ณ องค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีน
ออฟฟิศของหัวหน้าวิศวกร
เมื่อเขาได้ยินว่าสตาร์สกายเทคโนโลยีวางแผนจะทำการทดสอบการบินในวันปีใหม่ เลขาธิการหยวี่ก็รีบนำข่าวมาให้ทุกคนที่นี่รู้ทันที หยวนฮวานหมินกำลังอ่านธีสิส หลังจากที่เขาได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็แน่นิ่งไปชั่วขณะ
พอเขารู้สึกตัวอีกทีว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความไม่เชื่อ
“ทดสอบการบินเหรอ?”
“ครับ! ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะเดินหน้าได้ไวขนาดนี้ เลขาธิการหยวี่เป็นกังวล เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “เฮ้อ พวกเราตามหลังเขาอยู่ก้าวหนึ่ง จะเอาอย่างไรต่อดี?!”
อันที่จริงแล้ว องค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีนต่างจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศตรงที่พวกเขาไม่เคยเอาจริงเอาจังกับเดิมพันของลู่โจว
การขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนน่ะเหรอ…
ทุกคนรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะแรงโน้มถ่วงด้วยแรงขับดันจำนวนน้อยอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นแล้ว ผู้นำขององค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีนก็คงจะไม่ยอมตกลงเดิมพันง่ายขนาดนั้น พวกเขาก็จะปล่อยให้ศาสตราจารย์ลู่ทำลายตัวเองไปดีกว่า
แล้วตอนนี้น่ะเหรอ…
ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะเริ่มทดสอบการบินกันแล้ว?
เมื่อหยวนฮวานหมินเห็นว่าเลขาธิการหยวี่มีท่าทางกระวนกระวายแค่ไหน เขาก็รู้สึกประหลาดใจ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขากังวลมันเป็นคนละแบบกับสิ่งที่เลขาธิการหยวี่กังวล
หลังจากที่เงียบไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลงใจว่า
“พวกเขาจะส่งคนออกไปในการทดสอบการบินครั้งแรกจริงๆ เหรอ?”
เลขาธิการหยวี่เว้นจังหวะพูดไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อว่า “มีนักบินอยู่สองคนในแผนปล่อยยานครับ…”
“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”
หยวนฮวานหมินใช้มือขวาตบโต๊ะจนถ้วยชาสั่นสะเทือน เขายืนขึ้นด้วยความโกรธแล้วหยิบเสื้อโค้ตที่วางไว้หลังเก้าอี้ของตัวเองขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มเดินออกจากออฟฟิศ
เลขาธิการหยวี่รีบวิ่งตามเขาทันที
“หัวหน้าวิศวกรหยวนครับ คุณจะไปไหนน่ะ?”
หยวนฮวานหมินตอบอย่างไม่ลังเลว่า “นี่ยังต้องถามอีกเหรอ? ผมก็จะไปจุดปล่อยยานอวกาศที่จินหลิงน่ะสิ!”
เลขาธิการหยวี่พูดต่อว่า “แต่จินหลิงไม่ได้เชิญเรานะครับ มันจะไม่เป็นเรื่องน่าขายหน้าเหรอถ้าเราโผล่ไปแบบนี้…”
“นี่มันใช่เวลาที่ต้องมากังวลเรื่องขายหน้าหรืออย่างไรกัน?!” ดวงตาของหยวนฮวานหมินเบิกกว้างขณะพูด “อะไรสำคัญมากกว่ากัน ระหว่างชีวิตคนกับศักดิ์ศรี?!”
นักบินอวกาศสองคนเลยนะ!
ยังไม่นับว่าพวกเขายังเป็นหัวกะทิของทีมนักบินทดสอบอีก!
หยวนฮวานหมินโมโหมาก เขาส่ายหัวของตัวเอง
อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด ลู่โจวยังขาดความเป็นผู้ใหญ่มากเกินไป
อีโก้ของเขาสูงพุ่งทะลุหลังคาไปแล้ว
จะใช้เทคโนโลยีใหม่หรืออะไรก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้เขากำลังเอาชีวิตที่มีค่าของนักบินอวกาศสองคนไปเสี่ยงอยู่
ความเห็นของหยวนฮวานหมินคือลู่โจวกำลังใช้อำนาจความเชื่อใจของประเทศที่มีต่อเขาในทางที่ผิด!
