ตอนที่ 675 โกรธมาก!
หลังจากที่นักวิจัยทั้งสองคนเห็นทุกอย่างกับตาตัวเองแล้ว ความคลางแคลงใจและความสงสัยของพวกเขาหายไปทันที นักวิจัยสองคนจากสถาบันวิจัยยุทโธปกรณ์กองทัพเรือเริ่มจะมองลู่โจวด้วยความเคารพ
ลู่โจวรู้สึกอายเล็กน้อย
หลังจากทำการสาธิตเป็นที่เรียบร้อย ลู่โจวสั่งการให้เสี่ยวไอหยุดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และรอจนกว่าแกนปฏิกรณ์เย็นตัวก่อนที่จะเคลื่อนย้าย เขาบอกให้ช่างเทคนิคที่ศูนย์ประกอบการตรวจสอบความเสียหายจากกัมมันตภาพรังสีที่เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์
ขณะที่พวกเขากำลังถอดชิ้นส่วนของโครงเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ นักวิชาการจางเจียนหรงและนักวิจัยอีกสองคนก็ถามเกี่ยวกับส่วนประกอบเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์
แม้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมางานของพวกเขาราบรื่นเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็ยังจริงจังและพร้อมที่เรียนรู้อยู่เสมอ ไม่ต่างกับเด็กหนุ่มอายุ 20 เลย
นี่คือสิ่งที่ลู่โจวหลงใหลที่สุด
เขาเชื่อว่าตราบใดที่คนยังอยากเรียนรู้ คนคนนั้นก็ไม่มีทางแก่
แม้ร่างกายจะอ่อนแอขนาดไหน จิตใจเขาก็ยังหนุ่มตลอดไป
นักวิชาการจางเจียนหรงอาจจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามอาทิตย์เพื่อเรียนรู้เรื่องฟิวชั่นเสียงและหาความรู้ทางเทคโนโลยีเพิ่มเติมกับลู่โจว แต่ว่าลู่โจวน่าจะยุ่งและคงไม่ได้สอนเขาทุกวัน จึงมอบหน้าที่ให้ศาสตราจาร์หลี่ชางเซี่ยเป็นคนสอนนักวิจัยทั้งสามคนแทน
ศาสตราจาร์หลี่ชางเซี่ยทำตามที่ลู่โจวขอ
เพราะท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับหลี่ชางเซี่ยในการพัฒนาความรู้วิชาการเหมือนกัน
ถ้าเขาได้เป็นเพื่อนกับนักวิชาการที่น่าเคารพจากสถาบันทางทหารระดับสูง หลี่ชางเซี่ยก็มีโอกาสจะได้เข้าร่วมโครงการนักวิชาการฉางเจียง
อีกอย่างการพักในโรงแรมก็ไม่ค่อยสะดวกและปลอดภัยเท่าไหร่นัก ลู่โจวจึงคุยกับทางมหาวิทยาลัยจินหลิงและจัดเตรียมที่พักให้พวกเขาที่หอพักมหาวิทยาลัยจินหลิงในฐานะกลุ่มนักวิชาการที่มาแลกเปลี่ยน
ในตอนค่ำลู่โจวเจอร้านปลาย่างใกล้ๆ มหาวิทยาลัยจึงชวนนักวิจัยสามคนจากสถาบันวิจัยยุทโธปกรณ์กองทัพเรือมาทานมื้อค่ำด้วย
ลู่โจวไม่ได้บอกให้พนักงานเสิร์ฟมาเสิร์ฟแอลกอฮอล์เพราะเห็นว่านักวิชาการจางอายุเยอะแล้ว แต่หลังจากที่ปลาย่างถูกวางบนโต๊ะ กลิ่นหอมชวนหิวก็คลุ้งไปทั่วห้อง นักวิชาการจางจึงอดไม่ไหวเลยบอกให้หนึ่งในนักวิชาการไปซื้อไป๋จิ่วจากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ
ดูเหมือนว่าลู่โจวจะกังวลมากเกินไป
ชายสูงวัยคนนี้ดื่มแอลกอฮอล์อย่างกับดื่มน้ำ เขาดูไม่เหมือนคนอายุ 50 กว่าเลย
หลังจากที่ดื่มกันแล้ว นักวิชาการจางเจียนหรงพูดขึ้นมา “เออใช่ ผมนึกอะไรออกแล้ว”
โจวเพิ่งออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ไปกำจัดแอลกอฮอล์ในร่างกาย เขานั่งลงบนเก้าอี้และรินเหล้าให้ตัวเอง
“มีอะไรเหรอครับ?”
