ตั้งแต่ที่มีการจัดตั้งสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงขึ้นมา ตึกทดลองก็มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากบรรยากาศทางวิชาการที่ไปในทางผ่อนคลายและจำนวนของเงินทุนที่ได้ ทำให้สถาบันประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้มีความสามารถจำนวนมากจากต่างประเทศ
สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงเคยเป็นสถาบันเอกชนเล็กๆ ที่มีเพียง 4 สถาบันย่อยหลักๆ อันได้แก่ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ วัสดุเชิงคำนวณ และวิทยาการสารสนเทศ ด้วยความที่ได้ผู้มีความสามารถคนใหม่ๆ มา ทำให้สถาบันค่อยๆ พัฒนาไปเป็นสถาบันใหญ่ที่มีสาขาหลายรูปแบบมาก
หลังจากที่ระยะที่สองและระยะที่สามของสถาบันวิจัยจบลง ทีมของสถาบันก็แยกตัวออกสถาบันเก่าไปจัดตั้งสถาบันวิจัยของตัวเองขึ้นมาแทน
อย่างเช่น สถาบันชีวเคมีก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันวัสดุเชิงคำนวณ
หลังจากที่ลู่โจวได้ให้ตัวอย่างเศษผ้ากับยางสวี่ เขาก็นำหลอดทดลองทั้งสองหลอดไปยังห้องแล็บวิเคราะห์องค์ประกอบในสถาบันชีวเคมี เขาพบคนที่กำลังทำงานอยู่ เป็นสวี่เหวินห่าวนั่นเอง
“ศาสตราจารย์ลู่? โอ้ เข้ามาก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมหาอะไรให้ดื่ม…คุณอยากดื่มอะไรบ้าง? พวกเรามี…”
“ไม่เป็นไร” ลู่โจวตอบ ในขณะที่ตัวเองก็มองว่าสวี่เหวินห่าวมีท่าทางตื่นเต้นมากแค่ไหน ลู่โจวยิ้มแห้งๆ แล้วบอกว่า “ผมมีหลอดทดลองบางหลอดที่อยากให้คุณช่วยวิเคราะห์องค์ประกอบให้หน่อย หวังว่าจะไม่ได้ไปรบกวนงานของคุณนะ”
สวี่เหวินห่าวส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เลยครับ ผมเพิ่งทำการทดลองเสร็จเนี่ย ถ้าคุณมีตัวอย่างอะไรให้ผมตรวจ บอกผมได้เลย!”
สำหรับนักวิจัยมือใหม่อย่างเขาแล้ว เขารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ช่วยเหลือผู้ได้รางวัลโนเบล
ยังไม่นับว่าธีสิสอะไรก็แล้วแต่ที่มีชื่อลู่โจวปรากฏอยู่บนนั้นจะถือเป็นการอวยพรอีกด้วย!
ลู่โจวรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าจะกระตือรือร้นเกินไปหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ลู่โจวบังเอิญสังเกตเห็นตัวอย่างบางตัวที่วางอยู่บนโต๊ะทดลอง เขาเลิกคิ้วขึ้น
“นี่มันอะไรกัน?”
สวี่เหวินห่าวมองไปที่ตัวอย่างแล้วก็รู้ได้ในทันทีว่าลู่โจวกำลังพูดถึงอะไร เขายิ้มแล้วตอบคำถาม “อ้อ มีตัวอย่างชิปคาร์บอนที่ส่งมาจากสถาบันวัสดุเชิงคำนวณน่ะครับ พวกเขาขอให้ผมช่วยวิเคราะห์องค์ประกอบให้ ผมก็เลยยุ่งๆ กับมันอยู่”
ชิปคาร์บอนเหรอ?
