การประชุมเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
โฆษกของการประชุมยืนบนเวทีและพูดเนื้อหาหลักของการสัมมนาครั้งนี้
ลู่โจวรอไม่นานก็ได้ฟังส่วนที่เขาอยากรู้
เรื่องแรกนั้นเกี่ยวกับเงินลงทุน เงินโปรเจกต์การบินและอวกาศประจำปีของประเทศเพิ่มจาก 14 พันล้านหยวนเป็น 30 พันล้านหยวน
ส่วนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนมากเท่าไหร่ มันมีไว้สำหรับบริษัทของรัฐเป็นหลัก
จนถึงตอนนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทเอกชนหลายแห่งจะเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีการบินของตัวเองหลายอย่าง จรวดทรัสเตอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับการลงจอดดวงจันทร์นั้นเกินความสามารถของพวกนี้ แม้ว่าจะมีนโยบายรัฐบาลสนับสนุน บริษัทเอกชนไม่มีเงินทุนหรือความกล้าพอที่จะวิจัยจรวดทรัสเตอร์ขนาดใหญ่
เพราะเหตุนี้ เมื่อโฆษกได้เริ่มอ่านนโยบายเงินทุน ผู้คนส่วนใหญ่ในสถานที่ประชุมก็มีท่าทีไม่สนใจ
แต่เมื่อโฆษกเริ่มอ่านนโยบายลำดับสอง ทุกคนก็ใจชื้นมากขึ้น
นโยบายนี้มีใจความว่าบริษัทที่ลงทุนในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศในประเทศจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินและอวกาศและโปรเจกต์การลงจอดดวงจันทร์
กล่าวโดยง่ายคือ ถ้าบริษัทลงเงิน 30 ล้านหยวนไปกับดาวเทียม ตราบใดที่ฝ่ายที่ปล่อยดาวเทียมเป็นบริษัทจีน และภารกิจปล่อยดาวเทียมสำเร็จบนแผ่นดินจีน บริษัทแม่ของดาวเดียมจะได้รับการยกเว้นภาษี 30 ล้านหยวน
สำหรับบริษัทเทคโนโลยีใหญ่อย่าง เพนกวิ้น1และอาลีบาบาที่จ่ายภาษีหลายร้อยล้าน ข้อเสนอนี้ค่อนข้างน่าสนใจ
ธุรกิจของพวกนี้ต้องการดาวเทียม และตอนนี้รัฐได้ยกเว้นค่าปล่อยเกือบทั้งหมดในรูปแบบการยกเว้นภาษี ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่การสนับสนุนโดยตรงจากรัฐ แต่มันก็แทบไม่ต่างกันเลย
ที่เมื่อโฆษกกำลังอ่านนโยบายที่สอง ลู่โจวสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าตัวแทนจากบริษัทเอกชนและรัฐนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และคนพวกนั้นมีแววตาเป็นประกาย
ไม่มีใครสนใจตอนโฆษกตอนอ่านนโยบายที่สาม
เอาจริงๆ แล้ว นโยบายที่สามนั้นก็ไม่น่าสนใจฟังเสียเท่าไหร่ มันเป็นแต่ข้อตกลงทางวาจาที่มีผลทางกฎหมาย
เนื้อหาคือ สำหรับสิบปีข้างหน้า บริษัท หน่วยงานวิจัย หรือปัจเจกบุคคลที่ก่อตั้งสถานีวิจัยทางวิทยาศาสตร์แบบถาวรหรือกึ่งถาวรบนดวงจันทร์จะได้รับสิทธิ์ทำแฟรนไชส์มากถึง 70 ปี ในขณะเดียวกัน พวกนั้นก็จะได้รับการยกเว้นภาษีในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และโปรเจกต์อื่นที่เกี่ยวข้องกับการบินและอวกาศ อย่างเช่น การท่องเที่ยวและการสำรวจทรัพยากรในอวกาศ
สิ่งนี้ได้รับการการันตีโดยรัฐ
เมื่อโฆษกอ่านนโยบายเสร็จ มันก็มีความโกลาหลเกิดขึ้นในสถานที่ประชุม
เมื่อเทียบกับนโยบายแรกที่ไม่สำคัญและสัญญาปากเปล่าของนโยบายที่สาม บริษัทใหญ่นั้นให้ความสนใจกับนโยบายที่สองที่น่าดึงดูดใจ
ถ้าค่าใช้จ่ายในการปล่อยดาวเทียมถูกเปลี่ยนเป็นการยกเว้นภาษีได้ มันก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เยอะมาก
แน่นอนว่านโยบายที่สามก็ไม่ได้จืดชืดไปเสียทีเดียว แม้ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกสิบปีข้างหน้า ถึงมันจะเป็นแค่สัญญาปากเปล่า มันก็มีผลประโยชน์ให้พวกนั้นในระดับหนึ่ง
จีนกำลังเดินหน้าในด้านอวกาศ และพวกเขาก็เป็นผู้มีส่วนร่วม
นโยบายเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะสร้างโลกจินตนาการให้ผู้ลงทุนที่ร่ำรวย
ลู่โตวก็เซอร์ไพรส์กับนโยบายของรัฐเท่ากับบริษัทเหล่านี้
แต่เขาไม่ได้รู้สึกเซอร์ไพรส์กับขอบเขตของนโยบายพวกนี้ เขากลับรู้สึกเซอร์ไพรส์โดยแง่มุมอื่นมากกว่า
“รัฐต้องการใช้การบินและอวกาศเพื่อควบคุมสหรัฐอเมริกาใช่ไหม?”
