ทุกการเที่ยวบินอวกาศเป็นการผจญภัย ทุกการทดสอบยานอวกาศเป็นการเสี่ยงดวง
ไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์ของการปล่อยยานอวกาศจะเป็นอย่างไร
สตาร์ไลท์มีปีกหมุนได้สองคู่ และปีกพวกนี้จะเพิ่มความคล่องแคล่ว แต่มันก็เพิ่มความเสี่ยงระดับหนึ่ง
ถึงแม้ว่าระบบควบคุมเครื่องจักรกลถูกออกแบบโดยเสี่ยวไอ ลู่โจวไม่แน่ใจว่าสตาร์ไลท์จะไม่เกิดอุบัติเหตุ
สิ่งเดียวที่คือทำได้คือพยายามลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุให้ดีที่สุด…
ในช่วงครึ่งหลังของการประชุม พวกเขาคุยถึงตารางเวลาของการทดสอบบินของสตาร์ไลท์รวมถึงการปล่อยโมดูลยูนิตี้ของปราสาทจันทราเดือนหน้า
ทั้งองค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีนตกลงว่าการปล่อยตัวควรเกิดขึ้นเดือนหน้า หลังจากโมเดลยูนิตี้รวมกับโมดูลคอร์ ปราสาทจันทราที่ลอยอยู่ในวงโคจรดวงจันทร์จะมีพื้นที่ให้ทำการทดลองมากขึ้น ปราสาทจันทราก็จะสามารถเข้าท่าได้กับยานอวกาศที่มนุษย์ควบคุม อย่างเช่น สกายโกลว์
ดังนั้น ถึงแม้ว่ามันค่อนข้างเล็ก มันก็อาจจะถูกมองว่าเป็น ‘ท่าจอดยานอวกาศ’!
ในระหว่างที่จีนวางแผนการทดสอบการบินของสตาร์ไลท์ พวกอเมริกันกำลังซุ่มเตรียมอาวุธลับของตัวเองเช่นกัน
ระบบช่วยชีวิตบนดาวอังคารถูกเปิดใช้งานสำเร็จโดยศูนย์บัญชาการภาคพื้นดิน และอาสาสมัครทั้งสามคนได้ฝึกสำเร็จ ไม่มีเหตุผลที่อเมริกาต้องรออีกต่อไป
จากการอนุมัติโดยสภาคองเกรส นาซาประกาศอย่างรวดเร็วว่าโครงการแอรีสกำลังดำเนินการขั้นตอนต่อไป
พวกนั้นกำลังจะส่งนักอาณานิคมกลุ่มแรกไป!
หลังจากข่าวถูกประกาศออกไป ข่าวนี้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก
ถึงผู้คนรู้ว่าคนอเมริกากำลังจะส่งคนไปดาวอังคาร ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
บางทีความล้ำหน้าของจีนในด้านการบินและอวกาศทำให้นาซากระวนกระวายจริงๆ นาซาอาจจะอยากพิสูจน์กับประเทศของตัวเองว่ามันยังเป็นราชาแห่งการบินและอวกาศ
ก่อนการปล่อยตัว ทั้งนิวยอร์คไทมส์และโคลัมเบียทีวีที่ได้รับการสปอนเซอร์โดยสเปซเอ็กซ์ ได้จัดรายการพูดคุยกับอาสาสมัครทั้งสามคน
ไม่เพียงแต่ว่ารายการนี้เป็นการอำลาสามอาสาสมัคร แต่มันก็เป็นโอกาสที่จะเชิญชวนอาสาสมัครเพิ่มเติมผ่านอีเวนต์สื่อนี้
เฟสที่สามของโครงการแอรีสฟังก์ชันคือการส่ง 10 โมดูลที่ทำงานได้ไปดาวอังคารและชาวอาณานิคม 50 คน ไปที่ ‘หมู่บ้านดาวอังคาร’ สำหรับสเปซเอ็กซ์และนาซา การขจัดความกลัวของผู้คนที่จะเดินไปอวกาศนั้นจำเป็นต่อการอยู่รอดของโครงการแอรีส…
ในวันของรายการพูดคุย จิมมี่ ถัง ผู้ดำเนินรายการชื่อดัง ขึ้นเวทีมาด้วยชุดสูทแฟนซี เขาโค้งให้ผู้ชมอย่างอ่อนโยนและยิ้มด้วยฟันขาวสว่าง
“สวัสดีครับ สวัสดี ยินดีต้อนรับสู่รายการทอล์คโชว์พิเศษของสามนักรบอวกาศ ถ้าคุณได้บังเอิญเปิดมาเจอรายการนี้ คุณเพิ่งถูกลอตเตอรี่!”
