โปรเจกต์การ์เด้นทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น 3 ระยะ
ระยะแรกของโปรเจกต์นี้คือ รากฐาน เหล็กกล้าไร้สนิมเชื่อมถูกนำมาใช้เพื่อแยกพื้นดินของพื้นที่ปิดล้อม ระยะที่สองของโปรเจกต์นี้หลักๆ แล้วเกี่ยวกับการก่อสร้างของส่วนนี้ โครงสร้างตะแกรงเหล็ก 6 ซี่จะถูกค้ำด้วยเหล็กที่ทนต่อแรงกดอัดได้สำหรับพื้นที่ชีวมณฑลเทียมรูปครึ่งทรงกลมทั้งหมด สำหรับระยะที่สามของโปรเจกต์ ส่วนครึ่งทรงกลมจะถูกติดตั้งด้วยกระจกพิเศษสองชั้น ซึ่งชั้นด้านนอกจะเคลือบด้วยสารเคลือบพิเศษเพื่อควบคุมอุณหภูมิ
และยังมีพื้นที่ชีวมณฑล บี ซี ดี และอื่นๆ พื้นที่นี้จะเลียนแบบสภาพแวดล้อมแบบพิเศษอื่นๆ ที่อยู่นอกโลก อย่างเช่น ดาวอังคาร แล้วมันอาจจะถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ในการดำรงชีพต่างๆ สำหรับให้คนใช้ในดาวเคราะห์อื่นๆ
ด้วยเหตุผลที่ว่าอุปสรรคเล็กน้อยใดๆ ก็ตามอาจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้ในการทดลอง พื้นที่ชีวมณฑลจึงต้องสร้างอยู่ในเขตหวงห้ามของสิ่งมีชีวิตและอยู่ห่างจากสิ่งมีชีวิตต่างๆ
แต่โชคดีที่จีนมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก ฉะนั้นจึงง่ายที่จะหาสถานที่ประเภทนี้
ไม่มีที่ไหนจะเหมาะในการสร้างพื้นที่ชีวมณฑลเทียมนี้ไปกว่าศูนย์กลางของทะเลทรายในแอ่ง
ลู่โจวใช้เวลาสามวันในการสำรวจสภาพแวดล้อมทางธรณีวิทยาในบริเวณใกล้เคียง หลังจากได้ปรึกษาศาสตราจารย์หูและนักธรณีวิทยาคนอื่นๆ ในที่สุดลู่โจวก็ได้ตัดสินใจแล้วเลือกที่ตั้งของพื้นที่ชีวมณฑลการ์เด้นให้อยู่ใกล้กับถนนและเนินทราย
การลงทุนในโปรเจกต์นี้ทั้งหมดใช้เงิน 1,500 ล้านหยวน โดย 1,300 ล้านได้รับการสนับสนุนจากเงินทุนสำหรับโปรเจกต์ต่างๆ ของรัฐบาล 41 โปรเจกต์ และอีก 200 ล้านหยวนที่เหลือได้รับการสนับสนุนโดยสตาร์สกายเทคโนโลยี เงินทุนจำนวนนี้ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับโปรเจกต์การเดินทางไปดวงจันทร์ทั้งหมด แต่มันก็ยังคงมีความสำคัญ
หลังจากลู่โจวเสร็จสิ้นการวางแผนเค้าโครงทั่วไปสำหรับโปรเจกต์การ์เด้นเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่ได้อยู่ที่ทะเลทรายต่ออีกนานเท่าใดนัก เขายังมีสิ่งที่ต้องไปทำที่จินหลิง วันต่อมาเขาออกจากค่ายแล้วขึ้นรถไฟในอู๋ซีเพื่อกลับมาที่จินหลิง
บังเอิญว่าเมื่อเขาลงจากรถไฟครั้งที่สอง ลู่โจวก็ได้รับอีเมลจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน สถาบันวิศวกรรม และมหาวิทยาลัยจินหลิง เขาอ่านชื่อของเขาที่อยู่บนรายชื่อการเลือกตั้งขั้นต้นสำหรับสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีนและสถาบันวิศวกรรม
ลู่โจวมองที่อีเมลสามฉบับนี้และก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ความคิดแรกของเขาคืออยากจะเป็นนักวิชาการที่สถาบันวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม เขาเป็นนักคณิตศาสตร์ ถึงอย่างไรก็แล้วแต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าพวกคนเก่าแก่ที่สถาบันวิศวกรรมจะเสนอชื่อของเขา