นักวิชาการจาง “ปีหน้าจะมีการเลือกตั้งนักวิชาการใช่ไหม”
ลู่โจว “นะจะใช่นะครับ”
นักวิชาการจาง “ผมกำลังคิดว่าคุณน่าจะเป็นนักวิชาการสาขาวิศวกรรมศาสตร์ หรือไม่ก็สาขาวิทยาศาสตร์”
ลู่โจวหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง เขายิ้มและพูด “ผมเป็นนักคณิตศาสตร์นะครับ ไม่มีที่ว่างในตำแหน่งนักวิชาการคณิตศาสตร์สำหรับผมหรอก แต่ถ้าเลือกได้จริงๆ ผมก็คงจะเป็นนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์”
นักวิชาการจางส่ายหัวและพูด “ในความคิดผมนะ ความสำเร็จในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ของคุณไม่ได้ด้อยไปกว่าความสำเร็จในด้านทฤษฎีเลย ความสำคัญของโปรเจกต์ผางกู่เทียบเท่าได้กับโปรเจกต์แมนฮัตตันเลย! “
ลู่โจวส่ายหัวและพูด “ผางกู่ไม่ใช่งานของผมคนเดียว”
นักวิชาการจางยิ้มและพูด “คุณจะพูดอย่างไรก็ได้ เราทุกคนรู้ดีว่ามีนักวิชาการและวิศวกรที่เก่งๆ เยอะแยะมากมาย แต่ไม่มีใครทำได้แบบคุณสักคน คุณลองคิดนะถ้านักวิชาการหวังเจิงกวงได้เป็นหัวหน้านักออกแบบ ปฏิกรณ์ฟิวชั่นจะเกิดขึ้นแบบนี้ไหม”
ลู่โจวแทบจะสำลักไป๋จิ่วออกมา
เขารู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกัน แต่พูดแบบนี้ก็โหดร้ายไปหน่อย
อยู่ดีๆ ดวงตาของนักวิชาการจางก็เปล่งประกายขึ้น เขายิ้มและพูด “ปีหน้าคุณลองไปสมัครสถาบันวิศวกรรมดีไหม เราเคยคุยกันเรื่องนี้มาหลายรอบแล้ว มีคนมากมายพร้อมจะเขียนจดหมายแนะนำให้คุณ มันช่างเป็นหนทางที่ง่ายดายเหลือเกิน ส่วนสาขาวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าคุณจะสมัครหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เพราะพวกเขาไม่ค่อยมีกองทุนให้อยู่ดี”
ถึงแม้ว่าประโยคจะฟังดูขื่นขม นักวิชาการทั้งสองคนก็อยู่ในสถานะเดียวกัน ไม่มีใครดีไปกว่าใคร พวกเขาทั้งสองเคยบริหารสถาบันวิจัยและเคยเป็นรองประธานมหาวิทยาลัยมาก่อนทั้งคู่
ชายสูงวัยดื่มไปเยอะจริงๆ ลู่โจวยิ้มและพูด “ไว้ดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
นักวิชาการจางเจียนหรงโบกมือ
“หมายความว่าอย่างไร? ผมเองก็จะเขียนจดหมายแนะนำให้คุณเหมือนกัน ไม่มีใครกล้าคัดค้านผมหรอก”
ลู่โจวกระแอม
“ผมจะลองคิดดูนะครับ”
จางเจียนหรงยิ้มและพยักหน้า
“คุณน่าจะนำกลับไปคิดนะ”
นักวิจัยอีกสองคนที่นั่งใกล้พวกเขาทานอาหารอย่างเงียบๆ
ว้าว…
ร้องขอตำแหน่งนักวิชาการเหรอ ลืมไปเถอะ เพราะนักวิชาการคนนี้กำลังขอร้องลู่โจวอยู่
บ้าเอ๊ย โกรธจะตายอยู่แล้ว!
