ณ สหรัฐอเมริกา
รัฐแคลิฟอร์เนีย
ศูนย์บัญชาการใหญ่ของสเปซ-เอ็กซ์ จุดแถลงข่าว
อีลอน มัสก์ สวมชุดปกติของซิลิคอนแวลลีย์ เป็นเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีน เขากำลังเผชิญหน้ากับผู้ชมการแถลงข่าวและกล้องของผู้สื่อข่าวจำนวนมาก เขาพูดเรื่องอนาคตของสเปซ-เอ็กซ์ออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักแบบไม่เหมือนใคร
ภาพยานอวกาศล้ำสมัยทรงยาวคล้ายลูกกระสุนสีเงินสว่างถูกฉายบนจอข้างหลังเขา แล้วยานอวกาศก็พุ่งจากไป ทิ้งเพียงแสงสว่างไว้ข้างหลังพร้อมกับโลกสีน้ำเงินและอวกาศอันไร้ขอบเขตเป็นภาพแบ็กกราวนด์
คำว่า ‘บีเอฟอาร์’ และ ‘สเปซ-เอ็กซ์’ ปรากฏอยู่ด้านข้างของยานอวกาศ
หัวข้อของการแถลงครั้งนี้ก็คือ ‘บีเอฟอาร์’ นั่นเอง
“ส่วนแรกจะเป็นจรวดขับดันตัวหลัก ได้รับพลังงานจากเครื่องยนต์จรวดแรพเตอร์พลังมีเทน 31 เครื่อง ส่วนที่สองจะมีเครื่องยนต์ระดับน้ำทะเล 4 เครื่อง และเครื่องยนต์สุญญากาศอีก 4 เครื่อง ถังเก็บเชื้อเพลิงสามารถบรรจุแก๊สมีเทนได้ทั้งหมด 240 ตัน และแรงขับดันสูงสุดคือหน่วยกิโลตัน…ซึ่งแน่นอน นี่ยังไม่ใช่ประเด็นหลักของผม โฟกัสของพวกเราคือแผนการที่เกี่ยวกับจรวดบีเอฟอาร์”
มัสก์หยุดพูดครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็มองไปทางผู้ชมและทางกล้อง
“พวกเราจะปล่อยยานอวกาศที่ควบคุมโดยคน 2 ลำขึ้นสู่ดาวอังคารในปี 2024 ให้ได้!”
กลุ่มฝูงชนเริ่มส่งเสียงเอะอะ ในขณะที่ผู้สื่อข่าวรุมกดชัตเตอร์กล้องอย่างบ้าคลั่ง
การบินและอวกาศไม่ใช่สิ่งใหม่ของคนอเมริกัน
แต่การสำรวจดาวอังคารและการตั้งอาณานิคมในอวกาศก็ยังเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นอยู่ดี
ไม่อย่างนั้นแล้ว สตาร์วอร์สคงจะไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมในสหรัฐอเมริกาเป็นแน่
มัสก์ยิ้มมุมปากและเพิ่มเสียงตัวเองขึ้น
“เมื่อการวิจัยและพัฒนาบีเอฟอาร์สำเร็จลุล่วง มันจะแทนที่ยานอวกาศในปัจจุบันของพวกเราทั้งหมด มันจะทำให้ยานอวกาศสามารถปฏิบัติภารกิจในหลายรูปแบบได้ ไม่ว่าจะเป็นดวงจันทร์หรือดาวอังคาร พวกเราก็สามารถเป็นเจ้าของทุกอย่างได้ด้วยพลังนี้”
“มันจะเปลี่ยนแปลงความเข้าใจที่พวกเรามีต่อการบินและอวกาศ”
“มันจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของพวกเรา!”