ตามขั้นตอนการคัดเลือกนักวิชาการแล้ว หลังจากขั้นตอนการแนะนำ คณะกรรมการของแผนกวิชาการต่างๆ ก็จะพิจารณาและคัดเลือกผู้สมัคร
กระบวนการคัดเลือกนี้เป็นไปตามมาตรฐาน ต้องมีการประเมินผลของแต่ละคนซึ่งเป็นระบบที่ถูกต้องและยุติธรรม
ตราบใดที่คนคนนั้นไม่ได้ละเมิดการกระทำทางวิชาการหรือละเมิดกฎหมายหลักต่างๆ พวกเขาก็ควรที่จะได้ผ่านขั้นตอนการพิจารณา หลังจากขั้นตอนการพิจารณาก็จะเป็นขั้นตอนของการลงคะแนนเสียงแบบไม่ระบุชื่อ ตราบใดที่บุคคลนั้นได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 2 ใน 3 และมีที่ว่างในคณะ พวกเขาก็จะได้รับเลือกตั้ง
ต่อมาผลการเลือกตั้งก็จะได้รับการตรวจสอบและยืนยันโดยคณะกรรมการสามัญของแผนกวิชาการที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น ‘การพิจารณาครั้งสุดท้าย’ หลังจากได้รับการพิจารณาและอนุมัติโดยผู้นำของคณะนักวิชาการ นักวิชาการทั้งหมดที่ผ่านการคัดเลือกก็จะได้รับแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร
มหาวิทยาลัยจินไม่มีนักวิชาการใหม่มานานหลายปีและนักวิชาการจากภาควิชาฟิสิกส์ไม่กี่คนก็อายุมากกว่า 70 ปีแล้ว ในเวลานี้ ชื่อของลู่โจวได้รับการเสนอถึงสองสาขาวิชาที่แตกต่างกัน นี่เป็นสิ่งที่น่ายกย่องของการเฉลิมฉลองของมหาวิทยาลัยจินอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่น่ายกย่องของการเฉลิมฉลอง แต่ลู่โจวก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับการคัดเลือกนักวิชาการมากนัก เขาตอบกลับอีเมลแสดงความยินดีจากหวังเจิงกวง หลี่เจี้ยนกัง และนักวิชาการเก่าคนอื่นๆ อีกหลายคนจากห้องปฏิบัติการวัสดุก่อสร้างแห่งสถาบันฟู่หยาง
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนเหล่านี้คือคนที่เสนอชื่อเขา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจการเสนอนั้นจริงๆ แต่เขาก็ยังคงต้องขอบคุณคนที่ทำการเสนอชื่อเขาไป
ลู่โจวเอาความสนใจส่วนใหญ่ของเขาไปไว้ที่กระสวยอวกาศ
แม้ว่าการปล่อยยานสกายโกลว์จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำการปรับปรุง
การปล่อยยานครั้งถัดไปมีกำหนดการก่อนถึงตรุษจีน ซึ่งก็เหลือเวลาอีกประมาณสองเดือน เขาไม่มีเวลาจะให้เสียแล้ว
แม้ว่าลู่โจวจะเก็บเรื่องการคัดเลือกนักวิชาการเอาไว้แบบไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่คนอื่นๆ อีกมากมายกลับวุ่นวายกับเรื่องนี้
ลู่โจวอยู่ในจินหลิง กำลังจัดการประชุมกับนักออกแบบสกายโกลว์ ในทางกลับกัน นักวิชาการหวังซื่อเฉิง ผู้อำนวยการแผนกฟิสิกส์เชิงคณิตศาสตร์ ผู้ซึ่งรับผิดชอบการเลือกตั้งนักวิชาการ อยู่ในห้องทำงานของแผนกทรัพยากรบุคคลของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน
ผู้อำนวยการเฉียน ผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขา หยุดเขียนแล้วหันไปขอให้ผู้ช่วยของเขารินชาใส่ถ้วยให้นักวิชาการหวัง
“วันนี้ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่?”
หวังซื่อเฉิงจิบชาแล้วถอนหายใจ
“จะมีเรื่องอื่นได้อีกเหรอ?”
“ให้ผมเดานะ…” ผู้อำนวยการเฉียนยิ้มและพูดว่า “นี่เป็นเพราะลู่โจวใช่ไหม?”