เมื่อสวี่หยวนหมิงได้ยินเข้า เขาก็รู้สึกเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าลู่โจว
ผมนึกว่าคุณไม่ได้หาข้อมูลเรื่องสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศเลย”
ลู่โจวมองดูท่าทีเซอร์ไพรส์ของสวี่หยวนหมิงและกระแอมในขณะที่พูด “มันมีความแตกต่างระหว่างการค้นคว้ากับการเข้าใจ ผมไม่ค่อยสนใจในเรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่เข้าใจพวกมัน”
สวี่หยวนหมิงยิ้มและพูดว่า “อย่างงั้นเหรอ? แต่คุณก็ถูกครึ่งเดียว ถึงแม้แผนเยือนดวงจันทร์เป็นประเภทหนึ่งของกลยุทธ์ระหว่างชาติ เราก็มีความคาดหวังอื่นด้วย
สวี่หยวนหมิงทำสีหน้าจริงจังขึ้นแล้วพูดต่อ “จากข่าวกรองของเรา อเมริกา รัสเซีย สหภาพยุโรป และประเทศอื่นได้จัดตั้งเส้นทางเทคนิคสำหรับการพัฒนาโปรเจกต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิตฟิวชั่นที่ควบคุมได้ของตัวเอง เรายังไม่ทราบความคืบหน้าของพวกนั้น แต่ก็เหมือนที่คุณพูด ตราบใดที่พวกนั้นแน่วแน่เพียงพอ พวกนั้นก็จะตามเราทัน มันอาจจะใช้เวลาสิบปีหรือยี่สิบปี”
“รัฐตัดสินใจที่จะสู้ในสมรภูมิใหม่เพื่อรักษาข้อได้เปรียบของเราไว้ ในขณะเดียวกัน เราจะรักษาความได้เปรียบในโปรเจกต์กริดพลังงานข้ามภูมิภาคและเครื่องผลิตไฟฟ้าฟิวชั่น”
ลู่โจวถาม “สมรภูมิใหม่คืออวกาศใช่ไหม?”
สวี่หยวนหมิงพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง”
ลู่โจวปะติดปะต่อแล้วเข้าใจในเจตนาของรัฐในที่สุด
ในโลกของเทคโนโลยีสารสนเทศ มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความลับ ด้วยรากฐานที่สร้างจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมทั้งหลาย ประเทศตะวันตกจะใช้เวลาไม่นานเพื่อตามให้ทัน
จีนต้องการที่จะทำให้กรอบเวลาที่ประเทศอื่นจะได้เทคโนโลยีฟิวชั่นนี้ช้าลงเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติให้มากที่สุด
การทำให้คู่แข่งต่อสู้ในสองสมรภูมิพร้อมกันเป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้เกิดเอฟเฟกต์นี้แน่นอน
เมื่อดูจากมุมมองระยะยาวแบบที่เลขาสวี่บอก มันก็ไม่จำเป็นต้องไปเยือนดวงจันทร์ โปรเจกต์ลงจอดดวงจันทร์ไม่ใช่เรื่องด่วน
จุดประสงค์ที่แท้จริงของโปรเจกต์ไม่ใช่การให้จีนไปฝากรอยเท้าไว้ที่ดวงจันทร์ แต่มันมีไว้เพื่อควบคุมโฟกัสการวิจัยเทคโนโลยีของประเทศตะวันตก
เมื่อมองแบบนี้ มันก็เป็นเหมือนอุบาย
เมื่อถึงเวลานั้น โปรเจกต์ฟิวชั่นรุ่นที่สองก็จะดำเนินการอยู่ สร้างแรงกดดันให้ประเทศอื่นมากขึ้น
ลู่โจวเข้าใจในที่สุดว่าทำไมไอเดียสมาพันธ์สถาบันวิจัยตะวันออกและแผนเทคโนโลยีพลังงานฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองถึงสามารถดำเนินการได้รวดเร็วโดยเบื้องบน…
เบื้องบนคงร่างแผนการนี้ตอนที่เขาอยู่โรงพยาบาล
ฉลาด
ฉลาดเสียจริง…
แม้ลู่โจวรู้สึกว่าตัวเองโดนใช้งาน เขาก็อดชื่นชมความซับซ้อนของแผนนี้ไม่ได้
แน่นอนว่าถึงแผนนี้จะฉลาด การทำได้ตามเป้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เทคโนโลยีการปล่อยจรวดของจีนตอนนี้นั้นแย่กว่าเทคโนโลยีของอเมริกาและสหภาพโซเวียตในช่วง 1960 แม้ว่างบประจำปีของนาซ่าจะถูกลดลง การตามอเมริกาให้ทันไม่ใช่เรื่องง่าย
พูดตามตรง ถึงจีนจะอยากเริ่มการแข่งขันด้านอวกาศและปูทางให้เทคโนโลยีฟิวชั่นรุ่นที่สอง นาซ่าก็อาจจะทำเป็นก่อสงครามกับจีน แต่พวกนั้นก็อาจจะไม่เห็นว่าจีนเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว
ดังนั้น…
จีนจึงต้องการผู้นำด้านวิชาการที่แข็งแกร่งเพื่อเป็นตัวแทนโครงการอวกาศ
ลู่โจวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
พวกนั้นมีแผนจะให้ผมนำโปรเจกต์นี้?
