ณ สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
สถาบันวัสดุเชิงคำนวณ
เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน คนในออฟฟิศจึงค่อนข้างจะทำตัวสบายกันๆ นอกจากเฉียนจงหมิงที่ยังอ่านธีสิสอยู่นั้น คนส่วนใหญ่ที่เหลือถ้าไม่กำลังอ่านข่าวอุตสาหกรรมฉบับล่าสุดก็กำลังคุยไปดื่มกาแฟไปกัน
“ได้ยินมาว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงมีเดทหมู่เมื่อไม่กี่วันก่อนเหรอ?”
“ใช่ ฉันก็ได้ยินมาอย่างนั้นเหมือนกัน คิดว่าพวกเขาได้ไปทริปดูงานภาคสนามกันกับพวกคณะภาษาต่างประเทศนะ พวกเขาพักอยู่ที่โรงแรมเพอร์เพิลเมาน์เทนกันสองคืนน่ะ”
หลิวโปถอนหายใจแล้วบ่น “บ้าเอ๊ย…ทำไมคณะเคมีถึงไม่เคยจัดงานอะไรแบบนี้บ้างนะ?”
นักวิจัยส่วนใหญ่ที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงจะมีตำแหน่งในคณะอยู่ตามมหาวิทยาลัยใกล้เคียง พวกเขาส่วนใหญ่จะขึ้นตรงกับมหาวิทยาลัยจินหลิง รองลงมาจะเป็นมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจินหลิง สุดท้ายแล้ว ผู้ก่อตั้งสถาบันก็คือลู่โจว ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีและเป็นบิดาผู้ก่อตั้งวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ แม้จะนับรวมในระดับสากลแล้ว สถาบันวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณก็ยังเป็นหนึ่งในสถาบันวิจัยระดับต้นๆ ของวงการวัสดุศาสตร์
ดังนั้นแล้ว จึงไม่มีมหาวิทยาลัยใดปฏิเสธการจ้างนักวิจัยจากสถาบันดังกล่าวแน่นอน
และพวกเขาก็ควรจะได้รับส่วนแบ่งจากผลประโยชน์ของคณะด้วย
ช่างน่าเสียดายที่ปีนี้คณะเคมีไม่มีกิจกรรมอะไรเลย เดือนตุลาคมกำลังผ่านไปอย่างเงียบๆ
ยางสวี่หัวเราะเมื่อเขาได้ยินเสียงถอนหายใจของหลิวโป เขาชงกาแฟถ้วยที่สองให้ตัวเองแล้วเอ่ยขึ้นว่า “อย่าไปหวังพึ่งของแบบนั้นเลย ต่อให้คณะเคมีจัดเดทหมู่จริง นายคิดเหรอว่าพวกสาวๆ จากคณะภาษาต่างประเทศจะสนใจพวกเรา? ช่างเรื่องอื่นเถอะ เอาแค่เรื่องเส้นผมพวกเราอย่างเดียวก็ทำเสียเรื่องแล้ว”
นอกจากคนในสายวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ อย่างชีววิทยา เคมี สิ่งแวดล้อม และวัสดุศาสตร์ จะไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรแล้ว พวกเขายังไม่มีเส้นผมบนหัวมากนักอีกด้วย
เพื่อที่จะให้ได้ชุดข้อมูลที่แม่นยำ พวกเขาเลยมักจะต้องอยู่ในห้องแล็บจนเลยเที่ยงคืนอยู่บ่อยๆ สำหรับพวกศาสตราจารย์แก่ๆ น่ะไม่เป็นไรหรอก พวกเขาแบ่งงานให้พวกนักวิจัยมือใหม่ทำได้ แต่นั่นก็หมายความว่า พวกนักวิจัยมือใหม่จะต้องเป็นพวกที่อยู่ส่วนล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร
ก็จริงอยู่ที่พวกเขาควรมีความหวังเอาไว้
หลิวโปไม่พอใจ และเขาก็ปฏิเสธคำพูดนั้นทันที
“คือแบบ เส้นผมของพวกเราก็ไม่ได้ดูแย่กว่าพวกคนที่อยู่คณะคณิตศาสตร์มากนักหรอก ใช่ไหม?”