หวังซื่อเฉิงไม่ได้ตอบอะไร เขาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและพูดขึ้นว่า
“มันไม่ง่ายที่จะจัดการเรื่องนี้เลย”
การเลือกตั้งนักวิชาการเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับคณะกรรมการสามัญของแผนกวิชาการต่างๆ
แวดวงวิชาการของจีนถูกแยกออกมาต่างหากและมีระบบของตัวเอง สำหรับนักวิชาการชาวจีนส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากสำหรับพวกเขาในการได้รับเกียรติระดับนานาชาติซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าตำแหน่งทางวิชาการ ดังนั้นตำแหน่งนักวิชาการจึงเป็นเป้าหมายสูงสุดของนักวิชาการภายในประเทศถึง 99 เปอร์เซ็นต์
การมีตำแหน่งของนักวิชาการจะช่วยเพิ่มอำนาจและฐานะของพวกเขาให้มากขึ้นสองเท่า และโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาก็จะสามารถทำงานที่สถาบันวิจัยหรือมหาวิทยาลัยแห่งใดก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ
ไม่ต้องพูดถึงว่ามีนักวิชาการเพียงไม่กี่คนที่ได้รับตำแหน่งนั้น
ดังนั้นจึงมีการแข่งขันอย่างดุเดือดมากระหว่างผู้สมัคร
อย่างไรก็ตาม…
สถานการณ์ของลู่โจวนั้นแตกต่างออกไป
ผู้สมัครทั้งหมดปล่อยให้เขาอยู่ลำพัง ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว นี่น่าจะเป็นเรื่องที่ดี ทุกคนคงจะลงคะแนนเสียงให้เขา และตำแหน่งนั้นก็จะตกเป็นของเขา
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ชายคนนี้ประหลาดจนเกินไป เขาอยู่ในรายชื่อการเลือกตั้งขั้นต้นทั้งสำหรับสถาบันวิศวกรรมและสถาบันวิทยาศาสตร์
มันจึงเป็นที่แน่ชัดว่าหัวหน้านักออกแบบของโปรเจกต์พลังงานฟิวชันควรจะอยู่ในกระทรวงพลังงาน ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ลู่โจวจะได้เป็นหัวหน้าภาควิชาหลังจากเวลาไม่กี่ปีหรืออย่างน้อยก็ได้เป็นผู้อำนวยการ
หลังจากนั้นปัญหาก็คือ ด้วยสถาบันวิศวกรรมกำลังจะมอบตำแหน่งทางวิชาการให้กับเขาอย่างแน่นอน ฉะนั้นแล้วจะเกิดประเด็นหรือไม่ถ้าสถาบันวิทยาศาสตร์จะมอบตำแหน่งให้เขาอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย?
มีนักวิชาการหลายคนที่มีตำแหน่งทางวิชาการสองตำแหน่ง แต่ก็ได้รับรางวัลสองรางวัลในปีเดียวกัน…
นั่นเป็นเรื่องที่น่าขันนิดหน่อย
มีศาสตราจารย์สูงวัยที่ประสบความสำเร็จมากมายที่ยังเข้าแถวรอคิวอยู่และบางคนก็ได้สร้างผลงานการวิจัยสำคัญๆ มันออกจะไม่เหมาะสมสักหน่อยที่จะให้คนอื่นได้ตำแหน่งทางวิชาการ 2 ตำแหน่งในคราวเดียวกัน
หวังซื่อเฉิงมองผู้อำนวยการเฉียน ผู้ซึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะของเขา แล้วพูดขึ้นว่า “ผมได้ยินมาว่าคนจากสถาบันวิศวกรรมก็จะเลือกเขาด้วย ผมสงสัยว่าเราควรขอให้ปีนี้พวกเขาเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วเลือกลู่โจวในปีหน้าแทนไหม ถ้าใช้วิธีนี้ ลู่โจวก็จะได้ไม่ต้องรับสองตำแหน่งในรอบเดียวกัน”
“อ้อ” ผู้อำนวยการเฉียนยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นบอกผมหน่อยว่าหนุ่มสาวผู้มีความสามารถจากมหาวิทยาลัยเหยียนคนไหนที่จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าศาสตราจารย์ลู่?”
หวังซื่อเฉิงไม่ได้ตอบอะไร
นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาลำบากใจ
การยืดเวลาของลู่โจวออกไปเป็นความคิดที่ดี…
แต่เหรียญฟิลด์และรางวัลโนเบลก็เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าจะเพิกเฉยได้ ไม่ต้องพูดถึงเหรียญหลิงหยุน ไม่สามารถเอาใครมาแทนที่ลู่โจวได้ ลืมแวดวงในประเทศไปได้เลย ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะเป็นผู้สมัครที่ดีกว่าเขาแล้ว
“ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไง ผมก็เลยมาหารือกับคุณที่นี่ เราจะทำทุกอย่างที่คุณคิดว่ามันเหมาะสม” หวังซื่อเฉิงพูด
ผู้อำนวยการเฉียนสั่นหัวแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าคุณทำให้เรื่องนี้ซับซ้อนเกินไป”
หวังซื่อเฉิงถามว่า “ซับซ้อนเกินไปอย่างนั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง” ผู้อำนวยการเฉียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตำแหน่งทางวิชาการไม่ได้สำคัญสำหรับเขา ความเห็นของเขาได้รับการยกย่องอย่างสูงจากรัฐบาล ตำแหน่งทางวิชาการอย่างมากก็เป็นแค่น้ำตาลไอซิ่งบนหน้าเค้ก”
ดวงตาของหวังซื่อเฉิงเป็นประกาย แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า “คุณหมายความว่า…มันจะไม่เป็นไรใช่ไหมถ้าเรายืดเวลาเรื่องนี้ออกไปจนกระทั่งถึงรอบหน้า?”
ผู้อำนวยการเฉียนตอบว่า “เปล่า ผมหมายถึง…สำหรับเขาน่ะมันไม่เป็นไรหรอก แต่มันสำคัญมากกับพวกเรา”
หวังซื่อเฉิง “…”
……………………………….