การไปดวงจันทร์เป็นแค่ขั้นตอนแรกเท่านั้น
สำหรับพวกนักวิจัยที่เป็นคนส่งนักบินอวกาศไปดวงจันทร์แล้วนั้น สิ่งที่สำคัญจริงๆ ก็คือเกิดอะไรขึ้นหลังจากพวกเขาลงไปเหยียบดวงจันทร์สำเร็จ
วัสดุบางอย่างจากยานลงดวงจันทร์ถูกลำเลียงลงรถสำรวจดวงจันทร์ เนี้ยเหยียนนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ เธอสตาร์ตเครื่องยนต์แล้วขับตรงไปหาหลุมที่ใกล้ที่สุด หลิวเจิ้งเหวินนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับผู้ช่วย
เขาจ้องไปที่หลุมที่อยู่ไกลๆ เมื่อเขามองไปทางดาวเคราะห์สีน้ำเงิน เขาก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า
“ที่นี่ค่อนข้างเงียบเหงานะ”
“ใช่”
ทั้งสองคนไม่ได้คุยกันมากนัก
รถสำรวจดวงจันทร์จอดข้างหลุมอุกกาบาต หลิวเจิ้งเหวินลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ เขาเห็นเสาปักอยู่กลางพื้นใกล้กับหลุม
“สิ่งนี้…”
“สิ่งนี้น่าจะเป็นธงของสหรัฐอเมริกา เห็นได้ชัดว่า ตอนนั้นพวกเขาใช้ธงไนลอน ธงได้รับความเสียหายจากรังสีคอสมิก จึงมีเพียงเสาธงที่เหลืออยู่…เปิดกล้องที่ตัวคุณได้เลย”
หลิวเจิ้งเหวินเพิ่งนึกขึ้นได้
เขารู้เรื่องความเสียหายจากรังสีคอสมิกที่มีต่อวัสดุไนลอนอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นคนที่มีวุฒิการศึกษาสูงที่สุดในหมู่นักบินอวกาศทั้งสามคน เสาธงก็น่าจะเปราะจากการโดนลมสุริยะเหมือนกัน
“ผมเปิดมันตั้งแต่ที่ออกมาจากยานสำรวจดวงจันทร์แล้ว”
เนี้ยเหยียนหยิบธงออกมาจากรถสำรวจดวงจันทร์แล้วพยักหน้า
“อ้อเหรอ? ดีเลย”
หลิวเจิ้งเหวินมองเนี้ยเหยียนเดินตรงที่ไปที่ใจกลางหลุม ในมือของเธอถือเสาธงไว้
“แล้วพวกเราจะเอาอย่างไรดี?”
“พวกเราต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดของพวกเขาสิ ตราบใดที่ไม่โดนอุกกาบาตพุ่งชน ธงนี้ก็จะอยู่ที่นี่ได้ถึงร้อยปีเลยนะ”
ธงชาติสีแดงสดถูกปักลงไปที่พื้นดินของดวงจันทร์อย่างแน่นหนา ขาตั้งสามเหลี่ยมข้างใต้เสาก็กางออกมา
เนี้ยเหยียนยิ้มมุมปาก เธอยกแขนขึ้นมาแล้วปัดฝุ่นดวงจันทร์จากหน้ากาก แล้วก็พูดขึ้นว่า “นี่เป็นขั้นแรก…สักวันหนึ่ง ทั้งดวงจันทร์จะเต็มไปด้วยธงสีแดงสด”
หลิวเจิ้งเหวินรู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นแรง
เขานึกย้อนกลับไปว่าทำไมเขาถึงเลือกมาเส้นทางนี้
เขานึกย้อนกลับไปถึงคำสาบานตอนที่เขาลงชื่อเข้ากระบวนการคัดเลือกนักบินอวกาศ
“ดวงจันทร์มันเล็กเกินไป”
เนี้ยเหยียนมองหลิวเจิ้งเหวินแล้วเลิกคิ้ว
“อย่างนั้นเหรอ?”
