วันถัดจากการประชุมผู้เสนอ
ณ ห้องประชุมแห่งเดียวกันนั้นเอง
ลู่โจวยืนอยู่หน้าห้องประชุมและพูดเสียงดังฟังชัด เขากำลังบรรยายวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณให้นักศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีฮาร์บินฟังอยู่
“ข้อได้เปรียบของวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณคือพวกเราสามารถหลีกเลี่ยงความผิดพลาดอันไม่จำเป็นทั้งหลายได้จากการคำนวณ และกำจัดอคติทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ออกไป รวมถึงใช้วิธีที่มีหลักมีผลในการตามหาคำตอบที่ต้องการ”
“ลองดูโครงสร้างทฤษฎีพื้นผิวสัมผัสไฟฟ้าเคมีเป็นตัวอย่างก็ได้ ผมจะอธิบายวิธีคิดวิธีการทางคณิตศาสตร์อย่างคร่าวๆ เช่น การวิเคราะห์ฟังก์ชันในพื้นฐานของวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ…”
ห้องประชุมแน่นไปด้วยผู้คนแบบไหล่ชนไหล่ บางคนถึงกับนั่งฟังอยู่กับพื้นด้วยซ้ำ
หลังจากได้ยินเรื่องการประชุมแล้ว นักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีฮาร์บินและมหาวิทยาลัยอื่นๆ ใกล้เคียง รวมไปถึงนักวิจัยบางคนที่จบมาหลายปีและกำลังทำงานอยู่ในสถาบันวิจัยแถวๆ นั้น ต่างก็เข้ามาฟังสัมมนาของลู่โจว
เพื่อจะให้ห้องประชุมยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อย สถาบันเทคโนโลยีฮาร์บินจึงจัดเตรียมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งที่พวกเขามีไว้ในห้อง ถึงแม้นี่จะสร้างปัญหามากมายให้กับอาจารย์ที่สถาบันเทคโนโลยีฮาร์บิน แต่ดูจากสีหน้าของนักวิชาการโจวแล้ว เขาก็ค่อนข้างมีความสุขดี
เพื่อเป็นการตอบแทนความกระตือรือร้นของสถาบัน ลู่โจวจึงบรรยายอย่างเต็มที่ถึง 110%
โครงสร้างทฤษฎีพื้นผิวสัมผัสไฟฟ้าเคมีทำให้เกิดกระแสครั้งใหญ่ในวงการวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณและเคมีพื้นผิว เนื่องจากทฤษฎีนี้ ทำให้ลู่โจวได้รับรางวัลฮอฟแมนจากสมาคมเคมีเยอรมัน ตามมาด้วยการนำเสนอชื่อเป็นผู้เข้ารับรางวัลโนเบลหลายสาขาต่อมา
ทั้งตัวทฤษฎีและวิธีการทางคณิตศาสตร์ที่เขาอธิบายในรายงานนั้นต่างก็ให้แรงบันดาลใจได้ดี ทั้งกับคนที่อยู่ในวงการวัสดุศาสตร์และคณิตศาสตร์ประยุกต์
ดังนั้น ทุกคนในห้องประชุมจึงนั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่บรรยายอยู่หรือไม่ พวกเขาก็จะจดโน้ตของตัวเอง
ทั้งศาสตราจารย์และนักเรียนต่างก็ทำเหมือนกัน
รวมไปถึงคนจากคณะเคมีและคณะคณิตศาสตร์ด้วย…
การบรรยายจัดขึ้นตั้งแต่ 10 โมงเช้าไปจนถึง 13 นาฬิกา
ตอนแรก การบรรยายมีกำหนดการว่าจะเสร็จสิ้นในเวลา 12:30 แต่ก็ถูกลากต่อไปอีก 30 นาที มีคนไม่ถึง 10 คนที่เดินออกจากการบรรยายก่อนที่มันจะสิ้นสุด
หลังจากการบรรยายจบลงแล้ว ทั้งห้องประชุมก็เต็มไปด้วยเสียงปรบมือกึกก้องดังสนั่น
ลู่โจวมองไปทางอาจารย์และนักศึกษาในฝูงชน เขาพยักหน้าแล้วเริ่มเดินลงจากเวที
เขาใช้เวลาทั้งเช้าไปกับการบรรยายแล้ว พอถึงตอนนี้ ทุกคนในห้องประชุมก็หิวและเหนื่อยเต็มที
ลู่โจวเดินตามเจ้าหน้าที่ไปยังโรงอาหารของสถาบัน
โดยสถาบันได้เตรียมโต๊ะอาหารไว้ให้เขาแล้วที่ชั้นของห้องอาหารคณะ
“ศาสตราจารย์ลู่ ในฐานะตัวแทนของนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีฮาร์บิน ผมต้องขอกล่าวขอบคุณคุณด้วย! ขอบคุณที่มาบรรยายสิ่งอันแสนวิเศษให้กับนักศึกษาของเรา!”
