชายเกือบทุกคนอดมองเธอไม่ได้
มีคนหนึ่งพูดว่า “ผู้ช่วยของศาสตราจารย์ลู่น่ารักจัง”
ชายคนอื่นๆ ตอบกลับ “จริง…”
หานเมิ่งฉีได้ยินเสียงกระซิบของพวกนั้นแล้วอดหันไปมองเธอไม่ได้
เธอสวยตรงไหนนะ? ฉันไม่เห็นเลย
เธอมองหลินอวี่เซียงอยู่สักพักแล้วเงียบไป
ได้
เธอต้องยอมรับว่าหลินอวี่เซียงถนัดด้านแฟชั่นมากกว่าเธอ
แต่มันเป็นเพราะว่าเธอค่อนข้างเก็บตัวและไม่มีเวลาแต่งสวยไง!
ชายผมบางเดินเข้าออฟฟิศมา
เขาเห็นนักศึกษาหกคนนั่งอยู่ที่โซฟา แล้วนิ่งไปสักพัก
“พวกคุณทุกคนเป็น…นักศึกษาของศาสตราจารย์ลู่?”
“ใช่ครับ” เฟิงจินลุกขึ้นยืนและพูดอย่างสุภาพ “คุณคือผู้ช่วยศาสตราจารย์ลู่ใช่ไหมครับ?”
เหอชางเหวินนิ่งไปแล้วส่ายศีรษะ “ผู้ช่วย? ไม่ใช่ ผมเป็นนักศึกษาปริญญาเอกของศาสตราจารย์ลู่
นักเรียนปริญญาโทอีกคนพูดขึ้น “คุณเป็นนักศึกษา?”
เหอชางเหวินยิ้มแล้วตอบไป “ผมดูไม่เหมือนเหรอ?”
นักศึกษาหกคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้า
เหอชางเหวินแตะแนวผมที่เริ่มล้านแล้วมองดูนักศึกษาอ่อนวัยกลุ่มนี้ จากนั้นเขายิ้มประหม่า
“ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวพวกคุณก็เข้าใจเอง”
นักศึกษาปริญญาโท “…”
พวกเขานั่งรอที่โซฟาประมาณสิบนาที แล้วมีนักศึกษาปริญญาเอกอีกคนเข้ามา
เมื่อเทียบกับเหอชางเหวิน นักศึกษาคนนี้มีแนวผมที่ดีกว่า
นักศึกษาทุกคนมากันหมดแล้ว แต่ลู่โจวที่เป็นคนเรียกพวกเขามากลับยังไม่ปรากฏตัว
เมื่อถึงเวลาเก้าโมงตรง ลู่โจวเดินเข้าออฟฟิศมา
เมื่อเขาเห็นกลุ่มนักศึกษาในออฟฟิศ เขามีท่าทีเซอร์ไพรส์
“พวกคุณมาที่นี่กันหมด?”
พวกนั้นมองศาสตราจารย์ลู่และพยักหน้า
ตอนแรกนั้นหานเมิ่งฉีอยากจะทักเขา แต่เธอคิดว่ามันคงไม่ดีที่จะแสดงความสัมพันธ์ของเธอกับศาสตราจารย์ลู่ ดังนั้น เธอจึงลังเลอยู่สักพัก แล้วตัดสินใจว่าจะทักเขาทีหลัง
หลินอวี่เซียงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะใกล้ประตู อมยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเขารอคุณมาตั้งแต่แปดโมงครึ่ง”
ลู่โจวกระแอมเบาๆ และพูดว่า “ผมบอกให้พวกคุณมาหลังเก้าโมง ผมไม่ได้บอกให้พวกคุณมาตอนเก้าโมง…”
ตอนแรกนั้นเขาอยากเจอกับนักศึกษาทีละคน เขาไม่ได้คาดว่าทุกคนจะมาพร้อมกัน
หลังจากนั้นเขามองดูผู้ช่วยขงและพูดว่า “ขอรายชื่อให้ผมหน่อย”
“โอเคค่ะ” ขงเจี่ยพยักหน้าแล้วหยิบลิสต์มาจากลิ้นชัก เธอยืนขึ้นแล้วเดินไปหาลู่โจว
ลู่โจวหยิบลิสต์รายชื่อจากเธอ แล้วกระแอมหนึ่งที
“ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว ผมจะเช็คชื่อนะ ตอนนี้มีอยู่หลายคน ถ้าผมเรียกชื่อใคร ก็ยกมือขึ้นด้วย”
จากนักศึกษาแปดคน มีแค่สามคนที่เขานึกชื่อออก
นักศึกษาปริญญาเอกที่ผมบางนั้นชื่อว่าเหอชางเหวิน เขามาจากสาขาทฤษฎีคณิตวิเคราะห์