หยวนฮวานหมินรับได้กับการที่ลู่โจวใช้เงินไปกับโปรเจกต์ แต่ตอนนี้มันมีความเป็นความตายของคนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เขาต้องทำอะไรสักอย่าง
ฉันจะต้องหยุดเขา!
หยวนฮวานหมินโทรหาผู้ช่วยของเขาให้จองตั๋วรถไฟจากปักกิ่งไปจินหลิงให้ จากนั้นเขาก็เดินลงบันไดไปที่ลานจอดรถ
เลขาธิการหยวี่เดินตามหลังคุณหยวนมาติดๆ เขาอยากจะพูดโน้มน้าวหยวนฮวานหมินไม่ให้ไปที่จินหลิง แต่สุดท้าย เขาก็ตัดสินใจไม่ทำ
บางทีการที่เขาไปหยุดการปล่อยยานครั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้?
ไม่ว่าคุณหยวนจะหยุดการปล่อยยานสำเร็จหรือไม่ มันก็คุ้มค่าที่จะลองดู…
…
ภายนอกจุดปล่อยยานบินและอวกาศแห่งจินหลิง
รถทหารหลายคันกำลังลำเลียงรถขนจรวดขนาดใหญ่ มันค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาในจุดปล่อยยานอย่างช้าๆ
เมื่อวาน สภาเมืองจินหลิงได้ปิดถนนเส้นนี้และสั่งให้กองตำรวจปิดทุกเส้นทางที่เชื่อมต่อกับจุดปล่อยยานนี้เป็นการชั่วคราว เป็นการทำเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ และยังเพื่อการปกปิดเป็นความลับอีกด้วย
แต่มันก็เห็นได้ชัดว่า มีหลายประเทศอื่นที่กำลังจับตาดูการปล่อยยานครั้งนี้อยู่
กระนั้น มันก็ไม่สำคัญอะไร
ไม่มีอะไรที่เก็บเป็นความลับได้ตลอดไป ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว ต้องบอกว่ามันค่อนข้างน่าประหลาดใจด้วยซ้ำ ที่พวกเขาสามารถเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้จนถึงตอนนี้
ผู้บังคับการกรมไต้ลงจากรถจี๊ปทหารสีเขียวแล้วเดินตรงมาข้างหน้าลู่โจว แล้วเขาก็จับมือลู่โจวแน่น
“ศาสตราจารย์ลู่ เราเจอกันอีกแล้วนะ”
“ยินดีที่ได้พบครับ ผู้บังคับการกรมไต้” ลู่โจวบอกขณะจับมือกับเขา
พวกเขาทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่โปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้แล้ว และต่างก็มีความสัมพันธ์อันดีมาตลอด การทดสอบการปล่อยยานครั้งนี้สำคัญกับคนเบื้องบนเป็นอย่างมาก ดังนั้น กองพลจีนตะวันออกจึงต้องรับผิดชอบด้านความปลอดภัย ซึ่งหมายความว่า คนที่เป็นหัวหน้าครั้งนี้ก็คือผู้บังคับการกรมไต้
หลังจากคุยเกริ่นกันเล็กน้อย ผู้บังคับการกรมไต้ก็พูดขึ้นว่า “เดี๋ยวเรามาเจอกันอีกทีหลังกินข้าวกลางวันเสร็จก็แล้วกันครับ ผมไม่รบกวนคุณแล้ว พื้นที่นี้มีทหารรักษาการณ์อยู่ครอบคลุม คุณโฟกัสแค่เรื่องการทดสอบก็พอแล้ว!”