“นักวิชาการโจว คุณพูดเกินไปหน่อยแล้วครับ” ลู่โจวยกแก้วขึ้นให้เกียรตินักวิชาการโจวก่อนจะยิ้มอย่างถ่อมตน เขาพูดต่อ “คุณจะช่วยพาผมทัวร์แล็บคุณตอนบ่ายนี้ได้ไหมครับ?”
“โอ้ ผมเกือบลืมไปเลย” นักวิชาการโจววางถ้วยของเขาลงแล้วเอามือลูบหน้าผาก เขาเผยรอยยิ้มและพูดต่อ “ไม่มีปัญหา ผมดีใจที่คุณสนใจงานวิจัยของผมอยู่แล้ว! ฉันจะพาคุณไปหลังทานอาหารกลางวันเสร็จนะ!”
ลู่โจวยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณนะครับ คุณใจดีจริงๆ “
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ คนทั้งกลุ่มก็ออกจากโรงอาหาร
ในระหว่างที่นักวิชาการโจวเดินไปตามทางเดินที่รายล้อมด้วยต้นไม้ซึ่งนำไปสู่ห้องแล็บ เขาก็ยิ้มแล้วเอ่ยถามว่า “คุณคิดว่าตึกของสถาบันเทคโนโลยีฮาร์บินของเราเป็นอย่างไรบ้าง?”
ลู่โจวเดินไปตามร่มเงาของต้นไม้แล้วเห็นห้องสมุดใกล้ๆ เขายิ้มแล้วตอบว่า “ที่นี่มีบรรยากาศของวิศวกรรมอย่างมากครับ”
“เป็นความพิเศษของทางเราล่ะ พวกเราฝึกสอนผู้มีความสามารถในการป้องกันราชอาณาจักรในอนาคต และวิศวกรรมก็เป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของสถาบันของพวกเรา” นักวิชาการโจวหยุดพูดไปพักหนึ่งแล้วยิ้มให้ แล้วก็พูดต่อ “ถ้าคุณมีเวลา ผมหวังว่าคุณจะมาบรรยายที่สถาบันเราอีกนะ”
ลู่โจวยิ้มแล้วพยักหน้า
“ผมมาแน่นอนครับ”
นักวิชาการโจวไม่ได้เชิญให้ลู่โจวอยู่ต่อในฐานะลูกจ้าง สุดท้าย เขาก็รู้ดีว่าอย่างไรมันก็ไม่ได้ผล
ขนาดมหาวิทยาลัยเหยียนกับมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ยังชิงตัวลู่โจวมาไม่ได้ นับประสาอะไรกับสถาบันเทคโนโลยีฮาร์บิน การเชิญลู่โจวมาบรรยายสักสองสามครั้งก็มากเกินพอแล้ว
ถึงแม้นักวิชาการโจวจะสามารถเรียนรู้จากการบรรยายของลู่โจวได้มากก็ตาม
ในไม่ช้า คนทั้งกลุ่มก็เดินมาถึงอาคารสูง 6 ชั้น
หลังจากผ่านประตูรักษาความปลอดภัยมาได้ นักวิชาการโจวก็พาลู่โจวเดินเข้าห้องแล็บ
“นี่คือสิ่งที่ผมเล่าให้คุณฟังไปก่อนหน้านี้ ห้องแล็บอวัยวะเทียม ทีมโปรเจกต์วัสดุเชิงประกอบชีวภาพไฮดรอกซีอะพาไทต์และไทเทเนียมทุกคนต่างทำงานกันที่นี่ ยังมีทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยออโรร่าอีกด้วย พวกเขาจะมาที่นี่และร่วมงานกับพวกเราเป็นบางครั้ง แน่นอนว่าพวกเขามีส่วนรับผิดชอบหลักๆ ที่อินเตอร์เฟสนิวทรัล ส่วนพวกเราจะรับผิดชอบในการแก้ปัญหาทางวัสดุและกลไก…มาทางนี้เลย”
นักวิชาการโจวเปิดประตูและพาลู่โจวเข้าไปในห้องแล็บ
นักวิจัยสองคนที่ยืนอยู่ข้างอุปกรณ์การทดลองสังเกตเห็นประตูเปิดออก
นักวิจัยทั้งสองกำลังจะกล่าวทักทายนักวิชาการโจวตอนที่พวกเขาสังเกตเห็นลู่โจวพอดี นักวิจัยคนที่สวมแว่นตาแสดงท่าทางประหลาดใจทันที เขาก้าวขึ้นมาสองก้าวอย่างตื่นเต้นและถามว่า “คุณ…คุณคือลู่โจวเหรอครับ?”