ผู้ชมขำความพยายามที่แพรวพราวของถังในการปลุกเร้าบรรยากาศ จิมมี่ ถัง มองดูจอขนาดใหญ่ข้างหลังเขา
“ผมมั่นใจว่าผมไม่ต้องอธิบายว่าเรื่องวันนี้เกี่ยวกับอะไร คู่แข่งของเราส่งปราสาทจันทราไปดวงจันทร์แต่นาซากำลังจะบดขยี้พวกนั้น! ไม่ได้ขยี้จริงๆ แต่เป็นในแง่เปรียบเปรย”
จิมมี่มองดูผู้ชมและพูดต่อด้วยสีหน้าแสร้งยิ้ม
“ทุกท่าน อย่าเพิ่งตื่นเต้นกันเกินไป แม้ว่าคู่แข่งของเรานั้นแข็งแกร่ง แต่พวกนั้นยังตามเราอยู่ 60 ล้านกิโลเมตร ชัยชนะอยู่ในมือพวกเรา!”
จิมมี่ยกทั้งสองมือขึ้นและพูดอย่างเปี่ยมอารมณ์
“ดังนั้น แทนที่จะเรียกมันว่าการแข่งขัน ผมขอเรียกมันว่าการผจญภัย! นักรบของเรา ฮีโร่ของเรา จะเดินทางกว่าหลายพันกิโลเมตรไปยังดาวที่ไม่เคยถูกสำรวจเพื่อเปิดพรมแดนของมนุษยชาติ
แผนที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่เคยเกี่ยวกับการชนะการแข่งขัน! คู่แข่งเดียวที่คู่ควรคืออนาคต!”
บรรยากาศถึงจุดพีคที่สุด
จิมมี่ปรับสู่รายการพูดคุยวันนี้อย่างราบรื่น
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่จะต้อนรับนักรบทั้งสามสู่โชว์ของเรา!”
เสียงปรบมืออื้ออึงถูกผสมด้วยเสียงเชียร์และโห่ร้อง
นักบินอวกาศสามคนปรากฏตัวขึ้นทีละคนในขณะที่เดินขึ้นมานั่งบนเวที
เสียงปรบมือและดนตรีพื้นหลังเบาลงช้าๆ
จิมมี่ถือไมโครโฟนขึ้นมาพูดกับผู้ชม
“ผมขอแนะนำจอห์นสัน! กัปตันนักบินอวกาศ! จากที่เป็นอดีตทหารเรือ เขาเป็นนักรบและผู้รักชาติที่แท้จริง ขอเสียงปรบมือให้จอห์นสัน!”
ผู้ชมปรบมือเสียงดังอีกครั้ง
จอห์นสันยิ้มให้ผู้ชมและพยักหน้า
เมื่อเสียงปรบมือเบาลง จิมมี่ยิ้มให้จอห์นสันและพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณค่อนข้างดังเลยทีเดียว คุณแนะนำตัวเองหน่อยสิครับ!”
“สวัสดีครับ ทุกคน ผมเป็นกัปตันของการสำรวจครั้งนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่มาที่นี่”
จอห์นสันเป็นชายคอเคเซียนปกติที่มีรูปร่างหน้าตากำยำ เขายังมีท่าทีและหน้าตาที่มีเสน่ห์
ระหว่างที่เขาอธิบายรายละเอียดเฟสที่สองของโครงการแอรีส ผู้ชมตั้งใจฟังเขา
หลังจากที่จอห์นสันพูดจบ เขามองดูจิมมี่
จิมมี่ยิ้มและถามว่า “คุณเคยขึ้นเรือบรรทุกอากาศยานมาก่อนใช่ไหม?”
