เพราะขงเจี่ย ทำให้หลัวเหวินเซวียนอยากจะมาที่ออฟฟิศลู่โจว บางทีก็มาดื่มกาแฟหรือไม่ก็มาพูดคุยถึงปัญหายากๆ กับลู่โจว
แม้ว่าลู่โจวไม่ได้อยากจะสนใจชีวิตรักของเขาเท่าไหรนัก แต่หลัวเหวินเซวียนเป็นผู้ชายประเภทที่มีแฟนห้าคนในหนึ่งเดือน ลู่โจวจึงเป็นกังวลเล็กน้อย ถ้าหลัวเหวินเซวียนออกเดทกับผู้ช่วยของเขาจริง ลู่โจวกลัวว่ามันจะจบไม่สวย
ลู่โจวค่อนข้างสับสนเพราะหลัวเหวินเซวียนเคยพูดว่าเขาไม่เคยคบกับคนในที่ทำงานมาก่อน
แต่เขาเปลี่ยนไป
โชคยังดีที่คำหวานของหลัวเหวินเซวียนใช้ไม่ได้ผลเสมอไป อย่างน้อยจากมุมมองของลู่โจว ผู้ช่วยขงก็ไม่ได้สนใจหลัวเหวินเซวียนที่กำลังเรียกร้องความสนใจ เธอสนใจแค่เรื่องงานเท่านั้น
แม้ว่าหลัวเหวินเซวียนจะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ลู่โจวกลับโล่งใจ
ลู่โจวเหนื่อยกับเรื่องโกหกของเขามากพอแล้ว
ในวันสุดท้ายของเดือนกันยายน ลู่โจวทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาวางถ้วยกาแฟพร้อมถอนหายใจ
“คุณรู้ไหมว่าเอ็ดเวิร์ด วิทเทน พูดถึงคุณว่าอย่างไร”
หลัวเหวินเซวียนที่ตอนนี้เอาแต่กวนใจลู่โจวและอยากจะคุยเกี่ยวกับปฏิกิริยาไฟฟ้าแก่ก็หยุดพูด
“เขาพูดว่าอะไร”
“เขาพูดว่าถ้าคุณเอาเวลาจีบหญิงสักครึ่งหนึ่งไปกับงานฟิสิกส์ ฟิสิกส์ก็จะเป็นสิ่งที่คุณรัก”
ยังมีบางอย่างที่ลู่โจวไม่ได้พูดออกไป
วิทเทนเคยคิดว่าหลัวเหวินเซวียนเป็นนักศึกษาที่ดีที่สุดที่เชื่อคำพูดของเขาและศึกษาเรื่องทฤษฎี M แต่น่าเสียดายที่หลัวเหวินเซวียนใช้เวลาหลายปีมากกว่าจะเรียนจบ…
แน่นอนว่าถ้าพูดออกไปคงเจ็บน่าดู ลู่โจวคิดว่าการที่ไม่บอกเขาเรื่องนี้คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม…
“วิทเทนชื่นชมผมเหรอ”
ลู่โจว “…???
“คุณคิดว่าเขาชื่นชมคุณเหรอ”
“อย่ายุ่งกับผมนักเลย ผมอายุสามสิบแล้วนะ! ถ้าผมทิ้งโอกาสนี้ ใครจะไปรู้ว่าผมต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะเจอรักแท้…”
“คุณไปคิดเอาเอง! “
หานเมิ่งฉีแอบมองพวกเขา แต่เธอไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรกัน
ทันใดนั้นพวกเขาได้ยินเสียงเคาะประตูออฟฟิศ
หลินอวี่เซียงที่นั่งใกล้ๆ ประตู เห็นคณบดีฉินตรงหน้าประตูพร้อมรอยยิ้มและกาน้ำร้อนในมือ
“ศาสตราจารย์หลัว คุณก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน ผมไม่ได้มาขัดจังหวะใช่ไหม”
“ไม่ครับ” ลู่โจวเอนตัวและถอนหายใจ “ช่วงนี้เขาเริ่มบ้าแล้ว ผมกำลังสั่งสอนเขาอยู่ ว่าอย่างไรครับ”
คณบดีฉินยิ้มและพูด “ผมมีเรื่องที่จะต้องบอกคุณ เกี่ยวกับงานของคณะเดือนตุลาคม”
งานคณะเหรอ?