“อ๋อ…ใช่แล้วครับ” ลู่โจวรู้สึกอายเล็กน้อย เขายิ้มขึ้นและพูดว่า “ผมไม่ได้มารบกวนคุณทำงานใช่ไหม?”
“ไม่เลยครับ เชิญนั่งก่อนเลย เดี๋ยวผมชงกาแฟให้”
“ไม่เป็นไรครับ นักวิชาการโจวแค่พาผมมาเดินดูเฉยๆ ผมอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก”
ในที่สุดนักวิจัยก็มีท่าทีใจเย็นลง และลู่โจวก็เดินตามนักวิชาการโจวไปทั่วห้องแล็บ พวกเขามาถึงตู้คอนเทนเนอร์โปร่งแสงที่มีขนาดยาวประมาณ 1-2 เมตร ข้างในตู้คอนเทนเนอร์มีแขนกลอยู่คู่หนึ่ง ซึ่งถูกวางไว้บนแท่นโลหะ
ลู่โจวมองไปที่แขนกล
“เจ้านี่มันขยับได้ไหมครับ?”
นักวิชาการโจวยิ้ม
“ต้องขยับได้สิ! ถึงจะต้องปรับปรุงบางอย่างไปบ้าง แต่มันก็ยังทำงานได้อยู่นะ…คุณอยากจะลองไหม?”
“ได้เลยครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก”
อุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมแขนกลเป็นวงแหวนโลหะลักษณะกลวงหนึ่งวง ลู่โจวสอดแขนจริงๆ ของเขาเข้าไปในวงแหวนโลหะนั้น โดยเหมือนกับเป็นการ์ดในการฟันดาบ
หลังจากที่นักวิจัยสวมแว่นคนนั้นทำการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยแล้ว ลู่โจวก็รู้สึกเหมือนโดนอะไรแทงเล็กๆ ตรงข้อศอก แต่ไม่นาน ความรู้สึกนั้นก็หายไป เครื่องมือเล็กๆ 2 ชิ้นถูกปักเข้าไปในกล้ามเนื้อของเขา เก็บข้อมูลสัญญาณนิวทรัลที่ส่งออกมาจากแขนของเขา
“มันเสร็จหรือยังครับ?”
“น่าจะได้แล้วครับ” นักวิจัยกดปุ่มสองสามปุ่มบนเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเส้นที่ดูเหมือนเส้นคลื่นไฟฟ้าหัวใจขึ้นๆ ลงๆ ก็ปรากฏบนหน้าจอ เขายิ้มให้ลู่โจวแล้วพูดขึ้นว่า “ลองชกอะไรก็ได้สิครับ”
ลู่โจวลองชกอากาศดู
จากนั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น
แขนจริงของเขาไม่ได้ขยับตาม มันไถลไปข้างหน้านิดเดียวเท่านั้น แต่กลับเป็นแขนกลในตู้คอนเทนเนอร์ที่ต่อยไปข้างหน้าอย่างตลกๆ แทน
ลู่โจวรู้สึกทึ่ง เขามอง ‘แขนที่ตายแล้ว’ ของเขา
“มันบล็อกสัญญาณนิวทรัลของผมเหรอครับ?”
เขาใช้มือซ้ายหยิกฝ่ามือขวาของตัวเอง
เอิ่ม…
ก็ยังเจ็บอยู่แฮะ
พิลึกแล้วเนี่ย!