นักศึกษาปริญญาเอกที่ค่อนข้างสูงนั้นชื่อว่าอู๋สุยหมู่ เขาศึกษาคณิตศาสตร์ประยุกต์ในช่วงปริญญาตรีเหมือนกับลู่โจว เขาศึกษาปริญญาโทในด้านการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชัน และตอนนี้เขาเปลี่ยนมาทางด้านวารสารวัสดุศาสตร์ทางคำนวณ
สำหรับนักศึกษาปริญญาโทอีกหกคน นอกจากหานเมิ่งฉีที่เขาเจอมาก่อนแล้ว ลู่โจวได้แต่อ่านเรซูเม่ของพวกนี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแต่ละคนหน้าตาเป็นอย่างไร
หลังจากลู่โจวเรียกชื่อของพวกนั้น เขาก็พอรู้บ้างว่าใครเป็นใคร
เขายื่นลิสต์รายชื่อให้จ้าวหวนแล้วพูดกับนักศึกษาแปดคน
“นับตั้งแต่นี้ไป พวกคุณคือนักศึกษาของผม ผมจะพยายามถ่ายทอดความรู้ของผมให้พวกคุณให้ดีที่สุด
แต่ผมอาจจะยุ่ง ผมเลยไม่มีเวลาจะแนะนำพวกคุณเยอะ ถ้าคุณเจอปัญหาด้านวิชาการ คุณสามารถส่งอีเมลมาให้ผมโดยตรงเลย หรือคุณสามารถถามนักวิจัยที่สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงได้”
สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงได้เปิดสถาบันคณิตศาสตร์และสถาบันฟิสิกส์เมื่อปีก่อน เนื่องจากเงินเดือนที่สูงและสภาพแวดล้อมการวิจัยที่สบายๆ แล้วเกียรติภูมิของผู้ได้รับเหรียญฟิลด์และรางวัลโนเบล ลู่โจวสามารถดึงดูดกลุ่มคนที่มีความสามารถโดดเด่น
ลู่โจวเชื่อว่านักวิจัยของเขาจะช่วยเหลือนักศึกษาได้
ลู่โจวหยุดไปสักพักก่อนพูดต่อ “แน่นอนว่าถึงผมจะมีเวลาให้พวกคุณไม่มาก ผมจะไม่ปล่อยให้พวกคุณเละเทะในช่วงสามถึงห้าปีข้างหน้า นับตั้งแต่พรุ่งนี้ ผมจะจัดให้พวกคุณทุกคนร่วมทีมโปรเจกต์ที่ต่างกันไป แล้วพวกคุณจะได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ”
“ผมหวังจริงๆ ว่าพวกคุณทุกคนจะทำงานอย่างจริงจัง ผมไม่มีข้อบังคับเรื่องการศึกษาธีสิสรายสัปดาห์ แค่อ่านเฉพาะงานที่คุณสนใจและมีประโยชน์ต่อวิจัยของคุณ ภายในครึ่งปี ผมอยากเห็นธีสิสที่พวกคุณเขียนขึ้นเอง”
นอกจากหานเมิ่งฉีและนักศึกษาปริญญาเอกอีกสองคน นักเรียนปริญญาโทคนอื่นๆ ต่างพากันสูดหายใจเข้าลึก
เขียนธีสิสภายในครึ่งปี…
คนส่วนใหญ่เพิ่งจบการศึกษาปริญญาตรีกัน พวกนี้ไม่รู้แม้แต่รูปแบบการเขียนธีสิส สิ่งที่ยาวที่สุดที่พวกนี้เขียนช่วงเรียนปริญญาตรีน่าจะเป็นรายงานสรุปคอร์สดีไซน์และธีสิสระดับปริญญาตรี
แต่นั่นก็ห่างไกลจากธีสิสแบบทางการ…
ลู่โจวอธิบายสิ่งง่ายๆ ที่ให้พวกนี้ให้ความสนใจ เขาหยุดไปสักพักก่อนพูดต่อ “ผมก็มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับคอร์สของพวกคุณ แต่การตัดสินใจสุดท้ายขึ้นอยู่กับคุณ หลังจากที่คุณเลือกวิชาเรียนแล้ว ส่งอีเมลมาหาผม”
มีใครมีคำถามเพิ่มเติมไหม?”
นักศึกษาส่ายหน้าแล้วตอบ “ไม่ครับ ไม่มีคำถามเลย”
ลู่โจวพยักหน้าและพูดว่า “โอเค ตามนั้น วันนี้มีแค่นี้ พรุ่งนี้มาที่นี่อีกนะ”
“ทุกคนไปได้ ยกเว้นนักศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอกสาขาวัสดุเชิงคำนวณ”
……………………………………………