ในขณะที่ประเทศจีนกำลังเฉลิมฉลองกับชัยชนะในการกลับมาของฮีโร่ของพวกเขา ข่าวเรื่องการประสบความสำเร็จในการเดินทางกลับโลกของสกายโกลว์ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกผ่านทางรายงานข่าวจากสื่อและคำแถลงต่อสาธารณชนของนาซา อีเอสเอ[1] รอสคอสมอส และองค์กรอื่นๆ
แทบจะทุกคนต่างก็ช็อกเมื่อได้ยินข่าว
ก่อนหน้านี้ สื่ออเมริกันกำลังทำรายงานสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญของนาซาที่เกี่ยวข้องอยู่ ผู้เชี่ยวชาญของนาซาเชื่อว่า สกายโกลว์มีความสามารถในการขนของน้ำหนัก 25 ตันไปยังวงโคจรที่โลกหมุนรอบดวงจันทร์จริง แต่เนื่องจากแผนการไปดวงจันทร์เป็นแผนที่เร่งรีบ ประเทศจีนอาจจะต้องเผชิญกับความล้มเหลวเช่นเดียวกับประเทศรัสเซียก่อนหน้านี้
แต่พวกเขาก็ถูกความเป็นจริงฟาดกลางแสกหน้าเข้าเต็มๆ
ไม่เพียงแต่สกายโกลว์จะประสบความสำเร็จในการเดินทางกลับมาที่จุดปล่อยยานของเมืองจินหลิง แต่มันยังพานักบินอวกาศทั้งสามกลับมาอย่างปลอดภัย พร้อมกับดินดวงจันทร์อีก 1 กิโลกรัมด้วย
ถึงแม้พวกเขาจะไม่เต็มใจยอมรับความจริงนัก แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับกับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
ระบบการขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนของประเทศจีนทำให้อุตสาหกรรมการบินและอวกาศต้องสะเทือนทั้งวงการ แถมคนจีนยังวิ่งตามคนอเมริกันได้ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออีกด้วย
ถ้าวันนี้คนจีนสามารถไปเหยียบดวงจันทร์ได้ แล้ววันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? หรือวันมะรืนล่ะ?
ถึงแม้ว่ากว่า 50 ปีที่ผ่านมา นาซาจะประสบความสำเร็จมาบ้าง ระดับความเร็วในความคืบหน้าของพวกเขาก็ช้าลงอย่างไม่ต้องสงสัย แผนตั้งสถานีอวกาศบนดวงจันทร์ของนาซาถูกวางไว้ในปี 2022 ถึงแม้ว่าโปรเจกต์แอรีสจะสร้างกระแสตอบรับได้ดีมาก แต่ก็ยังไม่มีแผนอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันโผล่ออกมาเลย
ชาวอเมริกันทุกคนที่สนใจในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศต่างมีข้อสงสัยเต็มไปหมด บางคนถึงกับโมโหเสียด้วยซ้ำ
พวกเขากำลังสงสัยว่า นาซามัวทำบ้าอะไรอยู่?
ความเห็นของสื่ออเมริกันเริ่มค่อยๆ เปลี่ยนไปอีกทางหนึ่ง
สื่อไม่สนใจจะออกข่าวในเชิงมองว่าเทคโนโลยีการบินและอวกาศของจีนด้อยกว่าแต่อย่างใด พวกเขาพุ่งความโกรธไปที่นาซาโดยตรง นิวยอร์กไทมส์เล่นประเด็นนี้เป็นพิเศษ ครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้ไปสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญของนาซาคนไหนเลย แต่พวกเขาเล็งปืนไปทางนาซาด้วยการเผยแพร่หัวข้อข่าวที่น่าสนใจในหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุดของเขา
[ประเทศจีนได้ไปดวงจันทร์แล้ว พวกเรามัวทำอะไรกันอยู่?]