ยางสวี่ดื่มกาแฟด้วยท่าทีสบายๆ เขาส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “ก็ไม่เชิงนะ นายเคยเห็นเส้นผมของศาสตราจารย์ลู่ไหมล่ะ?”
หลิวโปถึงกับพูดไม่ออก ต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าเขาจะคิดหาคำโต้กลับขึ้นมาได้
“ฉันว่าเขาเป็นข้อยกเว้นว่ะ”
ยางสวี่ยิ้มแล้วพูดต่อ “โอเค ถ้าอย่างนั้น พอนายไปทำงาน ลองไปเดินเล่นรอบๆ ตึกคณะเคมีกับตึกคณะคณิตศาสตร์นะ ตามหาเจ้าหน้าที่ที่อายุใกล้ๆ กัน แล้วลองเปรียบเทียบเส้นผมกันดู”
เฉียนจงหมิงที่กำลังเลื่อนลูกกลิ้งเมาส์อดใจเข้าร่วมวงสนทนาไม่ได้
“บางทีแค่หาเจ้าหน้าที่ที่อายุใกล้ๆ กันก็อาจจะไม่ง่ายแล้วนะ…”
ทั้งออฟฟิศเงียบสงัด
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
สุดท้าย ก็เป็นหลิวโปที่ทำลายความเงียบนั้น
“เราเลิกพูดประเด็นเศร้าๆ อันนี้กันดีกว่า…”
ครั้งนี้ ทุกคนในออฟฟิศเห็นด้วยไปตามๆ กัน และไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก
พอพูดเรื่องอายุจริงของพวกเขากับอายุทางชีวภาพ[1]แล้ว…
ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่หนักเกินกว่าพวกนักวิจัยมือใหม่จะมาคุยกัน
เวลาพักกลางวันหมดลงอย่างรวดเร็ว พอถึงเวลาประมาณบ่ายโมง กลุ่มคนที่นั่งประจำโต๊ะตัวเองก็เริ่มทำงาน พอถึงเวลาบ่ายโมงครึ่ง ระหว่างที่ทุกคนก็กำลังทำงานของตัวเองอยู่นั้น
ยางสวี่ก็กลับมาที่ออฟฟิศของตัวเองแล้วนั่งลง เขาเปิดโน้ตบุ๊คของตัวเองขึ้นมา
ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นอีเมลใหม่ในกล่องข้อความ มันมาจากลู่โจว
“รายละเอียดของเมมเบรนโมเลกุลออกซิเจนที่มีการซึมผ่านสูงเพื่อสร้างแบตเตอรี่ลิเธียมแอร์งั้นเหรอ?”
หลังจากอ่านหัวข้ออีเมลอย่างผ่านๆ ยางสวี่ก็เลิกคิ้ว เขาดาวน์โหลดไฟล์ที่แนบมาในอีเมลอย่างรวดเร็ว และเปิดอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน ยิ่งเขาอ่านไปมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกตกใจมากเท่านั้น
แบตเตอรี่ลิเธียมแอร์เป็นประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงกันมาตลอดในโลกวิชาการ มีคนจำนวนมากที่สนับสนุนไอเดียนี้ แต่ก็มีคนอีกจำนวนมากที่ตั้งคำถามกับมัน เหตุผลที่แสนจะง่ายก็คือ ธรรมชาติที่ไวต่อการทำปฏิกิริยามากของโลหะลิเธียมทำให้มันทำปฏิกิริยากับแก๊สแทบจะทุกชนิดในอากาศ ยกเว้นพวกแก๊สเฉื่อย
ถ้ามีใครอยากแก้ปัญหานี้แล้วล่ะก็ พวกเขาก็ต้องแยกออกซิเจนออกมาจากอากาศและทำให้มีเพียงออกซิเจนเท่านั้นที่สามารถทำปฏิกิริยาได้