“โอเคครับ” ลู่โจวพยักหน้าแล้วเอ่ยต่อ “ขอบคุณพวกคุณมาก”
“ไม่ต้องขอบคุณพวกเรามากหรอกครับ เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว”
ผู้บังคับการกรมไต้โบกมือและเดินกลับขึ้นรถจี๊ปไป
พอเขาหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความสง่างาม
“กองพันที่ 1 กองพันที่ 2 เริ่มลาดตระเวนเขตปล่อยยานได้!
ผมไม่ต้องการเห็นแม้แต่แมลงวันตัวเดียวในรัศมี 500 เมตร!”
…
หลังจากกล่าวลาผู้บังคับการกรมไต้แล้ว ลู่โจวก็ไปพบกับนักบินทดสอบทั้งสองคน พวกเขากำลังเตรียมตัวจะขึ้นยานอวกาศ อาจารย์ที่สอนพวกเขากำลังให้คำแนะนำส่งท้ายอยู่
เมื่ออาจารย์เห็นศาสตราจารย์ลู่กำลังเดินมา เขาก็หยุดพูดและให้ลู่โจวได้มีโอกาสเป็นฝ่ายพูด
ลู่โจวเดินไปอยู่ข้างๆ นักบินทั้งสองคนแล้วยืนกำปั้นของเขาออกมา จากนั้นเขาก็นำกำปั้นตัวเองชนกับกำปั้นของเนี้ยหยุน
“นายทำได้!”
เนี้ยหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก
เขาไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาทำเพียงยิ้มมุมปากแล้วตอบว่า “โอเคครับ!”
ลู่โจวเดินไปอยู่ตรงหน้าเนี้ยเหยียนแล้วยื่นกำปั้นออกไปเช่นกัน แล้วเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเนี้ยเหยียนเป็นผู้หญิง เขาเลยเปลี่ยนไปแตะบ่าเธอด้วยท่าทีไม่มั่นใจนักแทน
เนี้ยเหยียนสังเกตเห็นท่าทางของลู่โจว เธอจึงยิ้มแล้วพูดเล่นว่า
“จริงๆ ฉันก็ไม่มีปัญหากับการชนกำปั้นนะคะ”
“นี่ผู้หญิงทุกคนในกองทัพมีความเป็นผู้ชายกันหมดเลยเหรอ?”
“ก็ไม่เชิงนะคะ ในกองทัพก็มีผู้หญิงหลายแบบ คุณชอบแบบไหนล่ะคะ? ฉันแนะนำให้คุณรู้จักได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ…”
นี่ทุกคนรู้กันหมดเลยเหรอว่าฉันโสด?
ลู่โจวเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าจริงจัง เขามองเธออย่างเคร่งขรึมแล้วพูดขึ้นว่า “ทำให้ดีที่สุดนะ”
เนี้ยเหยียนทำความเคารพแบบทหาร ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและไร้ซึ่งความหวาดกลัว เธอดูเหมือนพี่ชายของเธอไม่มีผิด
“แน่นอนค่ะ!”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วเริ่มเดินไปทางกระสวยอวกาศ ทันใดนั้นเขาก็หันหลังกลับไปมองนักบินทั้งสองคนอีกครั้ง
“นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของการบินและอวกาศ พวกคุณจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ก้าวสู่ยุคนั้นครับ
ผมจะไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว
จำไว้ว่าประวัติศาสตร์จะจดจำวันนี้เอาไว้ พวกเขาจะจดจำพวกคุณ และทุกคนที่ยืนอยู่ ณ ที่นี้”
ลู่โจวหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้วมองไปทางยานอวกาศสีเงิน
“แล้วเจอกันใหม่นะครับ”
วิศวกรและช่างทุกคนในพื้นที่ต่างซาบซึ้งกับคำพูดของเขา
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าลู่โจวที่กำลังมองไปทางกระสวยอวกาศนั้น กำลังยิ้มกว้างอยู่
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ลู่โจวก็ตะโกนชื่อหนึ่งออกมา
“โฮ่วกวง”
“ครับผม!”
“คุณรับผิดชอบเรื่องเคานต์ดาวน์นะ!”
โฮ่วกวงพยักหน้าอย่างตื่นเต้น
“ครับผม!”
…………………………………………..