ตอนที่ 747 เดี๋ยวก็ชิน
อย่างที่ยางสวี่เคยบอก ทันทีที่สตาร์สกายเทคโนโลยีประกาศว่าสนใจจะร่วมงานกับบริษัทยา ข้อเสนอมากมายถูกส่งเข้ามาทางเมล
มีสายโทรเข้ามาสี่ห้าสายวันนี้ จนทำให้เฉินยู่ซานรู้สึกหงุดหงิด
เฉินยู่ซานโทรหาลู่โจวและอดบ่นไม่ได้
“นายตั้งใจจะขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหรอ”
ลู่โจวรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร เขายิ้มและตอบ “…ฉันค้นพบผลพลอยได้จากการทดลองนี้ ฉันคิดว่ามันน่าสนใจดี ก็เลยตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากสื่อสักหน่อย”
“…ฉันก็เลยต้องเสียสละอย่างนั้นเหรอ หูฉันแทบหนวกเพราะสายพวกนี้นะ”
ลู่โจว “ครับ ขอบคุณนะ”
เฉินยู่ซานพูด “ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว แต่ครั้งต่อไปช่วยบอกฉันล่วงหน้าด้วยนะ ฉันกำลังยุ่งๆ อยู่กับโปรเจกต์อวกาศ ตอนที่รับสายฉันคิดว่าเป็นพวกต้มตุ๋นขายอาหารเสริมเสียอีก”
ลู่โจวพูด “แล้วฉันจะบอกคุณล่วงหน้านะ”
“อ่าไม่เป็นไร เออใช่ ฉันหาข้อมูลของบริษัทที่โทรเข้ามาและลิสต์บริษัทที่คุณสมบัติเหมาะสม ฉันส่งรายชื่อไปให้นายทางอีเมล ลองดูก็แล้วกันนะถ้ามีเวลา”
“โอเค ฉันจะดูตอนนี้เลย”
หลังจากที่ลู่โจววางสาย เขาเปิดอีเมลและเจอรายงานที่เฉินยู่ซานส่งมา
ต้องยอมรับว่ารายงานละเอียดมาก ไม่เพียงแค่มีข้อมูลเกี่ยวกับมูลค่าราคาตลาด แบบจำลองธุรกิจ และสถานะในการจัดการ แต่ยังมีเรื่องลับเฉพาะวงในในรายงานนี้ด้วย
เมื่ออ่านรายงานอย่างละเอียดแล้ว ลู่โจวเลือกทำธุรกิจกับเหิงรุ่ยเมดิซีน
เพราะเป็นบริษัทยาจีนเพียงไม่กี่ที่ที่พร้อมจะลงทุนในการทำวิจัยยาและพัฒนา บริษัทจดสิทธิบัตรเหิงรุ่ยกรุ๊ปเป็นเจ้าของและควบคุมบริษัทนี้ ซึ่งมีฐานการผลิตสารต้านมะเร็งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และยังเกี่ยวข้องกับงานวิจัยยารักษาโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง
นอกจากเหิงรุ่ยเมดิซีนแล้ว ยังมีบริษัทยาต่างชาติอีกหลายบริษัทที่น่าร่วมงานด้วย เช่น จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ไฟเซอร์ และโรช บริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นบริษัทที่ติดอันดับในร้อยอันดับต้นๆ ของโลก
อย่างไรก็ตามงานวิจัยและการพัฒนาส่วนใหญ่ของบริษัทเหล่านี้อยู่ใต้ทะเล หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับห้องทดลองของซารอทและความเสี่ยงด้านนโยบายต่างชาติ ลู่โจวค่อยๆ ตัดบริษัทที่ไม่เข้าข่ายออกไปอย่างระมัดระวัง
เหตุผลที่ลู่โจวเลือกเหิงรุ่ยเมดิซีนก็เพราะพวกเขามีทีมวิจัยและทีมพัฒนาของตัวเอง สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงวางแผนที่จะเปิดแผนกชีวเคมี เพราะฉะนั้นในอนาคตพวกเขามีโอกาสที่จะร่วมงานกันอีก
ทีมจัดการสิทธิบัตรเป็นผู้ประสานงานเรื่องข้อตกลงความร่วมมือ สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงมีหน้าที่แค่ส่งตัวอย่างการลงทะเบียนสิทธิบัตรให้อีกฝ่าย
สองอาทิตย์ผ่านไป…ลู่โจวเกือบจะลืมเรื่องเหิงรุ่ยเมดิซีน แต่ว่ามีใครบางคนมาเยี่ยมเขาเสียก่อน
“สวัสดีครับ ศาสตราจารย์ลู่ ยินดีที่ได้พบคุณ”
ภายในออฟฟิศสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง ลู่โจวพบกับศาสตราจารย์จางเจียฝู ประธานเจ้าหน้าที่สายเทคโนโลยีแผนกงานวิจัยและการพัฒนาของเหิงรุ่ยเมดิซีน เนื่องจากเขาเคยสอนที่มหาลัยจื่อ เขาจึงมีคำหน้าชื่อว่าศาสตราจารย์
หลังจากที่ศาสตราจารย์จางพบกับลู่โจว เขายื่นมือขวาออกไปจับมือลู่โจว
“สวัสดีครับ คุณคือศาสตราจารย์จางใช่ไหม เชิญนั่งครับ
“คุณใจดีจัง”
หลังจากที่ทักทายกันเสร็จ ศาสตราจารย์จางนั่งลงบนโซฟา
ผู้ช่วยของลู่โจวเดินเข้ามาพร้อมถ้วยชาและรินชาใส่ถ้วยทั้งสองถ้วย
ศาสตราจารย์จางจิบชาร้อนและวางถ้วยลง เขาเริ่มคุยเกี่ยวกับธุรกิจโดยที่ไม่รอให้เสียเวลา
“ทุกคนรู้ว่าเรากำลังพัฒนาตัวยารักษาโรคเบาหวานอยู่ หลังจากที่ได้รับรายการงานการวิเคราะห์องค์ประกอบและตัวอย่างจากพวกคุณ เราก็ทดลองในห้องทดลองของเราและ…” เขากลืนน้ำลายและพูด “การวิจัยในคนน่าตกใจมาก”
พวกเขาทำการวิจัยเรื่องนี้ถึงสามปี ใช้ส่วนผสมเป็นหมื่นอย่าง การทดลองและความล้มเหลวเกิดขึ้นนับไม่ถ้วน ศาสตราจารย์จางไม่คิดเลยว่าคำตอบที่รอคอยจะมาจากสถาบันชีวเคมี ที่จัดตั้งขึ้นมาเพียงไม่ถึงปี
นี่มัน…
ทำให้ศาสตราจารย์จางรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
ลู่โจวประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“มันสามารถรักษาโรคเบาหวานได้”
อะไรวะเนี่ย?
“มันคุ้มค่ากับรางวัลโนเบลไหม”
หลังจากที่ได้ยินลู่โจวพูด ศาสตราจารย์จางแสดงสีหน้าอึดอัด
“…ถ้ารักษาให้หายขาดคงเป็นไปได้ยาก แต่มันก็ยังรักษาอาการได้อยู่ คณะกรรมการรางวัลโนเบลอาจจะให้รางวัลคุณอีกสักรางวัลก็ได้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่เราก็พบว่ากรดอะมิโนส่งเสริมการออกฤทธิ์กับอินซูลินและอนุพันธ์ของอินซูลิน ซึ่งช่วยเร่งไกลโคไลซีสและลดระดับน้ำตาลในเลือด”
“เราทำการทดลองกับหนูที่เป็นเบาหวาน พบว่ากรดอะมิโนลดความเสียหายในเบต้าเซลล์ ช่วยคงความสมบูรณ์ของโครงสร้างและช่วยในเรื่องของการทำงานของต่อมไร้ท่อ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการยับยั้งการเกิดสารสเตรปโทโซโทซินอะพอพโตซิส β “
สีหน้าของลู่โจวค่อยๆ จริงจังขึ้นเรื่อยๆ
เขารู้เรื่องสารสเตรปโทโซโทซิน มันอยู่ในรายชื่อที่ WHO จัดอันดับสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่คุณสมบัติสารก่อมะเร็งและสามารถสร้างเบาหวานในร่างกาย แต่คือตัวการที่ทำให้คนไข้ป่วยเป็นเบาหวาน
ศาสตราจารย์จางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เราวางแผนที่จะใช้กรดอะมิโนในตัวยาที่กำลังพัฒนาอยู่ตอนนี้ คุณบอกเราได้ไหมว่าคุณจะตั้งชื่อกรดอะมิโนว่าอะไร”
“ชื่อเหรอ” ลู่โจวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด “พวกคุณเรียกมันตามชื่อสารประกอบทางเคมีไม่ได้เหรอ”
ศาสตราจารย์นิ่งไปชั่วขณะและพูด “คุณยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยเหรอ”
ลู่โจว “ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย”
ในรายงานการวิเคราะห์องค์ประกอบ สวี่เหวินห่าวใช้ชื่อสารประกอบทางเคมีในการตั้งชื่อกรดอะมิโน เพื่อให้ไม่เสียเวลา ลู่โจวตัดทอนชื่อเป็นตัวอักษรและตัวเลข
ศาสตราจารย์จางพูด “ถ้าคุณไม่รู้จะตั้งว่าอะไร คุณก็ตั้งตามที่มาของกรดอะมิโนที่คุณได้ก็ได้นะ มันน่าจะสะดวกกว่า”
ลู่โจวกังวลเล็กน้อย
แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะทีนี้?
ฉันได้มันมาจากกระป๋องโค้ก ตั้งชื่อว่าโค้กอไลน์ก็คงไม่ได้ใช่ไหม
อืม…
เดี๋ยวนะ แต่ก็ฟังดูเข้าท่าดี
ลู่โจวพูด “เรียกมันว่าโค้กอไลน์! “
“โค้กอไลน์เหรอ” ศาสตราจารย์จางนิ่งไปชั่วขณะ “คุณมีเหตุผลไหม”
ลู่โจว “ไม่มี เรียกว่าโค้กอไลน์ไม่ได้เหรอ”
ศาสตราจารย์จางพูด “ไม่ ก็ได้แหละ”
มันช่างเป็นชื่อที่แปลกจริงๆ
ลู่โจวยิ้มและพูด “โอเค ผมคิดว่ามันเป็นชื่อที่ดีนะ”
ศาสตราจารย์จางอยากจะเปลี่ยนใจลู่โจว แต่ดูเหมือนลู่โจวไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่ๆ เขาได้แต่ส่ายหัวและยอมแพ้
หลังจากที่ศาสตราจารย์จางเดินออกจากออฟฟิศ เขามองไปที่นักวิจัยของสถาบันที่พาเขามาที่ออฟฟิศของลู่โจวและถาม “คุณไม่คิดว่าศาสตราจารย์ลู่มีนิสัยชอบตั้งชื่อแปลกๆ เหรอ”
เขาอยากจะพูดว่าแย่ แต่ก็รู้สึกว่าคงเป็นการไม่เคารพเกินไป จึงใช้คำว่าแปลกแทน
หลังจากได้ยินสิ่งที่ศาสตราจารย์จางพูด นักวิจัยยิ้มออกมา
“เดี๋ยวคุณก็ชินครับ”
ศาสตราจารย์จาง “…”
……………………………………………….
ตอนที่ 748 ปล่อยจรวด BFR (1)
ฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา
สุดยอดจรวด 32 ชั้นตั้งอยู่บนแท่นส่งที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล
ธงชาติสหรัฐอเมริกา โลโก้นาซา และโลโก้สเปซเอ็กซ์ติดอยู่ที่ลำจรวด รวมไปถึงตัวอักษร BFR ตัวโต สถาบันระดมทุนทางการเงินวอลสตรีทก็ติดโลโก้ของตัวเองบนจรวดเช่นกัน
สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัลใช้เวลาเกือบเดือนกว่าจะประกอบจรวดเสร็จ และใช้เวลาอีกสองอาทิตย์ในการเตรียมตัวปล่อยจรวดในครั้งนี้
ตอนนี้จรวดมีการติดตั้งระบบช่วยชีวิตและการจัดเตรียมทุกอย่างเป็นอันเสร็จสิ้น ในที่สุดก็ถึงเวลาปล่อยจรวดเสียที ดวงตาแห่งความหวังจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องไปที่จรวดลำนี้ พวกเขากำลังรอช่วงเวลานี้อยู่
การนับถอยหลังเริ่มขึ้น
หลังจากที่นับถอยหลัง 10 วินาที ควันก็พวยพุ่งจากลานปล่อยจรวด
เครื่องยนต์แรพเตอร์ 42 ใช้ออกซิเจนเหลวและมีเทนในอัตราที่น่าเหลือเชื่อ มันสร้างแรงผลักมหาศาลกว่า 128 ล้านล้านนิวตันไปทั่วยานอวกาศทั้งลำและขับเคลื่อนจรวดยาว 100 เมตรจากแท่นปล่อยสู่ท้องฟ้า
เครื่องยนต์ส่งเสียงดังราวกับปีศาจยักษ์
เจ้าปีศาจที่ว่าก็คือแรงขับเคลื่อนทางเคมี
มันประกอบด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนออกซิเจนเหลวมีเทนที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก เจ้าปีศาจแสดงความแข็งแกร่งต่อสายตาคนทั้งโลก…
มัสก์มองไปที่จรวดผ่านกล้องโทรทรรศน์ เขายิ้มมุมปากและยื่นกล้องโทรทรรศน์ให้กับผู้ช่วย หลังจากนั้นเขามองไปที่ผู้อำนวยการคาร์สันที่กำลังมองออกไปด้านนอกและพูด “ผมบอกคุณแล้วว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เรามีงานวิจัยการบินและอวกาศและทีมพัฒนาที่ดีที่สุดในโลก แถมยังเป็นทีมที่มีประสบการณ์มากที่สุดอีกด้วย เราก็แค่ต้องรอฟังข่าวดีจากทีมที่ตอนนี้อยู่ห่างออกไป 60 ล้านกิโลเมตรเท่านั้น”
“หวังว่าจะเป็นข่าวดีจริงๆ นะครับ” คาร์สันวางกล้องโทรทรรศน์และถาม “แล้วยานอวกาศ BFS ล่ะ พร้อมหรือยัง”
ถ้าระบบช่วยชีวิตถูกส่งไปยังดาวอังคารสำเร็จ อาสาสมัครผู้โชคดีทั้งสามคนก็จะได้ออกเดินทางในเดือนมิถุนายนและเริ่มการเดินทางที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์
ยานอวกาศ BFS มีบทบาทสำคัญในโปรแกรมแอริส นั่นก็คือการส่งนักบินอวกาศไปสู่ดาวอังคารอย่างปลอดภัย
มัสก์ “เราจะไม่ใช้ยานอวกาศ BFS”
ผู้อำนวยการคาร์สันมองไปที่มัสก์และพูด “แต่ในพาวเวอร์พอยต์ คุณบอกว่า…”
มัสก์โบกมือและพูด “เครื่องนั้นสามารถจุคนได้ถึง 100 คน เราจะใช้มันในขั้นตอนสุดท้ายของโปรแกรมแอรีส เราแค่ต้องส่งนักบินอวกาศไปสามคน เราจึงเลือกใช้วิธีการขนส่งขนาดเล็กและเชื่อถือได้ เดาสิว่ามันเรียกว่าอะไร”
คาร์สัน “…อะไร”
“หัวใจทองคำ! “
คาร์สันนิ่งไปชั่วขณะ เขาตอบ “เหมือนนิยายคู่มือท่องกาแล็กซีฉบับนักโบกเหรอ”
ถ้าเขาจำไม่ผิด ยานอวกาศในนิยายมีชื่อว่าหัวใจทองคำ แต่ยานอวกาศในนิยายไม่ได้ใช้แรงขับเคลื่อนทางเคมี มันใช้ แรงขับเคลื่อนที่ไม่มีวันสิ้นสุดและดูจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ซึ่งมีการอ้างว่าเป็นแรงที่สามารถพุ่งทะยานสู่ทุกมุมจักรวาลได้ในเวลาอันรวดเร็ว
มัสก์ยิ้ม
“ใช่แล้ว มันคือผลงานไซไฟชิ้นยอดของดักลาส อดัมส์ มันจะเป็นยานอวกาศแรกที่ส่งคนขึ้นไปบนดาวอังคาร”
ผู้อำนวยการคาร์สันยิ้มและส่ายหัว
“…ผมคิดว่าชื่อที่เหมาะสมจะเข้ากับประวัติศาสตร์มากกว่านะ”
มัสก์พูด “ประวัติศาสตร์ถูกเขียนขึ้นโดยมนุษย์ ถ้าทำสำเร็จ ชื่อก็ไม่สำคัญหรอก”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกัน ก็มีเสียงเชียร์ดังขึ้นใกล้ๆ
กลุ่มคนที่ยืนอยู่คือคนที่นาซาเชิญมา คนเหล่านี้คือตัวแทนจากบริษัทต่างๆ และนักข่าว สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
จรวด BFR ที่มีระบบช่วยชีวิตกำลังมุ่งหน้าไปดาวอังคาร ที่ห่างไกลกว่า 60 ล้านกิโลเมตร ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน มันก็น่าจะเหยียบดาวอังคารภายในหนึ่งเดือน
บรรดานักข่าวยืนที่จุดให้สัมภาษณ์ พวกเขาตื่นเต้นที่ได้ถ่ายภาพจรวดที่กำลังออกเดินทาง หลังจากนั้นพวกเขาถือกล้องและเดินออกมาจากจุดปล่อยจรวด
ทุกคนอดทนรอที่จะกลับไปที่คอมพิวเตอร์และเริ่มทำข่าวสำหรับพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว
พรุ่งนี้…
ทั้งโลกจะต้องตกตะลึงกับความสำเร็จของสหรัฐอเมริกา
…
ข่าวเรื่องความสำเร็จในการปล่อยจรวด BFR ถูกพาดหัวไปทั่วโลก
จากรายงานของนาซา ยานอวกาศหัวใจทองคำขนระบบช่วยชีวิตถึงจุดความเร็วหลุดพ้น และกำลังออกจากระบบโลก-ดวงจันทร์
อีกครั้งที่สหรัฐอเมริกาแสดงให้โลกเห็นถึงความสำเร็จและความแข็งแกร่งในสาขาการบินและอวกาศ หนังสือพิมพ์หลัก ทีวี และทอล์คโชว์ต่างพากันรายงานเรื่องนี้
……………………………………………….