และในขณะที่นิวยอร์กไทมส์กำลังโจมตีนาซาอย่างดุเดือด ก็เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่ลอสแอนเจลิสไทมส์และวอชิงตันไทม์ก็กำลังโจมตีนาซาจากมุมอื่นด้วยเช่นกัน พวกเขาตั้งคำถามว่านาซาใช้งบประมาณจำนวนมากไปกับอะไร
CNN ถึงกับแนะนำให้ทีมสืบสวนพิเศษไปตรวจสอบงบประมาณที่นาซานำไปใช้ตลอดทั้งปี พวกเขาอ้างว่าอาจจะมีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลแอบซ่อนอยู่
ในอีกฝั่งหนึ่ง นาซาก็กำลังปวดหัวกับฝูงชนที่โจมตีเข้ามา
หากพูดอย่างเป็นกลางแล้ว ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ สหรัฐอเมริกาก็ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศค่อนข้างมาก ขอบเขตในการสำรวจของพวกเขาขยายไปจนถึงดาวพลูโต มียานอวกาศ 2 ลำที่ได้ออกไปโลดแล่นนอกระบบสุริยะด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จทั้งหมดนี้ก็ฟังดูไม่น่าประทับใจเท่ากับการให้คนไปเหยียบดวงจันทร์
สุดท้ายแล้ว ยานอวกาศที่พวกเขาสร้างมาก็เป็นแค่เครื่องจักรไร้ชีวิต มันไม่ได้น่าสนใจเท่าการพามนุษย์ไปยังดาวเคราะห์ที่อยู่นอกโลก
นาซาไม่ใช่องค์กรเดียวที่โดนโจมตี ปัญหานี้ได้แบ่งประเทศออกเป็นสองฝั่ง มันไม่ได้เป็นปัญหาแค่กับคนในวงการอีกต่อไป แต่กลายเป็นปัญหาทางการเมืองไปแล้ว
รัฐบาลอเมริกาสัญญาว่าจะทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
แต่สัญญาเหล่านั้นกลับไม่ได้รับการทำตาม
สื่อไม่ได้แค่โจมตีนาซาเท่านั้น แต่ยังโจมตีทำเนียบขาวอีกด้วย…
…
ณ ทำเนียบขาว
ด้านในห้องประชุม
มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยโผล่มาบ้างในห้อง ส่วนคนกลุ่มเดิมที่คุ้นๆ หน้ากันดีก็นั่งลงที่โต๊ะประชุม
ในขณะที่ท่านประธานาธิบดีเดินเข้ามา ทุกคนต่างยืนขึ้นเพื่อทำความเคารพ
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เชิญนั่งได้”
ท่านประธานาธิบดีนั่งลงและมองไปรอบๆ โต๊ะประชุม เขาจ้องไปทางผู้อำนวยการของนาซาที่ชื่อคาร์สัน แล้วพูดขึ้นว่า “ผมต้องการคำอธิบาย”
คาร์สันมองไปทางรองผู้อำนวยการของนาซา จากนั้นเขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วลุกขึ้นยืน
“พวกเราประเมินความมุ่งมั่นของประเทศจีนที่มีต่อวงการการบินและอวกาศต่ำไปครับ…รวมถึงยังประเมินความแข็งแกร่งในเรื่องนี้ของพวกเขาผิดไปด้วยเช่นกัน ระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนของพวกเขามีประสิทธิภาพเกินความคาดหมายของพวกเรา พวกเราไม่เคยคิดเลยว่า เครื่องขับดันพลังไอออนจะสามารถสู้กับเครื่องขับดันพลังเคมีรูปแบบเดิมได้อย่างสูสีครับ นี่แสดงให้เห็นว่าระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนนั้นใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแค่การหลบหนีจากแรงดึงดูดของแรงโน้มถ่วงโลก ทุกวันนี้ เราได้ร่วมมือกับพีพีพีเอล เอ็มไอที และสถาบันวิจัยอื่นๆ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องขับดันพลังไอออน…”
ท่านประธานาธิบดีตบโต๊ะขัดจังหวะการพูดของคาร์สัน เขาเลิกคิ้วแล้วถามอย่างหมดความอดทนว่า “นานแค่ไหน?”