หลิวเจิ้งเหวินจ้องไปที่ดาวเคราะห์สีน้ำเงินบนท้องฟ้าแล้วยิ้มออกมา
“ดวงจันทร์มันน่าเบื่อ สักวันหนึ่ง พวกเราจะปักธงนี้ที่ดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลกว่าแถบไคเปอร์เสียอีก”
เนี้ยเหยียนยิ้มแล้วเริ่มเดินกลับไปที่รถสำรวจดวงจันทร์
“โอเค ตรงนี้พอแล้ว เรากลับไปทำงานกันดีกว่า”
พวกเขาไม่ได้มาพักร้อนที่นี่
การปักธงชาติลงดวงจันทร์เป็นแค่ขั้นแรกเท่านั้น
พวกเขายังมีอีกหลายอย่างให้ทำ
…
เวลาบนดวงจันทร์เป็นสิ่งที่มีค่า
อาหาร น้ำสะอาด และออกซิเจนบนยานสำรวจดวงจันทร์มีจำนวนมากพอจะช่วยยังชีพนักบินอวกาศสองคนบนพื้นผิวของดวงจันทร์ได้แค่ 48 ชั่วโมงเท่านั้น การออกมานอกยานอวกาศทุกครั้งจะออกมาได้เพียง 4-6 ชั่วโมง พวกเขาต้องเดินทางกลับไปที่ยานสำรวจดวงจันทร์บ่อยๆ เพื่อกินและดื่ม เหลือเวลาไม่มากให้พวกเขาทำภารกิจ
หลังจากที่พวกเขาปักธงแล้ว ทั้งสองก็กลับเข้าไปในรถสำรวจดวงจันทร์และขับไปรอบๆ หลุมอุกกาบาต แล้วพวกเขาก็ไปหยุดที่พื้นที่ราบใกล้กับสันเขา
ตามการคำนวณของคอมพิวเตอร์แล้ว โอกาสที่อุกกาบาตจะพุ่งชนพื้นที่นี้มีอยู่ต่ำมาก
ถึงแม้จะเป็นเพียงการคาดการณ์ความเป็นไปได้ แต่พื้นที่นี้ก็ควรค่าแก่การศึกษา
หลังจากที่รถสำรวจดวงจันทร์จอด หลิวเจิ้งเหวินก็ดึงเครื่องแปลงสัญญาณอินฟราเรดออกมาวางไว้บนพื้นตามแบบที่ได้ฝึกมา จากนั้นเขาก็กลับเข้าไปในรถสำรวจดวงจันทร์แล้วขับออกไปจากพื้นที่
หลังจากนั้นไม่นาน วัตถุทรงสี่เหลี่ยมสีดำก็ถูกส่งออกมาจากสกายโกลว์ ด้วยความช่วยเหลือจากเครื่องเจ็ทพลังน้อย มันค่อยๆ ลงจอดที่พื้นผิวดวงจันทร์
หลังจากที่เคลียร์ฝุ่นดวงจันทร์ออกไปแล้ว รถสำรวจดวงจันทร์ก็กลับเข้ามาในพื้นที่อีกรอบ
หลิวเจิ้งเหวินลงจากรถแล้วดึงดาต้าเคเบิ้ลพิเศษออกมาจากชุดอวกาศ เขาต่อสายเข้ากับอุปกรณ์สีดำ
หลังจากนั้นไม่นาน แถบความสำเร็จก็ปรากฏบนหน้าจอที่ติดอยู่กับแขนของเขา
แถบความสำเร็จขึ้นว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว อินเตอร์เฟสหน้าตาเรียบง่ายปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
“…นี่ทีมวิจัยวิทยาศาสตร์ของดวงจันทร์นะ ศูนย์ปลูกพืชบนอวกาศถูกติดตั้งสำเร็จแล้ว อุปกรณ์มีสภาพปกติดี”
เสียงของเนี้ยหยุนดังออกมาจากช่องทางสื่อสาร
“เช็กสภาพของตัวทดลองด้วย”
“รับทราบ”
ศูนย์ปลูกพืชบนอวกาศครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 15 ตารางเมตร อันที่จริงมันค่อนข้างมีพื้นที่กว้างพอสมควร นับตั้งแต่ที่ศูนย์ปลูกพืชบนอวกาศถูกติดตั้งโดยสมบูรณ์
ส่วนประกอบหลักๆ ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนใหญ่จะเป็นการปลูกห้องที่เอาไว้ใช้ปลูกผัก เช่น มันฝรั่งกับแคร์รอต ส่วนย่อยๆ จะอยู่ที่หัวมุมของศูนย์ปลูกพืช ซึ่งมีหนูขาวอยู่ 10 ตัว
หนูขาว 6 ตัวถูกแบ่งให้อยู่ใน 3 ห้อง โดยที่แต่ละห้องจะมีตัวผู้กับตัวเมียอยู่อย่างละ 1 ตัว หนูตัวที่เหลือถูกทำให้เป็นหมัน แล้วปล่อยให้ไปอยู่ในห้องแยก
