[ตะลึง! อเมริกันเริ่มโปรเจกต์ “แอรีส” เป้าหมายของพวกเขาคือดาวอังคาร!]
ภายในห้องทำงานที่อยู่ท้ายสุดของทางเดินของแผนกคณิตศาสตร์ในมหาวิทยาลัยจินหลิง
ลู่โจวกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขาโดยที่เข้าดูอินเทอร์เน็ตไปด้วย เขาได้อ่านพาดหัวข่าวที่เตะตานี้
หลังจากที่เขาอ่านบทความฉบับเต็ม เขาก็สั่นหัวแล้วยิ้มออกมา
“ดูแล้วเหมือนพวกอเมริกันกำลังรู้สึกทึ่ง”
ตามบทความในข่าว นาซาจะเริ่มโปรเจกต์ ‘แอรีส’ เพื่อตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารภายในปีนี้ และจะแยกโปรเจกต์ทั้งหมดออกมาเป็นโปรเจกต์ย่อยหลายๆ โปรเจกต์ แล้วจัดสรรไปให้สเปซ-เอ็กซ์ บลู ออริจิน และบริษัทด้านการบินและอวกาศอื่นๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก
ตามข้อมูลที่เปิดเผยออกมา โปรเจกต์ทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือการส่งอุปกรณ์ในการช่วยชีวิตไปยังพื้นผิวของดาวอังคาร
หลังจากที่พวกเขายืนยันว่าอุปกรณ์ช่วยชีวิตนี้สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี แผนในการปล่อยครั้งที่สองก็จะเริ่มต้นขึ้น
ซึ่งก็คือการปล่อยยานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมไปยังดาวอังคารและส่งนักบินอวกาศ 2-3 คนไปเพื่อเตรียมแผนการตั้งอาณานิคมในอนาคต
ลู่โจวประหลาดใจที่เห็นการประกาศที่กะทันหันนี้จากนาซา เขาตกใจตรงที่สภาคองเกรสสหรัฐอเมริกาอนุมัติงบประมาณรวดเร็วมาก
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังรู้ด้วยว่าเหตุใดเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น
ไม่ใช่แค่จีนจะดำเนินการตามนโยบายการบินและอวกาศ แต่เทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนยังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กระตุ้นสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอน
ไม่ต้องพูดถึงโปรเจกต์การ์เด้นและโปรเจกต์ส่งคนไปดวงจันทร์ที่จะเกิดขึ้นช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ไม่ใช่แค่ทำเนียบขาวจะเป็นพยานในการตัดสินใจไปสำรวจทรัพยากรนอกโลกของจีน แต่ทำเนียบขาวยังเกรงกลัวเรื่องนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีอวกาศไม่ใช่แค่เกี่ยวข้องกับการป้องกันราชอาณาจักร แต่มันยังเกี่ยวข้องกับเกียรติยศและชื่อเสียง
ดังนั้นนาซาจึงไม่ได้มีปัญหาใดๆ กับสำนักงบประมาณของสภาคองเกรสสหรัฐอเมริกา
ในทางตรงกันข้ามแม้ว่านาซาจะมีความทะเยอทะยานอย่างมาก แต่ลู่โจวก็ยังต้องยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาเป็นคู่ต่อสู้ด้านการบินและอวกาศที่แข็งแกร่ง
ในช่วงทศวรรษ 1960 พวกเขาได้เสร็จสิ้นการบินครั้งแรกของจรวดแซเทิร์น 5 ด้วยความจุในการขนส่งสำหรับวงโคจรต่ำของโลกสูงถึง 140 ตัน และอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 13/13 ในฐานะตัวแทนของแซเทิร์น 5 จรวด SLS เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นพาหนะขนส่งยานที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์
ในทางตรงกันข้าม ลองมาร์ช 5 ซึ่งจีนได้ส่งขึ้นสู่อวกาศครั้งแรกในปี 2016 มีความจุในการขนส่งสำหรับวงโคจรต่ำของโลกแค่เพียง 25 ตัน และอัตราความสำเร็จแค่ 1/2
แม้ว่าระบบการขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนที่สกายโกลว์ใช้จะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่มีความจุในการขนส่งสำหรับวงโคจรต่ำของโลกนั้นแค่ 50 ตัน เนื่องด้วยแรงขับดันที่ต่ำจากเครื่องขับดันพลังไอออน จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะเพิ่มความจุในการขนส่ง
ที่สำคัญกว่านั้นไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่วิจัยเรื่องเครื่องขับดันพลังไอออน
ก่อนที่เขาจะออกจากพรินซ์ตัน พีพีพีเอลกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาตัวผลักดันผลกระทบฮอลล์เพื่อการสำรวจอวกาศเชิงลึกที่ไกลกว่าดวงจันทร์…
ลู่โจววางถ้วยกาแฟของเขาลง เขากำลังจะกินมื้อเที่ยงเสร็จและกลับไปทำงานต่อในตอนที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากนอกห้อง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
ก่อนที่หลินอวี่เซียงจะลุกขึ้นแล้วไปเปิดประตูได้ เสียงชัดใสก็ดังผ่านห้องทำงานเข้ามาเสียก่อน
“ไม่ได้เจอกันนานนะครับ ศาสตราจารย์ลู่”
“เลขาธิการหยาง?” ลู่โจวหยุดเขียนแล้วมองไปที่ประตูห้องทำงาน เขายืนขึ้นแล้วถามว่า “คุณมาทำอะไรครับ?”
เลขาธิการหยางเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีตำแหน่งสูงสุดเป็นลำดับสองของกระทรวงการต่างประเทศ
ลู่โจวเคยพูดคุยกับเขาสั้นๆ ที่งานเลี้ยงระดับประเทศ เขาคือผู้ส่งบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ห้องโถงสีน้ำเงินในสตอกโฮล์มและการประชุมฟิวชั่นที่ควบคุมได้ระดับนานาชาติมาให้ลู่โจวในนามของกระทรวงการต่างประเทศ
น่าเสียดายที่ลู่โจวไม่สามารถจะไปเข้าร่วมได้
“ผมมาที่นี่เพื่อพบคุณ” ชายสูงวัยยิ้มแล้วเดินเข้ามาในห้องทำงาน “ผมตั้งใจมาช่วงพักเที่ยง ผมคงไม่ได้มารบกวนการทำงานของคุณใช่ไหมครับ?”
“ไม่เลยครับ เชิญนั่งก่อน… หลินอวี่เซียงชงชามาเสิร์ฟหน่อย”
“ได้ค่ะ!”
ผู้ช่วยหลินทำงานที่นี่มาเกินหนึ่งปีแล้ว ดังนั้นเธอย่อมรู้ดีว่าต้องทำอะไรบ้าง
ไม่เกินห้านาที ถ้วยชาร้อนและถ้วยกาแฟสำเร็จรูปก็ถูกนำมาวางเสิร์ฟบนโต๊ะรับแขก
เลขาธิการหยางนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับลู่โจว เขาจิบเครื่องดื่มก่อนจะพูดว่า “ชานี่รสชาติดีนะ”
ลู่โจวยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแต่ไม่ได้พูดอะไร
เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วเขาจะไม่ดื่มชา ทุกปีเขาจะเอาชาจากปักกิ่งกลับมาฝากเหล่าศาสตราจารย์ในแผนกคณิตศาสตร์
ชาในออฟฟิศนี้จริงๆ แล้วเป็นชาราคาถูกที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต
เลขาธิการหยางวางถ้วยชาลงแล้วมองมาที่ลู่โจว จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณชอบกาแฟเหรอ?”
ลู่โจวกระแอมแล้วพูดว่า “ค่อนข้างชอบครับ ชารสอ่อนไปหน่อยสำหรับผม ผมชอบรสเข้มๆ ของกาแฟ”
เลขาธิการหยางยิ้มและพูดว่า “ฮ่าฮ่า ผมรู้ว่าคุณชอบกาแฟ ผมก็เลยเอาเมล็ดกาแฟที่เพื่อนต่างชาติให้ผมมาให้คุณด้วย”
ลู่โจวรีบพูดว่า “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่คุ้นกับการบดเมล็ดกาแฟ ผมดื่มเฉพาะกาแฟสำเร็จรูปครับ”
“คุณมีรสนิยมที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์นะ ก็ได้ งั้นเดี๋ยวผมเก็บเมล็ดกาแฟไว้ชงกินเอง” เลขาธิการหยางยิ้มแล้วสั่นหัว เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เหตุผลที่ผมมาที่จินหลิงก็เพราะมีการประชุมสุดยอดด้านการทูตที่สำคัญมากที่นี่ อีกอย่างคือผมต้องการจะถามคำถามบางอย่างจากคุณในนามของพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วย”
ลู่โจววางถ้วยกาแฟลงแล้วจ้องมองด้วยความแปลกใจ
ถามคำถามฉันเหรอ?
คำถามอะไรกัน?
“มันคือเรื่องข่าวลือล่าสุดเกี่ยวกับโปรเจกต์การ์เด้น คุณต้องเคยได้ยินมาบ้างล่ะ” เลขาธิการหยางนิ่งไปชั่วครู่แล้วพูดต่อว่า “ข่าวลือระดับนานาชาติ”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมก็ได้ยินมาบ้าง…ทำไมเหรอครับ?”
เลขาธิการหยางโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก มันก็แค่เกี่ยวกับแวดวงวิชาการนานาชาติ เมื่อสองวันก่อนสมาพันธ์วิทยาศาสตร์ชีวภาพนานาชาติกับสภาวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศส่งจดหมายมาถึงเรา พวกเขาต้องการจะเข้าร่วมโปรแกรมพื้นที่ชีวมณฑลเทียมของเราด้วย”
ลู่โจวพอจะรู้เลาๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาพยักหน้าอย่างครุ่นคิดแล้วถามว่า “ทางรัฐต้องการอะไรครับ?”
“รัฐยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอเช่นกัน” เลขาธิการหยางมองมาที่ลู่โจวแล้วกล่าวว่า “รัฐอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถึงแม้เราจะต้อนรับนักวิชาการนานาชาติให้มาเข้าร่วมในโปรเจกต์นี้ แต่โปรเจกต์นี้ก็เกี่ยวข้องกับการบินและอวกาศ ความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องล้วนยากที่จะประเมินได้ เพราะผมมาที่จินหลิง พวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงก็เลยขอให้ผมมาถามความคิดเห็นของคุณ”
เขามองลู่โจวอย่างเคร่งขรึมก่อนจะพูดต่อไปว่า “คุณคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรดี?”
…………………………..