มีร่องรอยความประหลาดใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของลู่โจว
มันผ่านมาสองปีแล้ว เขาแทบจะลืมโปรเจกต์นี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
เขายังจำได้ว่า หลังจากที่เขาเดินทางออกจากอเมริกาไปไม่นาน สถาบันวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณจินหลิงก็ร่วมมือกับเป่าเซิ่งกรุ๊ปในการพัฒนา วัสดุตัวนำยวดยิ่ง SG-1 ด้วยการพัฒนามุมทับซ้อนของแกรฟีน
ในการประชุมที่แคลิฟอร์เนียเมื่อปีที่แล้ว เป่าเซิ่งกรุ๊ปก็ได้สาธิตเทคโนโลยีตัวนำยิ่งยวดในการประชุมฟิวชั่นที่ควบคุมได้ สิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับบริษัทวิจัยฟิวชั่นต่างชาติจำนวนมาก และเป่าเซิ่งกรุ๊ปก็ได้รับคำสั่งสินค้าจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
ก่อนที่ลู่โจวจะออกจากอเมริกา เขาบอกหัวหน้าของเป่าเซิ่งกรุ๊ปแล้วว่าการวิจัยชิปซิลิคอนกำลังเข้าสู่ภาวะคอขวด ถึงแม้อินเทลและควอลคอมม์จะยังพัฒนาเทคโนโลยีชิปซิลิคอนต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็ยังต้องเจอข้อจำกัดจากกฎฟิสิกส์ของซิลิคอนอยู่ ถ้าหากประเทศจีนอยากจะชิงตำแหน่งในวงการชิปคอมพิวเตอร์มา พวกเขาจะต้องตามหาวัสดุอื่นที่นำมาใช้แทนซิลิคอนได้
สารกึ่งตัวนำแกรฟีนเป็นหนึ่งในวัสดุที่เป็นไปได้
แกรฟีนมีคุณลักษณะแทบจะทุกอย่างที่จำเป็นต่ออิเล็กทรอนิกส์ ข้อเสียเดียวของมันคือต้องหาแถบช่องว่างพลังงานที่เหมาะสมให้ได้ อย่างไรก็ตาม แถบช่องว่างพลังงานก็สามารถมีการปรับเปลี่ยนได้โดยเปลี่ยนแปลงที่ตัวมุมทับซ้อนของแกรฟีน
ถึงแม้บอสของเป่าเซิ่งกรุ๊ปจะสัญญาว่าจะเริ่มวิจัยชิปแกรฟีน แต่ก็ไม่เห็นเขาทำอะไรเสียที
ซึ่งลู่โจวก็ไม่ได้โทษอะไรเขามากนัก เพราะไม่ว่าอย่างไร บอสของเป่าเซิ่งกรุ๊ปก็แค่อยากโฟกัสกับวัสดุ SG-1 และหาเรื่องเลื่อนตำแหน่งเท่านั้น
ยังไม่นับว่าการวิจัยสารกึ่งตัวนำแกรฟีนยังเพิ่มจะเริ่มอีกด้วย อาจจะใช้เวลาเป็นหลายปีหรืออาจจะหลายสิบปีกว่าที่เทคโนโลยีชิปแกรฟีนจะประสบความสำเร็จ ถึงแม้เป่าเซิ่งกรุ๊ปจะใช้เงินจำนวนมากไปกับการวิจัยเทคโนโลยีนี้ พวกเขาก็อาจจะไม่ได้รับกำไรอะไร
ดังนั้นแล้ว สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงจึงเป็นฝ่ายที่ทำโปรเจกต์นี้แทน
โปรเจกต์นี้ได้รับเงินทุนส่วนหนึ่งมาจากเงินทุนวิจัยวิทยาศาสตร์ของรัฐ ส่วนเงินทุนที่เหลือได้จากสตาร์สกายเทคโนโลยี
สุดท้ายแล้ว ถ้าพวกเขาอยากได้สิทธิบัตรของเทคโนโลยีนี้จริงๆ พวกเขาก็ต้องร่วมมือมากกว่านี้
ลู่โจวรู้สึกสนใจ เขาจึงถามว่า “แล้วตอนนี้โปรเจกต์ไปถึงไหนแล้วล่ะ?”