ผมอยากจะส่งคนไปดวงจันทร์จริงๆ แต่ก็ไม่อยากไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ทางการเมือง…
ลู่โจวอดที่จะถามไม่ได้ว่า “พวกคุณจะให้ผมเป็นหัวหน้านักออกแบบของโปรเจกต์อวกาศใช่ไหม?”
“อืม…มันก็แล้วแต่คุณ ถึงผมคิดว่าคุณเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ แต่ถ้าคุณไม่มีเวลาจริงๆ” สวี่หยวนหมิงยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ “อย่างน้อยคุณก็เป็นหัวหน้าที่ปรึกษาได้ไหม?”
ลู่โจวถอนหายใจแล้วพูดตอบ “ผมไม่ติดอะไรหรอก แต่ผมเกรงว่าจะช่วยไม่ได้มาก แล้วก็ ถ้าคุณมีแผนที่จะตีพิมพ์ธีสิสทีสร้างความเข้าใจผิดในชื่อของผม ผมก็เกรงว่าจะช่วยคุณไม่ได้”
ในฐานะนักวิชาการ เขาก็มีมาตรศีลธรรมอยู่
เขาจะไม่ออมแรงเพื่อสู้สำหรับความจริงที่เขาเชื่อ ถึงแม้เขาผิด มันก็จะเป็นความผิดพลาดที่จริงใจ ในทางเดียวกัน เขาไม่มีมโนธรรมที่จะโกหกสำหรับสิ่งที่เขาต่อต้าน
ถ้านักวิชาการไม่แสวงหาความจริง แล้วเขาเป็นนักวิชาการจริงๆ ใช่ไหม?
นั่นเป็นเหมือนหุ่นเชิดทางการเมืองมากกว่า…
สวี่หยวนหมิงยิ้มแล้วพูดว่า “วางใจได้เลย ทางเราจะไม่ประกาศสาธารณะในชื่อของคุณ ชื่อเสียงด้านวิชาการของคุณเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของเรา และมันจะไม่มีวันเปลี่ยนไป”
“โอเค ถ้าคุณคิดว่ามันเหมาะสม ผมก็จะเป็นหัวหน้าที่ปรึกษา” ลู่โจวพูดติดตลก “ในเมื่อผมเป็นหัวหน้าที่ปรึกษา คุณจะพิจารณาแมสไดรเวอร์ที่ผมเพิ่งพูดไหมล่ะ?”
สวี่หยวนหมิงกระแอมและพูดตอบ “อืม…ถึงผมจะเห็นด้วยกับคุณ แต่ผมก็ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกวงโคจรบินของรัฐไหม?”
ลู่โจวตอบ “ผมได้ยินเกี่ยวกับพวกมันมาบ้าง”
“มันไม่ได้มีการพูดถึงสิ่งนี้มากในสื่อ เอาตามตรง แมสไดรเวอร์ที่คุณพูดถึงมันก็คล้ายกับสิ่งอำนวยความสะดวกวงโคจรบินของประเทศเรา โปรเจกต์นั้นผ่านการทดสอบสาธิตความเป็นไปได้ในไม่นานมานี้ แต่ลองทายดูว่าอะไรคือปัญหา?”
ลู่โจวตอบ “การอนุมัติงบประมาณ?”
“ถูกต้อง โปรเจกต์นี้ถูกตัดไป” สวี่หยวนหมิงพยักหน้าและพูดต่อ “งบที่ประเมินไว้อยู่ที่ 2 ล้านล้านหยวน แล้วมันเป็นแค่การประเมิน มีแต่พระเจ้าที่รู้ว่ามันจะมีราคาจริงสูงแค่ไหน…คุณคิดว่ามันคุ้มค่าไหม?”
เป็นไปตามคาด มันติดขัดในขั้นตอนอนุมัติเงินทุน
สองล้านล้านหยวน…
ถึงแม้จะมีนักวิชาการออกตัวให้โปรเจกต์นี้ มันคงจะยากมากที่จะได้รับการอนุมัติ
โปรเจกต์ทางรถไฟความเร็วสูง 27 สาย ระหว่าง 2018 ถึง 2019 นั้นยังแค่ล้านล้านเอง
ถ้าเงินสองล้านล้านถูกใช้กับทางรถไฟ มีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าโครงสร้างของเราจะออกมาสุดโต่งขนาดไหน…
……………………………………………………