…
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ลู่โจวบอกลานักวิชาการจาง เขานั่งในรถหวังเผิงกลับบ้านที่เพอร์เพิลเมาน์เทน
ในระหว่างทาง เขาบอกให้เสี่ยวไอเติมน้ำในอ่างอาบน้ำ เขาตรงไปที่ห้องน้ำและแช่ในน้ำอุ่นๆ ล้างคราบเหงื่อไคลที่มีกลิ่นเหมือนแอลกอฮอล์
นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มการเผาผลาญ ไม่ว่าจะดื่มหรือออกกำลังกาย ร่างกายของเขาฟื้นตัวได้เร็วมากๆ แม้ว่านักวิชาการจางจะดื่มกับลู่โจวไปเยอะ แต่ร่างกายของลู่โจวก็สามารถจัดการแอลกอฮอล์ได้เกือบหมดในระหว่างทางกลับบ้าน
หรือจะเรียกว่า มันเป็นพลังวิเศษก็ว่าได้
ลู่โจวเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมสวมชุดนอนที่โดรนของเสี่ยวไอนำมาวางเตรียมไว้ แล้วก็เข้าไปที่ห้องทำงาน
เขาต้องทำงานก่อนนอน
แต่ทันทีที่เขานั่งลงที่โต๊ะและเปิดคอมพิวเตอร์ เขาได้รับโทรศัพท์
…………………………………………….
ตอนที่ 676 รู้ไหมว่าผมชื่นชอบใครที่สุด
คนที่โทรเข้ามาคือเฉินยู่ซาน
ทันทีที่รับสาย ลู่โจวได้ยินเสียงไพเราะผ่านโทรศัพท์
“สวัสดี เป็นอย่างไรบ้าง ฉันโทรหาคุณแต่คุณไม่ยอมรับสาย”
“ผมทานข้าวอยู่”
เฉินยู่ซานถามด้วยความสงสัย “ทานข้าวเหรอ? กับผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ”
“นักวิชาการจากสถาบันวิศวกรรมอายุ 70 กว่าแล้ว” ลู่โจวกระแอมและพูด “ช่างมันเถอะ แล้วคุณโทรหาผมทำไมดึกดื่นป่านนี้”
เฉินยู่ซาน “คณะกรรมการวิทยาศาสตร์จากเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศโทรหาบริษัทเรา”
“คณะกรรมการวิทยาศาสตร์เหรอ” ลู่โจวเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “พวกเขาว่าอย่างไรบ้าง”
“พวกเขาถามว่าสตาร์สกายเทคโนโลยีสนใจจะประมูลโปรเจกต์ส่งคนไปดวงจันทร์ตอนสิ้นปีไหม ถ้าเราสนใจก็ควรเตรียมข้อเสนอและส่งให้พวกเขาภายในสองเดือน”
ลู่โจวคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะถาม “รายละเอียดของโปรเจกต์คืออะไร พวกเขาได้บอกไหม”
“ข้อมูลเฉพาะของโปรเจกต์ก็ดูได้จากเว็บไซต์ของคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ได้เลย ฉันอ่านมาบ้างแล้ว คร่าวๆ ก็คือ เฟสแรกของโปรเจกต์คือเราต้องปล่อยจรวดที่มีความจุ 50 ตันไปที่วงโคจรต่ำของโลก ภายในห้าปี”
ความจุ 50 ตันไปที่วงโคจรต่ำของโลกเหรอ
ยากเหมือนกันนะ
เขาน่าจะรู้ว่าความจุของวงโคจรของลองมาร์ช 5 อยู่ที่ 25 ตันเท่านั้น ไม่มีบริษัทด้านอวกาศของจีนที่ไหนที่สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ตอนนี้
ส่วนลองมาร์ช 9 ก็ยังไม่มีใครรู้ ซึ่งลองมาร์ช 9 จะเสร็จสิ้นในปี 2026 กว่าจะถึงตอนนั้นกองทุนเรื่องอวกาศก็คงมีมากมากขึ้น ถ้าพวกเขาพยายามมากพอ น่าจะลดเวลาไปได้อีกห้าปี