หลังจากนั้น มัสก์ก็เริ่มบรรยายข้อดีของยานอวกาศบีเอฟอาร์ต่อไป พร้อมๆ กับเรื่องแผนของสเปซ-เอ็กซ์ที่มีต่อดาวอังคาร
ท่ามกลางเสียงปรบมือ การแถลงก็สิ้นสุดลง
ผู้สื่อข่าวต่างเร่งปรี่มาที่เวทีแล้วยืนล้อมรอบตัวมัสก์ไว้
ในที่สุดมัสก์ก็ตอบคำถามสัมภาษณ์ของทุกคนจนเสร็จ
หลังจากจัดการกับผู้สื่อข่าวทุกคนเสร็จ เขาก็เดินทางกลับไปที่ออฟฟิศของตัวเอง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ในห้อง เขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดู
มัสก์มองราคาของหุ้นเขาที่พุ่งสูงขึ้นในตลาดหุ้นจากโทรศัพท์แล้วรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
ผลตอบรับจากราคาตลาดหุ้นบอกเขาว่าการแถลงข่าวเป็นไปได้ด้วยดี
แนวคิดของบีเอฟอาร์ทำให้ผู้ลงทุนในสาขาการบินและอวกาศมีความหวัง
แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาฉลอง
ตลาดหุ้นเป็นสัตว์ร้ายที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ โดยเฉพาะกับบริษัทไฮเทคอย่างสเปซ-เอ็กซ์
การที่นักลงทุนผู้ร่ำรวยทั้งหลายจะยังเต็มใจสนับสนุนวิสัยทัศน์ของมัสก์หรือไม่นั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามัสก์จะนำกำไรแบบใดกลับไปให้พวกนักลงทุน แต่ขึ้นอยู่กับว่ามัสก์สามารถทำตามที่เขาสัญญาไว้ได้หรือเปล่า
โชคดีที่ฟิวชั่นที่ควบคุมได้และแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของพลังงานทางเลือกเป็นไปในทางที่ดี ราคาหุ้นของเทสล่ากำลังพุ่งสูงขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับสองสามปีก่อน ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การบินและอวกาศยังถือเป็นสาขาที่ใหม่แกะกล่องอยู่ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่ได้มั่นใจ 100% ว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้อย่างราบรื่น
เขาได้ยินเสียงเคาะประตู แล้วเลขานุการสาวที่ใส่ชุดเป็นทางการก็เดินเข้ามา
“คุณมัสก์คะ มีคนมาขอพบคุณค่ะ”
มัสก์กำลังจะพักผ่อนอยู่พอดี
เขาเลิกคิ้วและถามเลขาฯ ขึ้นว่า “ใครเหรอ?”
เลขานุการตอบว่า “พวกเขาบอกว่าเป็นคนจากซีไอเอค่ะ…”
“ซีไอเอเหรอ?” มัสก์ลังเลนิดหน่อยขณะในมือก็หมุนปากกาเล่น เขาเอ่ยขึ้นว่า “ผมไม่เห็นจะจำได้เลยว่า…”
ประตูออฟฟิศถูกผลักเปิดออกอย่างไม่ไยดี แล้วผู้ชายสองคนที่ใส่เสื้อแจ็กเกตสีดำก็เดินเข้ามา
มัสก์มีท่าทางไม่พอใจในขณะหันไปมองผู้ชายหยาบคายทั้งสองคนที่เดินเข้ามาในห้องโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ผมไม่เห็นจะจำได้เลยว่าผมอนุญาตให้พวกคุณเข้ามา พวกคุณมีหมายค้นเหรอ?”
“ขออภัยด้วย คุณมัสก์ แต่ตอนนี้เป็นสถานการณ์เร่งด่วน ผมหวังว่าคุณจะอภัยให้พวกเรา” เจ้าหน้าที่ชาวแอฟริกันอเมริกันแสดงตราของเขาให้ดูแล้วพูดขึ้นว่า “คุณเรียกผมว่า ‘ไอเดน’ ก็ได้”
มัสก์จ้องเจ้าหน้าที่ชาวแอฟริกันอเมริกันและเอนตัวพิงเก้าอี้ตัวเอง
“ผมคืออีลอน…แต่พวกคุณก็รู้จักผมอยู่แล้วนี่นา อยากได้กาแฟไหม?”
เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ข้างหลังไอเดนพูดบ้าง “ไม่จำเป็นครับ พวกเรากำลังรีบ”
“ถ้าอย่างนั้นก็โอเค” มัสก์มองไปทางเลขานุการสาวที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะของเขาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “อลิซซ่า ผมขอลาเต้นะ”
“ได้ค่ะ” เลขานุการพยักหน้าแล้วเดินออกไปจากห้อง
ไอเดน “…”
เจ้าหน้าที่อีกคน “…”
หลังจากผ่านไป 5 นาที กาแฟก็มาเสิร์ฟในที่สุด
ไอเดนไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว เขาจึงมุ่งเข้าประเด็นหลักทันที
“พวกเราได้ยินมาว่า เมื่อสองเดือนก่อน สตาร์สกายเทคโนโลยีได้มีคำสั่งซื้อราคา 20 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐจากพวกคุณ นั่นเป็นความจริงหรือเปล่า?”