สวี่เหวินห่าวเกาหัวตัวเองด้วยท่าทางเจื่อนๆ แล้วตอบว่า “ผมไม่แน่ใจเรื่องความคืบหน้านะครับ แต่ได้ยินมาว่าทีมของศาสตราจารย์หยางพัฒนาวิธีการเตรียมสารกึ่งตัวนำแกรฟีนได้แล้ว แต่การสังเคราะห์ก็ยังไม่ถือว่าใช้ได้คงที่…ผมได้ยินศาสตราจารย์หยางบ่นหลายรอบเลยล่ะครับ ว่าถ้าเกิดคุณช่วยเขา ปัญหานี้ก็คงจะแก้ได้ไปนานแล้ว”
ลู่โจวกระแอม
“ที่นายพูดถึงมันคือเรื่องนานมาแล้วนะ…ผมไม่ใช่พระเจ้า จะให้ทำอะไรได้ล่ะ…”
สวี่เหวินห่าวรีบพูดแก้ “ผมไม่ใช่คนพูดนะครับ ศาสตราจารย์หยางต่างหาก”
“โอเค จะอะไรก็ช่างเถอะ” ลู่โจวส่ายหัวแล้วหยิบหลอดทดลองทั้งสองหลอดออกมาจากกระเป๋าของเขา เขาวางลงบนชั้นวางหลอดทดลองที่ว่างเปล่าซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะทดลองแล้วพูดขึ้นว่า “ผมมีตัวอย่างอยู่สองอันตรงนี้ อยากให้คุณช่วยวิเคราะห์องค์ประกอบให้หน่อย”
หลอดทดลองอันหนึ่งมีตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ทดแทนอาหารแบบเหลวอยู่
หลังจากที่ลู่โจวดึงผลิตภัณฑ์เหลวนั้นออกมาจากมิติระบบ เขาก็ดื่มมันไปครึ่งหนึ่ง รู้สึกว่ามันจะรสชาติดีมากทีเดียว มันรสชาติเหมือนโยเกิร์ตผสมกับน้ำมะนาว แต่ก็ข้นกว่าน้ำมะนาวทั่วไป
จริงๆ แล้วรสชาติมันไม่สำคัญหรอก ส่วนที่สำคัญคือ หลังจากที่เขาดื่มไปได้ครึ่งขวด เขาก็รู้สึกอิ่มมาก
ลู่โจวสงสัยเรื่องของสารอาหารในผลิตภัณฑ์ เขาจึงนำผลิตภัณฑ์เหลวที่เหลืออยู่มาใส่ในหลอดทดลองตัวอย่าง
ถ้าเขาสามารถหาสูตรที่ใช้ทำผลิตภัณฑ์ทดแทนอาหารแบบเหลวนี้ได้ มันก็สามารถนำไปใช้เป็นอาหารอวกาศได้
ส่วนอีกหลอดทดลองหนึ่งก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากสิ่งที่เหลืออยู่ในกระป๋องโค้กแห่งอนาคต
ในอดีต ลู่โจวไม่มีวิธีในการตรวจสอบของพวกนี้ แต่ตอนนี้เขาทำได้แล้ว เขาไม่มีทางทิ้งโอกาสในการทดลองครั้งนี้ไปแน่ๆ ทุกครั้งที่เขาดื่มโค้ก เขาก็รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา ส่วนผสมของมันอาจจะเป็นสิ่งน่าสนใจได้…
หรือจริงๆ เขาอาจจะคิดมากไป
อย่างเช่น บางทีผู้ผลิตอาจจะแค่เพิ่มทอรีนกับคาเฟอีนไปนิดหน่อย…
สวี่เหวินห่าวมองไปทางหลอดทดลองทั้งคู่แล้วยิ้มออกมา
“ไม่มีปัญหาครับ คุณต้องการตอนไหนเหรอ?”
“เอาให้เร็วที่สุดที่คุณทำได้ ส่งรายงานกับตัวอย่างที่เหลือมาที่ออฟฟิศผมด้วยนะ…”
โทรศัพท์ในกระเป๋าลู่โจวเริ่มสั่น
“ผมขอรับโทรศัพท์ก่อน”
สวี่เหวินห่าวเริ่มประจบลู่โจวทันที เขาพูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจะเริ่มทำการตรวจเดี๋ยวนี้เลย!”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “โอเค ขอบใจนะ!”
ลู่โจวหันหลังกลับแล้วเดินออกไปจากห้องแล็บ เขารับโทรศัพท์ในขณะที่กำลังเดินไปตรงสุดทางเดิน
“สวัสดีครับ?”
เขาได้ยินเสียงของผู้อำนวยการหลี่ดังมาจากโทรศัพท์
“นี่ผมเอง คุณเป็นอย่างไรบ้าง?”
ลู่โจวบอกได้จากการฟังเสียงว่าผู้อำนวยการหลี่กำลังอารมณ์ดี เห็นได้ชัดว่าการไปดวงจันทร์สำเร็จเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของกระทรวงป้องกันราชอาณาจักรและองค์การอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
แต่ลู่โจวก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาจึงยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “ผมสบายดีครับ มีอะไรเหรอ?”
“คุณมีเวลามาปักกิ่งไหม?”
ลู่โจว “ปักกิ่ง? ให้ไปทำไมเหรอครับ?”
“ทำไมน่ะเหรอ?” ผู้อำนวยการหลี่แล้วบอกว่า “ก็เพื่อให้รางวัลเธออย่างไงล่ะ”
……………………………………