ลู่โจวนั่งลงบนเก้าอี้และคิดสักพักหนึ่ง
“โอเค ผมจะเขียนข้อเสนอในอีกสองสามวัน”
“โอเค ฉันจะรอฟังข่าวจากคุณนะ”
หลังจากที่ลู่โจววางสาย เขาเปิดคอมพิวเตอร์และพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง
แม้ว่าในช่วงต้นปี เขาไม่เคยคิดจะประมูลโปรเจกต์อวกาศเลยเพราะเขาไม่คิดว่าจะมีการคิดค้นเทคโนโลยีฟิวชั่นควบคุมได้ขนาดย่อขึ้นมา
ยังไม่รวมถึงปืนสแกนเนอร์ที่เขาได้จากตั๋วชิงโชคจากการเปิดเผยความลับของตัวผลักดันผลกระทบฮอลล์ ทำให้ช่วยลดเวลากระบวนการวิศวกรรมผันกลับของเศษซากหมายเลข 3 ไปได้เยอะ
ส่วนปัญหาเรื่องพลังงานก็แก้ไขด้วยแบตเตอรี่ฟิวชั่น เครื่องกัดซีเอ็นซีประเภท 5 แกนที่นำสมัยที่สุดและอัลกอริทึมโครงข่ายประสาทเทียมก็สามารถนำมาใช้กับตัวผลักดันผลกระทบฮอลล์จากพิมพ์เขียว คงน่าเสียดายน่าดูถ้าไม่เข้าร่วมโปรเจกต์นี้
เขาเคยเห็นการสัมนาการส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์มาบ้าง งบประมาณสำหรับโปรเจกต์นี้อยู่ที่ประมาณสองพันล้านหยวน โปรเจกต์ที่ใช้เงินมากขนาดนี้อาจจะมีผลกับบัญชีธนาคารของเขา คงจะดีถ้ามีคนจ่ายเงินสำหรับงานวิจัยนี้
อีกอย่างการจะส่งน้ำหนัก 50 ตันไปที่วงโคจรก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากสำหรับเขาขนาดนั้น
ลู่โจวเปิดเอกสารและวางนิ้วบนคีย์บอร์ด เขาพิมพ์อะไรบางอย่าง
[ความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ฟิวชั่นและการขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนในอวกาศ]
…
ไม่กี่วันทีผ่านมา ลู่โจวใช้เวลาอยู่ที่สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงหรือไม่ก็ที่ศูนย์ประกอบการกระสวยอวกาศ เขารวบรวมข้อมูลที่สำคัญจากรายงานทั้งหมด ทำให้มีเวลาที่มหาวิทยาลัยจินหลิงไม่มากนัก
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาหนักหนาอะไร เพราะภาคเรียนที่สองเขาแทบจะไม่มีวิชาสอน มีแค่วิชาทฤษฎีจำนวน ฟิสิกส์ทฤษฎี และเคมีพื้นผิว
แต่นานๆ ทีก็มีนักศึกษาเข้ามาถามคำถามกับเขา ซึ่งนักศึกษาปริญญาเอกที่อยู่ที่ออฟฟิศสามารถจัดการเรื่องนี้ได้
ส่วนเรื่องอื่นๆ ผู้ช่วยทั้งสามจะเป็นคนจัดการเอง
สองอาทิตย์หลังจากงานสัมนาเริ่มต้น ลู่โจวทำรายงานอภิปรายใกล้จะเสร็จแล้ว เขาได้รับโทรศัพท์จากหลัวเหวินเซวียนที่ตอนนี้ไปทำงานที่ยุโรป
หลังจากรับโทรศัพท์ เสียงคุ้นหูดังออกมาจากปลายสาย
“น่าเสียดายที่คุณมาด้วยตัวเองไม่ได้ พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นที่สถาบันแห่งฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมากๆ คุณไม่รู้หรอกว่าสถาบันเคลย์ต้องเตรียมตัวเพื่องานนี้ขนาดไหน”