ลู่โจวสับสน
“งานอะไรครับ”
“ทัศนศึกษา”
“ทัศนศึกษาเหรอ”
“ใช่” คณบดีฉินพยักหน้าและนั่งที่โซฟา เขายิ้มและพูด “ทัศนศึกษาภาคฤดูใบไม้ผลิจัดตั้งขึ้นโดยแผนกคณิตศาสตร์และสถาบันภาษาต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ที่อายุต่ำกว่า 30 ควรจะเข้าร่วมนะ งานนี้จัดขึ้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้พักผ่อนและผ่อนคลายจากงานที่ตึงเครียด และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเพื่อให้คนหนุ่มสาวได้ทำความรู้จักกัน”
“มันคือการเดทหมู่ใช่ไหม”
คณบดีฉิน “คุณจะคิดแบบนั้นก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือให้โอกาสทุกคนได้ออกไปเที่ยวเล่น ทุกคนจะได้พักที่โรงแรมเพอร์เพิลเมาน์เทน ผมเคยไปพักที่นั่น บรรยากาศดีมากๆ คุณคิดว่าอย่างไร สนใจหรือเปล่า”
จริงๆ แล้วมีอย่างหนึ่งที่คณบดีไม่ได้พูดถึง สำหรับงานคณะแบบนี้ที่จัดขึ้นโดยแผนกทั้งสองแผนก มีจุดประสงค์หลักเพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ยังโสดได้มีโอกาสหาคู่
เนื่องจากมหาวิทยาลัยและสำนักงานวิชาการอยู่ในวงการเดียวกัน เมื่อเทียบกับสายอาชีพอื่นแล้ว พวกเขาไม่ค่อยมีโอกาสสื่อสารกับโลกภายนอกเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะนักวิชาการที่เก็บตัว ถ้าไม่มีงานคณะแบบนี้ พวกเขาก็คงไม่มีโอกาสหาคู่
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของลู่โจว…
มีคนจำนวนไม่น้อยที่พยายามหาแฟนให้เขา…
ลู่โจวรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เขารู้สึกว่าคณบดีฉินปิดบังอะไรอยู่
ลู่โจวส่ายหัวและพูด “ผมคิดว่าคงไม่ไป พวกคุณไปสนุกกันเลย”
คณบดีฉินรู้ว่าลู่โจวต้องพูดแบบนี้
“คุณมีเวลาเยอะแยะในการทำงานวิจัย แต่ไม่มีเวลาว่างสักวันเลยเหรอที่จะเข้าสังคม การเข้าสังคมเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการทำงานวิจัยนะ”
หลินอวี่เซียงพยายามแอบฟังสิ่งที่พวกเขาพูดกัน เธอเดินเข้าไปพร้อมถ้วยกาแฟและพยักหน้า เธอพูด “ค่ะ ยังดีกว่าอยู่บ้านเยอะเลย”
ลู่โจวพูด “ผมไม่ได้จะอยู่ที่บ้าน”
คณบดีฉิน “อยู่ที่ออฟฟิศก็เหมือนกันนั่นแหละ! คุณยังหนุ่มอยู่เลย ออกไปเที่ยวเล่นบ้าง”
ลู่โจวเงียบไปครู่หนึ่งและถอนหายใจ
“โอเค ถ้าผมไม่ยุ่ง ผมจะไป”
เขาปฏิเสธคนไม่เก่ง
โดยเฉพาะในเรื่องที่ไม่เหนือบากกว่าแรงเช่นนี้
“เย้! ” หลินอวี่เซียงชูสองนิ้วและยิ้มให้หลัวเหวินเซวียน เธอพูด “คณบดีฉิน ผู้ช่วยไปได้ไหมคะ”
คณบดีฉินยิ้มและพูด “คุณจะลงชื่อด้วยก็ได้ถ้าคุณอยากไป”
ตอนที่หลัวเหวินเซวียนได้ยินว่าใครก็สามารถลงชื่อก็ได้ เขารีบจิ้มแขนลู่โจว เขาชี้ที่ตัวเองและแสดงท่าทีหมดหวัง
ลู่โจวกรอกตาและกระแอม
“มีใครอยากจะไปอีก”
ออฟฟิศเงียบไปสักพัก
นอกจากหลินอวี่เซียงแล้ว ก็ไม่มีใครยกมือขึ้นเลย
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เพราะมันเป็นงานสำหรับคณะและเจ้าหน้าที่ นักศึกษาก็เลยไม่อยากไป ส่วนผู้ช่วยระดับล่าง ก็ไม่สนใจที่จะเข้าร่วมเหมือนกัน
ลู่โจวแสดงสีหน้าช่วยไม่ได้กับหลัวเหวินเซวียน
อยู่ดีๆ ก็มีคนยกมือขึ้น
“เอ่อ ฉันค่ะ”
ลู่โจวมองตรงไปเห็นหานเมิ่งเมิ่งฉีชูมือขึ้น
ลู่โจวมองหน้าเธอและถาม “เธออยากจะไปด้วยเหรอ”
แก้มของหานเมิ่งฉีแดงก่ำ เธอรีบพยักหน้า
“ค่ะ!”
หลินอวี่เซียงมองไปที่แก้มที่แดงขึ้นเรื่อยๆ ของหานเมิ่งฉี เธอกระพริบตาและแกล้งโง่ขณะที่พูด “แต่คุณไม่ใช่เจ้าหน้าที่ใช่ไหม”
“ก็…”
เมื่อเทียบกับหลินอวี่เซียงแล้ว หานเมิ่งฉีไร้เดียงสาเกินไป แม้ว่าเธออยากจะโต้ตอบมากแค่ไหนแต่กลับคิดอะไรไม่ออกเลย
คณบดีฉินโบกมือและยิ้มพลางพูด “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาก็ไปได้นะ พวกคุณยังหนุ่มสาวกันทั้งนั้น ออกไปข้างนอกบ้างก็ดีต่อสุขภาพนะ ยังดีกว่าอยู่ในออฟฟิศทั้งวัน”
หลินอวี่เซียงผิดหวังแต่หานเมิ่งฉีกลับโล่งใจ
เดิมทีแล้วหานเมิ่งฉีไม่ได้อยากไป…
เธอก็แค่กังวลที่หลินอวี่เซียงจะได้อยู่กับลู่โจวสองคน
อย่างไรเสียลู่โจวก็คือพี่เขยในอนาคตของเมิ่งฉี
หานเมิ่งฉีหยิบปากกาและเขียนชื่อตัวเองลงในแบบฟอร์มการสมัครของคณบดีฉิน
หลัวเหวินเซวียนที่ยืนใกล้ๆ โต๊ะลู่โจวดูอกหัก
แม้ว่าผู้ช่วยขงไม่ได้สนใจอยากจะลงชื่อ แต่เขาก็เขียนชื่อเธอลงไปอยู่ดี
“ผมจะไปพักผ่อน”
หลัวเหวินเซวียนเซ็นชื่อและยื่นใบสมัครให้ลู่โจว จากนั้นเขาก็หมุนตัวแล้วเดินออกไปจากห้อง
………………………………..