วิธีการที่เป็นไปได้จริงมากที่สุดคือการเพิ่มชั้นตะแกรงโมเลกุลหรือเมมเบรนที่ยอมให้แค่โมเลกุลออกซิเจนเพียงอย่างเดียวที่สามารถทำปฏิกิริยากับพื้นผิวโลหะลิเธียมได้ อาจจะฟังดูเหมือนง่าย แต่กลับเป็นความสำเร็จที่ทำได้ยากเอามากๆ
แต่ในสิ่งที่ส่งมากับอีเมลนั้น ศาสตราจารย์ลู่ไม่เพียงแต่จะชี้แนะวิธีทำวิจัยที่ชัดเจนมาให้ แต่เขายังเขียนไอเดียทางเทคนิคหลายอย่างที่ดูเหมือนจะใช้การได้มาด้วย
“นี่เขาเขียนเรื่องนี้ระหว่างที่กำลังศึกษาสมการหยาง-มิลส์หรือเปล่านะ?” ยางสวี่พูดขึ้นหลังจากอ่านบรรทัดสุดท้ายของเอกสารที่แนบมาจบ เขาถอนหายใจเบาๆ เอนตัวพิงเก้าอี้ตัวเอง สายตาจ้องมองไปยังเพดานข้างบน เขาอดพูดไม่ได้ว่า “ผู้ชายคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ ด้วย…”
เขาเขียนเรื่องนี้ระหว่างที่กำลังวิจัยปัญหาระดับโลกอย่างนั้นเหรอ เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?
แน่นอนว่ายางสวี่ก็ไม่รู้เรื่องอีกอย่างหนึ่ง
ถ้าเขารู้ว่านอกจากจะแก้สมการหยาง-มิลส์แล้ว ลู่โจวยังแก้ปัญหาการย่อขนาดของฟิวชั่นที่ควบคุมได้ได้อีก ยางสวี่คงจะเริ่มตั้งคำถามกับชีวิตตัวเองเป็นแน่…
ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ไอเดียทางเทคนิคก็ยังอยู่ตรงนั้น ไม่ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการทดลองของพวกเขา
ยางสวี่กดเลือกอีเมลที่ลู่โจวส่งมาให้แล้วส่งต่อไปให้เพื่อนร่วมงานของเขา เขาลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
แล้วเดินไปทางคอกออฟฟิศ ตามด้วยเคาะประตูเรียก
“ภารกิจใหม่มาแล้วพวก ได้เวลาทำงานแล้ว”
นักวิจัยในออฟฟิศต่างหันมามองเขา
เฉียนจงหมิงเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา เขาขยับแว่นแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ภารกิจใหม่เหรอ? มีโปรเจกต์วิจัยอีกเหรอ?”
ยางสวี่พูดอย่างรวบรัดว่า “เป็นเมมเบรนแยกโมเลกุลออกซิเจนที่มีการซึมผ่านสูง ส่วนเรื่องข้อมูลทางเทคนิคกับวิธีการทดลอง ฉันส่งเข้าอีเมลพวกนายไปแล้ว”
เมมเบรนแยกโมเลกุลออกซิเจนที่มีการซึมผ่านสูงเหรอ?
วินาทีที่เฉียนจงหมิงได้ยินคำนี้ เขาก็มีท่าทีอัศจรรย์ใจ
หลิวโปที่นั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ ก็ดูตกใจไม่ต่างกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แอบตื่นเต้น
“เมมเบรนแยกโมเลกุลออกซิเจนที่มีการซึมผ่านสูงเหรอ? นี่ใช้โปรเจกต์ที่เกี่ยวกับ…”
“ใช่” ยางสวี่พยักหน้าแล้วพูดต่อ “โปรเจกต์วิจัยถัดไปของพวกเราคือ…แบตเตอรี่ลิเธียมแอร์”
………………………………..
[1] อายุที่บ่งชี้ถึงความแข็งแรงของสุขภาพของบุคคลนั้นๆ ตามจริง โดยคำนวณจากปัจจัยหลายๆ อย่างรวมถึงผลตรวจเลือดและสุขภาพทางห้องปฏิบัติการออกมาเป็นตัวเลขอายุของสุขภาพ