นักวิชาการที่ยืนอยู่ข้างพวกเขาอธิบายว่า “อันที่จริง มันไม่ได้บล็อกอะไรหรอกนะครับ สุดท้าย สิ่งนี้มีไว้เพียงเพื่อเก็บข้อมูลทางการทดลองเฉยๆ ดังนั้นมันจึงไม่นับเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ…จริงๆ แล้ว ตราบใดที่เซลล์ประสาทของคุณยังแข็งแรงดีพอ คุณก็น่าจะยกมือตัวเองได้นะครับ อย่างมาก ก็จะรู้สึกอ่อนแรงเล็กน้อย เหมือนกับคุณเพิ่งไปยกเวทมาน่ะครับ”
“ผมไม่เคยยกเวท…แต่นี่นับเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจจริงๆ ” ลู่โจวพูดขณะลองขยับแขนตัวเอง แต่มีเพียงการเคลื่อนไหวบางส่วนเท่านั้นที่แขนกลสามารถเลียนแบบได้
เหมือนกับที่นักวิจัยคนนั้นพูดไว้ เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้น เทคโนโลยีนี้ก็มีศักยภาพอย่างเต็มเปี่ยม
อุปกรณ์ลักษณะนี้ไม่เหมือนกับเอ็กโซสเกลเลตัน[1]ที่ช่วยขยายประสิทธิภาพของการเคลื่อนไหวของมนุษย์ สิ่งนี้ทำให้คนใช้งานเครื่องจักรกลที่อยู่ห่างจากร่างกายของมนุษย์ได้ เพียงใช้การแปลงสัญญาณไฟฟ้านิวทรัลเป็นสัญญาณดิจิทัลเท่านั้น
ถ้าหากเทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบแล้วล่ะก็ ไม่เพียงแต่มันจะสามารถนับไปปรับใช้ในวงการอุปกรณ์การแพทย์ได้เท่านั้น แต่มันยังจะมีบทบาทที่ไม่คาดคิดได้ในวงการอื่นอีกด้วย!
นักวิชาการโจวส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ก็ไม่เชิงจะเรียกว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ได้หรอกนะ ระบบผ่านนิวทรัลเพิ่งออกมาในนิตยสารเนเจอร์เร็วสุดก็เมื่อเมษายน ปี 2016 โปรเจกต์ของเราเป็นแค่ส่วนย่อยของเทคโนโลยีนั้นเท่านั้นเอง จากที่ผมเข้าใจ MIT[2] ก็อยู่แถวหน้าของเทคโนโลยีนี้อยู่แล้ว และพวกเขาก็ได้รับผลลัพธ์ที่น่ามหัศจรรย์ไปบ้างแล้วด้วย พวกเราแค่พยายามไล่ตามพวกเขาให้ทันเฉยๆ เท่านั้นเอง”
“ไม่สำคัญหรอกครับว่าใครเป็นคนที่อยู่แถวหน้า” ลู่โจวถอดวงแหวนออกแล้วแตะรูเล็กๆ สองรูตรงแขนเขาแล้วพูดว่า “ถ้าเพียงแต่สิ่งนี้จะเชื่อมต่อกันได้โดยไม่ต้องเจ็บแล้วล่ะก็… เข็มนี้มันค่อนข้างยาวเลยครับ”
นักวิจัยที่ยืนอยู่ข้างพวกเขาแสดงท่าทียอมจำนน
“เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอกครับ โดยพื้นฐานเจ้าสิ่งนี้ถูกออกแบบมาให้คนที่ไม่มีแขนอยู่แล้ว โดยทั่วไปแล้วมันจะถอดไม่ออก”
ลู่โจวยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ผมว่าเทคโนโลยีนี้มันไปได้ไกลกว่าแค่ให้คนที่ไม่มีแขนใช้นะครับ ถ้ามีคนติดตั้งสิ่งนี้บนกระดูกสันหลังของตัวเอง พวกเขาจะสามารถควบคุมหุ่นยนต์ทั้งตัวได้จากระยะไกลหรือเปล่า?”
นักวิชาการโจวยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เป็นความคิดที่น่าสนใจนะ แต่น่าจะนำมาทำจริงได้ยากเกินไป สัญญาณนิวทรัลในกระดูกสันหลังนั้นซับซ้อนกว่าสัญญาณนิวทรัลของลิมบิกมากกว่าเป็น 100 เท่า อีกอย่าง สิ่งนี้ยังเกี่ยวข้องกับสุขภาพทั้งหมดและช่วยผ่อนคลายศูนย์ประสาทด้วย มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะนำไปทดลองได้ง่ายๆ เลย”
ลู่โจวพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
“คุณพูดถูกแล้วครับ”
ลู่โจวคืนอุปกรณ์ให้กับนักวิจัยและเดินไปทั่วแล็บ
ลู่โจวยืนอยู่ที่ทางเข้าของสถาบันวิจัย เขากำลังจะเดินออกไปแล้ว ทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงักแล้วหันมามองนักวิชาการโจว
“อ้อใช่ครับ นักวิชาการโจว ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณหน่อย”
นักวิชาการโจวถาม “อะไรเหรอ?”
ลู่โจวยิ้มเจื่อน
“คุณมีอะไรให้ผมช่วยในโปรเจกต์นี้ไหมครับ?”
……………………………..
[1] อุปกรณ์เสมือนโครงกระดูก ที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้มีปัญหาในการเคลื่อนไหวเดินไปไหนมาไหนได้สะดวกคล่องตัวขึ้นกว่าเดิม
[2] หรือชื่อเต็มคือ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก