ปกติแล้วลู่โจวไม่ได้มีงานอดิเรกอะไรเป็นพิเศษ งานอดิเรกพิเศษเพียงอย่างเดียวของเขาคือการไถเว่ยป๋อแล้วกดไลก์คอมเมนต์บางอัน
อย่างเช่นคอมเมนต์ที่บอกว่าเขาหล่อ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาค้นหาข้อมูลเรื่องโปรเจกต์แอรีสบนเว่ยป๋อ และพบว่าหลายคนได้แท็กเขาในบทความอันหนึ่ง
ด้วยความสงสัย ลู่โจวจึงคลิกเข้าไปอ่านบทความทั้งหมด
เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ตาคนนี้นี่กัดแรงใช้ได้”
การที่สามารถวิเคราะห์เครื่องยนต์ ‘แรปเตอร์’ ได้ แปลว่าคนเขียนน่าจะต้องอยู่ในวงการการบินและอวกาศ
แต่บทความนี้เขียนอย่างมีอคติมากเกินไป ลู่โจวรู้ดีว่าพลังขับดันของสกายโกลว์เอาไปเทียบกับพลังขับดันของลองมาร์ช 5 ไม่ได้เลย แต่การไม่ยอมพูดถึงอัตราส่วนแรงขับต่อน้ำหนักและความสามารถในการบินติดต่อกันได้นั้นถือเป็นอคติเพียวๆ ไม่มีสิ่งใดผสม
แล้วที่บอกว่าคนอเมริกันไม่สนใจระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนนี่ก็ผิดมหันต์ ก่อนที่ลู่โจวจะออกจากพรินซ์ตัน พีพีพีเอลยังกำลังวิจัยเรื่องเครื่องขับดันพลังไอออนกันอยู่เลย
แถมคนเขียนบทความนี่เผลอๆ จะคิดว่าลองมาร์ช 5 กับลองมาร์ช 9 เป็นลำเดียวกันอีก ต่อให้สกายโกลว์ประสบความสำเร็จ ก็ไม่ได้หมายความว่าโครงการลองมาร์ช 9 จะต้องถูกยกเลิก ส่วนที่อเมริกาเลือกใช้จรวดพลังเคมีในวงโคจรต่ำของโลก ก็เพราะว่าจรวดขับดันพลังไอออนมันราคาแพงกว่าต่างหาก
ต่อให้คนฝรั่งเศสจะประดิษฐ์รถสามล้อจักรไอน้ำออกมาแล้ว พวกเขาก็ยังใช้ม้ามาอีกตั้ง 100 กว่าปี เทคโนโลยีไม่ได้เปลี่ยนแปลงกันได้ในวันเดียวเสียหน่อย
ถ้าสกายโกลว์ไม่สามารถส่งคนไปดวงจันทร์ได้จริง ลู่โจวจะต้องรับคำตำหนิก่นด่ามากมายมาแน่ๆ
ลู่โจวไม่รู้ว่าคนที่เขียนบทความนี้มีการศึกษาดีแค่ไหนกันแน่ แต่ที่รู้คือเขาเก่งด้านการหลอกลวงสาธารณชนมาก
หวังเผิงมองดูลู่โจว เขาถามขึ้นมาทันทีว่า “คุณอยากให้ผมจัดการเรื่องนี้ไหมครับ?”
ลู่โจวส่ายหัวแล้วตอบว่า “แล้วคุณจะจัดการอย่างไรล่ะ? แบบ จะแกะรอยไอพีแอดเดรสเหรอ?”
หวังเผิงลังเลนิดหน่อยแต่ก็พูดออกมาว่า “พวกเราจับกุมเขาได้ในข้อหากระทำการมิชอบ…ทำให้วีรบุรุษของชาติเสื่อมเสียชื่อเสียง แล้วขังเขาได้ประมาณสองสามสัปดาห์น่ะครับ”
ลู่โจวมีเหรียญรางวัลเหรียญทองดีเด่นทางการบินและอวกาศและรางวัลหลิงหยวิน เขาจึงต้องเป็นวีรบุรุษของชาติอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อลู่โจวเห็นว่าหวังเผิงพูดจริงจังแค่ไหน เขาจึงบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่ล้อเล่น จะให้ไปปิดปากคนที่ออกมาพูดอะไรแบบนี้ก็แย่ไปหน่อย ปล่อยเขาไปเถอะ”
ลู่โจวเป็นคนสบายๆ อยู่แล้ว เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนอื่นจะพูดเรื่องเขาอย่างไร
เขาเล่นเว่ยป๋อมานานแล้ว เขารับมือกับพวกคำวิพากษ์วิจารณ์เล็กๆ ได้
หวังเผิงมองลู่โจวแล้วถามว่า “คุณหมายความว่าอะไรนะครับ…ให้ปล่อยไปเหรอ?”
“เวลาของผมมีค่า ผมไม่ต้องการเสียเวลาไปกับคนแบบนี้” ลู่โจวยิ้มแล้วปิดโทรศัพท์ เขาลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้แล้วพูดว่า “ถึงเวลาแล้ว ผมต้องไปเข้าประชุม ไปกันเถอะครับ”
“โอเคครับ”
หวังเผิงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาแค่พยักหน้าแล้วเดินตรงไปทางประตู
…
ลู่โจวเดินออกจากโรงแรมไปขึ้นรถ เขาขอให้หวังเผิงขับไปส่งเขาที่ศาลาประชาคมที่ถนนฉางอาน เขาเอนพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตา
ตอนนี้ก็เป็นช่วงต้นเดือนมีนาคมแล้ว
ตอนแรกเขาวางแผนว่าจะกลับไปที่จินหลิงหลังจากที่รับรางวัลเสร็จ เขาไม่ได้คิดว่าเขาจะยังต้องอยู่ในปักกิ่งต่อ
เหตุผลที่ต้องอยู่ต่อก็ชัดเจนมาก
เพราะโครงการแอรีสของอเมริกา
ลู่โจวเดินไปเข้าห้องประชุมในศาลาประชาคม
เขาเดินเข้าทางเข้า A แล้วนั่งลงทันทีเมื่อเจอที่นั่งที่ติดป้ายชื่อตัวเอง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดเปิดแอปอัดวิดีโอ
การประชุมนี้ไม่ได้ต้องรักษาความลับอะไร เรื่องหลายเรื่องที่คุยกันจะเปิดเผยต่อสาธารณะหลังจากการประชุม ดังนั้นจึงไม่มีการริบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไป
ลู่โจวส่งข้อความให้เสี่ยวไอให้ช่วยจดบันทึกการประชุมให้หน่อย สิ่งนี้ช่วยประหยัดเวลาเขาได้มาก
ลู่โจวพลิกหน้าบันทึกการประชุมระหว่างรอให้งานเริ่ม ชายสูงวัยที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเอาแต่จ้องมองลู่โจว ชายสูงวัยคนนั้ทำหน้าจริงจังแล้วถามอย่างนิ่งๆ ว่า
“คนอเมริกันกำลังวางแผนจะไปดาวอังคารกันแล้ว คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้เหรอ?”
ลู่โจวหันไปเจอกับนักวิชาการหยวนฮวานหมิน หัวหน้าวิศวกรแห่งองค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีน กำลังนั่งอยู่ถัดจากเขา
ย้อนกลับไปเมื่อการประชุมส่งคนไปดวงจันทร์ครั้งที่แล้ว ชายสูงวัยคนนี้ค่อนข้างจะทำให้เขารำคาญนิดหน่อย แต่หลังจากการที่การบินทดสอบของสกายโกลว์ประสบความสำเร็จ เขาก็หายตัวไปเลย
ลู่โจวไม่รู้ว่าชายสูงวัยหมายความว่าอะไร เขาจึงยิ้มแล้วถามกลับไปว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมเหรอครับ?”
หยวนฮวานหมินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้น คุณกำลังจะบอกว่า พวกเราควรจะเมินพวกเขาแล้วสนใจแค่เพียงฝั่งพวกเราเองอย่างนั้นเหรอ? ผมเข้าใจแล้ว…”
ลู่โจว “…? “
อะไรของเขา?
ลู่โจวไม่มีโอกาสได้อ่านบันทึกการประชุมจบด้วยซ้ำ เพราะการประชุมได้เริ่มขึ้นแล้ว
เลขาธิการแห่งองค์การอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินขึ้นมาบนเวทีพลางพูดเรื่องพิธีการและเนื้อหาของการประชุมครั้งนี้ จากนั้นเขาก็ยื่นไมโครโฟนให้กับผู้อำนวยการกระทรวงป้องกันราชอาณาจักรอย่าง ผู้อำนวยการหลี่
ผู้อำนวยการหลี่ยืนอยู่บนเวที เขากระแอมขึ้น แล้วจึงพูดอย่างแข็งขันว่า
“ก่อนอื่นเลย ผมต้องกล่าวขออภัยทุกท่านที่ทำให้ต้องเสียเวลาอันมีค่ามานั่งอยู่ในงานนี้ การประชุมนี้ควรจะถูกจัดขึ้นในเดือนหน้า แต่เนื่องจากเหตุผลหลายประการ จึงทำให้จำเป็นต้องเลื่อนมาเป็นวันนี้”
แม้ว่าผู้อำนวยการหลี่จะไม่ได้อธิบายว่าทำไมการประชุมจึงมีการเลื่อนให้ไวขึ้น แต่ทุกคนก็รู้สาเหตุดี
การรายงานเรื่องโครงการแอรีสของนาซาเป็นการโจมตีประเทศจีน ทั้งช่วงเวลาในการปล่อยยานและขนาดขอบเขตของการลงทุน พวกอเมริกันต้องการจะทำคะแนนเหนือโปรเจกต์ส่งคนไปดวงจันทร์ของประเทศจีนอย่างไม่ต้องสงสัย
ต่อให้จะไม่มีใครมองเห็นการแข่งขันด้านอวกาศครั้งใหม่นี้ ทุกคนก็มองออกว่า มันจะต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดแน่ๆ
“เมื่อวาน พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีการประชุมกันแล้ว พวกเขามีข้อสรุปอยู่สองข้อ ข้อแรกคือการทำตามพวกอเมริกันแล้วเตรียมตัวไปดาวอังคาร ส่วนอีกข้อคือไปต่อตามแผนดวงจันทร์ที่เราวางไว้
ส่วนเรื่องที่เฉพาะกว่านี้ ผมแนะนำให้พวกคุณปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ผมหวังว่าพวกคุณทุกคนจะสนทนากันได้อย่างอิสระ ถ้าหากมีใครไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปสองข้อนี้ หรือมีความคิดที่ดีกว่า สามารถบอกผมได้เลย”
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในห้องประชุม
ถ้าจะบอกว่าผลสรุปของการประชุมในวันนี้จะเป็นการตัดสินชะตากรรมแผนการทางการบินและอวกาศของประเทศจีนในอีกห้าปี หรืออาจจะถึงสิบปีข้างหน้า ก็ไม่ใช่การพูดที่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย บริษัททางการบินและอวกาศหลายแห่งจะเปลี่ยนไปโฟกัสกับการไปดาวอังคารกับการสำรวจดวงจันทร์
ผู้คนในห้องประชุมแล้วคิดเรื่องปัญหาอย่างจริงจัง
แล้วก็มีเสียงดังมาจากที่นั่งแถวหน้าของห้องประชุม
“ผมจะขอพูดสักสองคำนะ”
ผู้อำนวยการหลี่มองชายสูงวัยที่นั่งอยู่แถวหน้าเอ่ยขึ้นมาอย่างสุภาพว่า
“เชิญเลยครับ นักวิชาการหยวน”
หยวนฮวานหมินยืนขึ้นอย่างช้าๆ แล้วพูดขึ้นว่า “พวกอเมริกันอยากจะไปดาวอังคาร ก็เป็นเรื่องของพวกเขา พวกเราไม่ต้องพยายามไปวิ่งไล่ตามพวกเขาหรอก พวกเราควรจะโฟกัสไปที่โปรเจกต์ของพวกเรามากกว่า ผมคิดว่า อนาคตของการบินและอวกาศก็ยังอยู่กับดวงจันทร์ ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าการต่อยอดจากความสำเร็จที่เราได้มาจากการส่งคนไปดวงจันทร์แล้ว”
หยวนฮวานหมินค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในวงการการบินและอวกาศ และความคิดเห็นของเขาก็จะมีคนจำนวนมากที่เห็นด้วยในทันที
ซึ่งก็แน่นอนว่า มีคนบางคนที่ไม่เห็นด้วย พวกเขาอยากจะวิ่งไล่ตามพวกอเมริกันให้ได้ เพิ่มเทคโนโลยีไปดาวอังคาร และพัฒนาจรวดที่มีพลังมากกว่าเดิม
นี่เป็นสาเหตุจากการที่พวกเขามาจากหน่วยงานที่พัฒนาเทคโนโลยีจรวด ดังนั้น พวกเขาจึงสนใจทางเลือกจรวดไปดาวอังคารมากกว่า
หลังจากที่ผู้อำนวยการหลี่ส่งสัญญาณให้หยวนฮวานหมินนั่งลง เขาก็หันเหความสนใจไปทางลู่โจวซึ่งนั่งอยู่แถวหน้าและกำลังอ่านบันทึกการประชุมของเสี่ยวไออยู่
ลู่โจวไม่ได้สังเกตว่าผู้อำนวยการหลี่กำลังมองมาทางเขา ผู้อำนวยการหลี่จึงพูดขึ้นว่า
“เรามาลองฟังความคิดเห็นของศาสตราจารย์ลู่กันดีกว่า”
…………………………………….