มัสก์คิดอยู่พักหนึ่งก็พยักหน้า
“ใช่แล้ว…แต่ผมจำได้ว่าคำสั่งที่ได้มาก็ไม่ได้มีของที่ถูกสั่งห้ามอะไร มีปัญหาเกิดขึ้นเหรอครับ?”
ไอเดนกล่าว “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ชิ้นส่วนพวกนั้น แต่อยู่ที่ว่าชิ้นส่วนพวกนั้นนำไปใช้ทำอะไรต่างหากล่ะ”
มัสก์ไม่รู้สึกตกใจกับน้ำเสียงของเขา เขาพูดอย่างหมดความอดทนว่า “พวกเราไม่สนใจหรอกนะว่าลูกค้าจะทำอะไรกับสินค้าของพวกเรา ถ้ามีปัญหาอะไร ผมแนะนำให้คุณไปหาคนปรึกษาคนอื่น”
ไอเดนไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหยิบภาพถ่ายรูปเบลอๆ ออกมาแล้ววางบนโต๊ะ
เมื่อมัสก์เห็นกระสวยอวกาศในรูปถ่าย เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันทีแล้วถามว่า “นี่มันอะไร?”
“ลูกค้าของคุณ หรือก็คือคู่แข่งในอนาคตของคุณ มันชื่อว่า สกายโกลว์” ไอเดนยักไหล่แล้วพูดต่อ “เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนที่ล้ำสมัย พวกเรากำลังสืบสวนข้อมูลเรื่องนี้อยู่”
“เดี๋ยวก่อนนะ ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเหรอ?” มัสก์อ้าปากแล้วมองไปทางผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเขา “เครื่องขับดันพลังไอออนเหรอ? คุณแน่ใจแล้วนะ?”
“พวกเราแน่ใจแล้ว” ไอเดนพยักหน้าแล้วพูดต่อ “แหล่งข่าวของเราเชื่อถือได้ แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดนัก”
มัสก์ยิ้มแล้วส่ายหัว จากนั้นเขาก็นั่งลง
ทันใดนั้น ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสนใจของมัสก์ก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าล้อเลียน
“ไอเดนกับคุณเจ้าหน้าที่ ถึงแม้ผมจะไม่มั่นใจนักว่ากระบวนการสืบสวนของซีไอเอจะเป็นอย่างไร ในฐานะผู้ที่ต้องจ่ายภาษี ผมก็หวังว่าพวกคุณจะทำตัวเป็นมืออาชีพมากกว่านี้เสียหน่อย…เครื่องขับดันพลังไอออนเหรอ? ใช้การขับเคลื่อนไฟฟ้าเพื่อส่งกระสวยอวกาศขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างนั้นเหรอ?” มัสก์ส่ายหัวแล้วยิ้มขึ้น จากนั้นเขาก็พูดว่า “น่าขันสิ้นดี”
ไอเดนถามขึ้น “การขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนมันทำไม่ได้จริงเหรอ?”
“มันเป็นไปไม่ได้” มัสก์ตอบอย่างไม่ลังเล “ต่อให้เป็นเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนของพวกเราที่ก้าวหน้ามากที่สุด เครื่องขับดันก็ทำงานได้แค่ในระดับนิวตันเท่านั้น การส่งกระสวยอวกาศขึ้นไปยังอวกาศต้องใช้อย่างน้อยก็ระดับกิโลนิวตัน!”
ไอเดนมองไปทางเจ้าหน้าที่ข้างๆ เขา
เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “นาซาก็พูดอย่างนี้เหมือนกัน…พวกเราคิดมากไปหรือเปล่า?”
ไอเดนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขาหวังว่าจะเป็นแค่เขาคิดเรื่องทั้งหมดมากไปเองเท่านั้น
แต่เมื่อไรก็ตามที่เขาคิดถึงชื่อของ ‘ลู่โจว’ เขาก็อดรู้สึกระแวงไม่ได้เลย…
…………………………………………………