คาร์สันนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วฝืนยิ้มออกมา
“เอ่อ…พวกเราไม่ได้คาดคะเนเวลาไว้ครับ พวกเรายังต้องทำเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ขนาดย่อส่วนก่อนครับ”
และก่อนที่พวกเขาจะสามารถทำเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ขนาดย่อส่วนขึ้นมาได้ พวกเขาก็ต้องหาวิธีในการทำเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นขึ้นมาให้ได้ก่อน ถึงแม้ลางสังหรณ์ของคาร์สันจะบอกเขาว่า การย่อส่วนฟิวชั่นที่ควบคุมได้จะไม่ได้ยากเหมือนที่เขาเคยคิดไว้ พวกเขาก็ยังห่างไกลเกินกว่าจะพัฒนาเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาได้
สุดท้ายแล้ว ตามที่ได้ทำข้อเจรจาเรื่องเทคโนโลยีไว้กับประเทศจีน พวกเขาจะต้องรอจนกว่าจะถึงปีหน้าจึงจะเข้าสู่ระยะของการร่างข้อตกลงกันได้
ยังไม่นับว่า ราคาที่ต้องจ่ายไปกับการทำข้อเจรจานั้นไม่ใช่น้อยๆ เลย…
ท่านประธานาธิบดีกล่าวว่า “ผมต้องการวิธีแก้ปัญหาตอนนี้ ผมไม่อยากได้ยินเรื่องความไร้ประสิทธิภาพอะไรนี่!”
คาร์สันแทบจะกระอักเลือด
อะไรวะเนี่ย?
เขาเป็นคนอยากได้คำอธิบายไม่ใช่หรืออย่างไรกัน?
ซึ่งก็แน่นอนว่า คาร์สันไม่กล้าพูดออกมาดังๆ หรอก
เขานิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “แน่นอนครับ พวกเราหากลยุทธ์ในการตอบโต้ได้แล้ว…ผมได้คุยกับท่านรองประธานาธิบดีก่อนหน้าการประชุมครั้งนี้แล้ว”
ในขณะที่ท่านประธานาธิบดีหันไปมองทางท่านรองประธานาธิบดี ชายสูงวัยที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งรองประธานาธิบดีก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้นมา
“ก่อนจะเข้าประชุม ผมได้คุยกับคุณคาร์สันแล้ว ข้อเสนอของเขานับว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว แม้จะเสี่ยงนิดหน่อยก็ตาม”
ถึงแม้ตำแหน่งรองประธานาธิบดีจะเป็นแค่เสือกระดาษทางการเมือง แต่เขาก็ยังมีบทบาทสำคัญในบางครั้ง
อย่างเช่น ในกรณีการกลับมาของสภาอวกาศแห่งสหรัฐอเมริกา
มีหลายเคสที่ท่านประธานาธิบดีไม่ได้ควบคุมเรื่องในวงการการบินและอวกาศโดยตรง ส่วนใหญ่แล้ว เรื่องพวกนั้นมักจะถูกดำเนินการโดยสำนักงานบริหารและท่านรองประธานาธิบดี
“เสี่ยงเหรอ?” ท่านประธานาธิบดีเลิกคิ้วแล้วหันไปมองคาร์สัน “เสี่ยงแบบไหน?”
คาร์สันสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยตอบว่า “ข้อเสนอของผมคือ ให้เริ่มขั้นแรกของโปรเจกต์แอรีสในทันที และส่งระบบดำรงชีพไปที่ดาวอังคารครับ!”
ท่านประธานาธิบดีเลิกคิ้วแล้วถามขึ้น “นี่คุณเรียกสิ่งนี้ว่าข้อเสนอเหรอ? ถ้าผมจำไม่ผิด ระบบดำรงชีพยังอยู่ในขั้นทดสอบอยู่เลย”
“ท่านพูดถูกแล้วครับ แต่พวกเรารอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เหมือนกับที่ท่านกล่าวมา พวกเราควรจะเชื่อใจวิศวกรของพวกเราครับ” คาร์สันสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดต่ออีก “ถ้าพวกเรานำกระบวนการบางอย่างที่ยุ่งยากเรื่องเยอะออกไป พวกเราจะสามารถส่งระบบดำรงชีพขึ้นไปยังดาวอังคารได้ในระยะเวลาสองเดือนครับ!”