ตราบใดที่ยังมีไฟฟ้า ระบบหมุนเวียนแก๊สก็จะสร้างออกซิเจนต่อไป อีกทั้งยังมีน้ำดื่มและอาหารที่พออยู่ได้ถึง 1 ปี เมื่อระบบตรวจจับได้ว่าหนูตาย มันจะเปิดระบบแช่แข็งขึ้นมา ระบบนี้จะแช่แข็งไม่ให้หนูเน่าเปื่อย
ส่วนหนูที่มีชีวิตอยู่นานกว่า 1 ปีนั้น
ก็ไม่มีความจำเป็นอะไร
ศูนย์ปลูกพืชบนอวกาศเป็นเพียงแค่การทดลองว่าจะสามารถปลูกพืชบนพื้นผิวดวงจันทร์ให้คุ้มค่าได้หรือไม่ และยังเพื่อทดสอบผลกระทบในระยะยาวของสภาพแรงโน้มถ่วงต่ำกับสุขภาพของสิ่งมีชีวิต
ตราบใดที่หนูพวกนี้ยังใช้ชีวิตได้นานกว่า 3 เดือน การทดลองก็นับว่าประสบความสำเร็จ
หลังจากที่หลิวเจิ้งเหวินตรวจสอบศูนย์ปลูกพืชบนอวกาศเสร็จแล้ว สิ่งแรกที่เขาทำต่อก็คือตรวจสุขภาพของหนูแต่ละตัว
บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกมันไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแรงโน้มถ่วงต่ำของดวงจันทร์ก็ได้ หนูบางตัวจึงดูกระวนกระวาย ยังดีที่พวกมันยังมีชีวิตและขยับไปมาได้อยู่
หลิวเจิ้งเหวินไม่แน่ใจนักว่าพวกมันจะมีชีวิตรอดได้ไหม เขาภาวนาอย่างเงียบๆ ให้เจ้าตัวน้อยที่สละชีวิตตัวเองเพื่อวิทยาศาสตร์
หลังจากที่เขายืนยันแล้วว่าตัวทดลองทุกตัวอยู่ในสภาพที่ดีปกติ เขาจึงตรวจสอบสถานะของศูนย์ปลูกพืชที่กำลังทำงาน สุดท้าย เขาจึงตัดการเชื่อมต่อระหว่างสายเคเบิ้ลส่งข้อมูลกับชุดอวกาศของเขา และรายงานสถานการณ์ให้เนี้ยหยุนกับสกายโกลว์
“…นี่ทีมวิจัยวิทยาศาสตร์ของดวงจันทร์นะ ตัวทดลองที่ศูนย์ปลูกพืชบนอวกาศทุกตัวมีชีวิตรอด แรงดัน อุณหภูมิ และความสมดุลของคาร์บอน-ออกซิเจนอยู่ในระดับปกติ”
“ทำได้ดีมาก! เตรียมตัวทำภารกิจต่อไป”
“รับทราบ”
ภารกิจต่อไปคือการเก็บดินบนดวงจันทร์มา
ตัวอย่างดินและอุกกาบาตจากดวงจันทร์ที่ถูกเก็บไว้โดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีนนั้นถูกเก็บจากยานอวกาศที่ควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรลมาเป็นเวลานาน นี่เป็นครั้งแรกที่ประเทศจีนเก็บดินดวงจันทร์ด้วยมือมนุษย์เอง
หลิวเจิ้งเหวินมองไปทางภูเขาสีเทาแล้วยิ้มออกมา
เพราะเขาเคยทำงานกับสถาบันวิจัยดวงจันทร์และดวงดาวแห่งประเทศจีนมาก่อน เขาจึงรู้ดีว่าดินพวกนี้มีค่ามากแค่ไหน
ดินพวกนี้ไม่สามารถวัดค่าได้ด้วยเงิน
ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักในการขนย้ายแล้วล่ะก็ เขาเต็มใจที่จะขุดดินเพิ่มอีกด้วยซ้ำ
“เร่งมือเข้า พวกเราไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ” เนี้ยเหยียนหยิบตัวอย่างดินดวงจันทร์เข้าไปในถุงใส่ตัวอย่าง เธอเหลือบไปมองเครื่องตรวจจับที่แขนของเธอแล้วพูดขึ้นว่า “จุดเก็บตัวอย่างจุดถัดไปของเราคือหลุมอุกกาบาตที่ห่างไป 2 กิโลเมตร พวกเราต้องเดินทางให้ไวกว่านี้”
หลิวเจิ้งเหวินเริ่มใช้จอบขุด
“รับทราบ”
……………………………………