“โอ้ จริงเหรอ? ” หลังจากที่ลู่โจวได้ยินว่าหลัวเหวินเซวียนตื่นเต้นมากๆ เขายิ้มและพูด “ผมไม่ค่อยอิจฉาเท่าไหร่หรอก ผมเคยไปมาแล้ว”
ปลายสายเงียบทันที
หลังจากนั้นสองวินาที ลู่โจวกระแอม
“ผมลืมไปว่าคุณได้รางวัลนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว…”
พระเจ้าช่วย ลืมไปเลย
ว่าฉันเคยได้รับรางวัลมาแล้วครั้งหนึ่ง
ลู่โจวไม่รู้ว่าหลัวเหวินเซวียนกำลังคิดอะไรอยู่ เขายิ้มและพูด “อย่าลืมไปขอบคุณศาสตราจารย์คาร์สัน เจฟฟ์ และวิทเทนแทนผมด้วยนะ”
หลัวเหวินเซวียนแสดงท่าทีช่วยไม่ได้ เขาถอนหายใจและพูด “ผมรู้ว่าคุณต้องพูดแบบนี้ ผมทักทายพวกเขาแล้ว แล้วก็ส่งเหรียญและเช็คจากสถาบันเคลย์ไปให้คุณด้วย อย่าลืมเช็คพัสดุนะครับ”
ลู่โจวพูด “คุณส่งมาแล้วเหรอ แล้วทำไมคุณไม่เอากลับมาเองล่ะ”
หลัวเหวินเซวียน “เดินทางพร้อมเช็คหนึ่งล้านดอลลาร์และเหรียญทองแท้เหรอ คิดว่าผมเป็นบ้าหรือไง”
ลู่โจว “โอเค แล้วคุณตั้งใจจะอยู่ที่ฝรั่งเศสนานแค่ไหน”
“ฮ่าฮ่า เอ่อ ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลย” หลัวเหวินเซวียนมองออกไปนอกหน้าต่างโรงแรมและหาว “อย่างน้อยก็จนถึงสิ้นเดือน ผมตั้งใจว่าจะไปลิกเตนสไตน์”
ลู่โจว “…”
ชายคนนี้พึ่งพาไม่ได้เลยจริงๆ
ในเมื่อหลัวเหวินเซวียนทำทุกอย่างที่เขาต้องทำแล้ว ลู่โจวจึงไม่พูดอะไรมาก
เขาได้แต่ถอนหายใจและพูด “โอเค กลับมาตอนที่เที่ยวเสร็จก็แล้วกัน”
“ไม่มีปัญหา! ผมก็ไม่ได้มาเที่ยวอย่างเดียวหรอกนะ ผมมาหาแรงบันดาลใจด้วย รู้ไหมว่าผมชื่นชอบใครที่สุด
ลู่โจว “ใครเหรอ”
ไม่ใช่ฉัน ใช่ไหม
ขออย่าให้เป็นฉันเลย
หลัวเหวินเซวียน “ชเรอดิงเงอร์ไง! เขาค้นพบสมการคลื่นที่เทือกเขาแอลป์พร้อมกับคนรัก ผมรู้ว่าคุณเข้าใจที่ผมพูด ก็เหมือนกับตอนที่คุณสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษาของคุณไง ส่วนนี่คือวิธีสร้างแรงบันดาลใจของผม…”
“เวรเอ๊ย!”
ลู่โจววางสายและโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ
เขามองไปที่วิทยานิพนธ์ที่เสร็จแล้วบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และตรวจสอบทั้งหมดอีกครั้ง เขาแปลงรูปแบบของวิทยานิพนธ์และส่งไปที่แผนกอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
เขามั่นใจว่าหลังจากที่พวกเขาเห็นว่าใครเป็นคนส่งอีเมลมา ทางแผนกจะต้องจริงจังกับข้อเสนอของเขาแน่ๆ
ส่วนทางด้านหลัวเหวินเซวียน…
ถึงอย่างไรลู่โจวก็ไม่มีงานวิจัยฟิสิกส์อื่นต้องให้หลัวเหวินเซวียนช่วย ลู่โจวก็เลยตามใจเขา
……………………………………………