เสียงถกเถียงเบาๆ ดังบนโต๊ะประชุม
หน้าผากของคาร์สันชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เขารู้ดีว่าข้อเสนอของเขามันเสี่ยงแค่ไหน
มันไม่ใช่แค่เสี่ยงธรรมดา เรียกได้ว่านำชีวิตของนักบินอวกาศไปพนันกับความเป็นความตายเลยด้วยซ้ำ
ยิ่งเมื่อหลังจากโศกนาฏกรรมที่โคลัมเบีย นี่ยิ่งฟังดูเหมือนไอเดียที่แย่ลงไปทุกทีๆ
ชายวัยกลางคนท่าทางจริงจังลุกขึ้นแล้วจ้องเขม็งไปทางคาร์สัน เขาพูดขึ้นมาว่า “ผู้อำนวยการคาร์สัน ผมอยากถามว่า ที่คุณพูดถึงกระบวนการบางอย่างที่ยุ่งยากเรื่องเยอะนี่ คุณกำลังหมายถึงกระบวนการทดสอบที่จำเป็นหรือเปล่าครับ?”
คาร์สันมองไปทางที่ปรึกษาการบริหารของท่านประธานาธิบดีแล้วเอ่ยขึ้นว่า “กระบวนการทดสอบพวกนั้นไม่ได้จำเป็นหรอก…อันที่จริงแล้ว พวกเรามั่นใจว่าพวกเราสามารถทำระบบดำรงชีพให้ใช้งานได้อย่างน้อยสองปีด้วยซ้ำไปครับ”
ผู้ชายคนนั้นถามต่อ “แล้วคุณมั่นใจได้อย่างไร?”
คาร์สันพูดไม่ออก ก่อนที่เขาจะตอบคำถามอะไร ท่านประธานาธิบดีก็พูดขึ้นมาก่อน
“เขาพูดถูกแล้ว
พวกเราจะต้องยืดหยุ่นให้มากกว่านี้ ยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าคู่อริของเราด้วยแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่สภาอวกาศแห่งสหรัฐอเมริกาต้องการหรืออย่างไร?”
ท่านรองประธานาธิบดียิ้มแล้วจัดแจงเนกไทของเขาให้เข้าที่
นี่เป็นหนึ่งในสถานการณ์อันหาได้ยากครั้งหนึ่งที่เขารู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญมาก
คนในห้องประชุมกำลังกระซิบกระซาบกัน และชายที่พูดโจมตีคาร์สันก่อนหน้านี้ก็เริ่มลังเล
จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ท่านประธานาธิบดี ผมต้องขอบอกท่านว่า นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไรเลยนะครับ”
“อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ก็ได้ การทดสอบก็ไม่จำเป็นต้องทำในทะเลทรายแอริโซนาเสียหน่อย เราทำบนดาวอังคารก็ได้นะครับ” คาร์สันบอก เขาพูดต่อไปว่า “พวกเราสามารถส่งระบบดำรงชีพไปที่ดาวอังคารก่อน จากนั้นค่อยยืนยันว่ามันได้ผลไหม ถ้ามันได้ผล พวกเราก็ส่งนักบินอวกาศไปได้ครับ”
ถึงแม้เขาจะไม่ได้มั่นใจในไอเดียที่แสนเสี่ยงนี้นัก เขาก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
นาซาต้องการชัยชนะ
ประเทศอเมริกาต้องการชัยชนะ!
ถ้ามีอะไรผิดพลาด ก็ทนยอมรับคำด่าคำติฉินแล้วลาออกไป
คาร์สันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“ทำตามที่เขาบอกซะ แล้วก็ส่งระบบดำรงชีพไปที่ดาวอังคารสำหรับการทดสอบนี่ด้วย” ท่านประธานาธิบดีพูดในขณะที่ใช้ปากกาโลหะเคาะโต๊ะประชุมเป็นจังหวะ เขาพูดต่อว่า “พวกเราไม่มีเวลาให้เสียมากไปกว่านี้แล้ว ประเทศจีนต้องการทำสงครามกับพวกเรา! ทุกๆ นาทีมีค่า!”
ท่านประธานาธิบดีส่งสายตาที่มีความหมายให้กับคาร์สัน
“คุณคาร์สัน ผมหวังว่าผมจะได้เปิดขวดแชมเปญฉลองให้คุณในอีกสองเดือนข้างหน้านะ อย่าทำให้ผมผิดหวังซะล่ะ”
หน้าผากของคาร์สันมีเหงื่อหยด
แต่เขาก็ยังกำมือขวาแน่นชิดกับอกแล้วให้คำสัญญาออกมา
“ผมสัญญาครับท่าน
พระเจ้าจะอยู่ข้างเรา!”
…………………………………………
[1] (ESA) European Space Agency หรือ องค์การอวกาศยุโรป