“ครับ ผมเคยแล้ว”
จิมมี่พูดต่อ “อะไรทำให้คุณสนใจในเรื่องการบินและอวกาศครับ? หรือทำไมคุณถึงอยากเข้าร่วมโครงการแอรีส”
จอห์นสันครุ่นคิดอยู่สักพักและพูดว่า “เพราะว่ามันเป็นความฝันของผมมาตลอด…แล้วก็เป็นเพราะลูกของผมด้วย”
“ลูกของคุณ?” จิมมี่มีสีหน้าเซอร์ไพรส์และเขาถามต่อ “คุณอธิบายเพิ่มได้ไหม?”
ครอบครัวเป็นส่วนสำคัญของค่านิยมอเมริกัน โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องของเด็ก
จอห์นสันคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะอธิบาย “ผมมีภรรยาที่รักและลูกสองคนที่บ้าน ลูกของผมเห็นผมเป็นฮีโร่ และผมเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกๆ นั้นเป็นสาเหตุที่ผมสมัครโครงการแอรีส ผมไม่ได้มีความคาดหวังอะไร ผมเลยรู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ผมถูกรับเลือก”
จิมมี่ยิ้มและพูดว่า “โชคชะตามีวิธีการทำงานในทางที่มหัศจรรย์ ผมมั่นใจว่าลูกของคุณจะเห็นคุณเป็นแบบอย่างแน่นอน!”
จอห์นสันพยักหน้าและยิ้ม
“ขอบคุณครับ”
กล้องเริ่มหมุนไปที่เพื่อนร่วมทีมของจอห์นสัน
นักบินอวกาศหญิงหน้าตาดีวัยยี่สิบปี เธอมีชื่อว่าจูเลีย เธอดูไม่มีพื้นหลังที่น่าประทับใจ และเธอดูกังวลเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
จากการแนะนำตัวเอง ก่อนที่เธอถูกตอบรับเป็นนักบินอวกาศ เธอเป็นครูสอนนักเรียนประถมที่อัมสเตอร์ดัม
ชายผิวดำอีกคนชื่อว่าทราวิส และเขากำยำยิ่งกว่าจอห์นสัน ดูเหมือนว่าเขาเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพและเล่นเป็นควอเตอร์แบ็คให้ทีมแอตแลนต้า
ด้วยเหตุผลบางประการ ระหว่างที่ทราวิสถูกสัมภาษณ์ เขาดูมึนงงเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาไม่ได้หลับสนิทมา
จิมมี่แซวเล่น “คุณน่าจะตื่นเต้นกับการสัมภาษณ์นี้มากจนคุณหลับไม่ค่อยสนิท”
“อาจจะ…” ทราวิสฝืนยิ้มและพูดว่า “ผมแค่เหนื่อยเกินไป คุณรู้ไหม การฝึกไม่ใช่เรื่องง่าย”
“ค่อยเป็นค่อยไปนะ เพื่อน” กัปตันจอห์นสันตบไหล่ทราวิสและพูดว่า “การกลับมาของเราจะต้องยิ่งใหญ่!”
“ถ้าเราได้กลับมานะ…”
ทราวิสพยายามจะยิ้ม แต่ตาของเขาดูกระวนกระวาย
จิมมี่หันไปสนใจผู้ชมและพูดอย่างเปี่ยมอารมณ์
“นักรบของเราพร้อมที่จะเดินทางแล้ว! เรือลำใหญ่กำลังจะออกแล่น!
“เวลาปล่อยตัวคือสองทุ่ม วันพุธหน้า และ CNN จะถ่ายทอดสดที่ไซต์ปล่อยตัว!
“พระเจ้าจะปกป้องนักรบของเรา และคบเพลิงแห่งเสรีภาพจะส่องทางให้พวกเขา! ร่วมกันส่งคำอวยพรให้นักรบของพวกเรากัน!”
สตูดิโอเต็มไปด้วยเสียงปรบมืออีกครั้ง
โชว์มาถึงจุดสิ้นสุด
วันปล่อยตัว ‘หัวใจทองคำ’ เป็นวันเดียวกับวันปล่อยตัวสตาร์ไลท์ของจีน ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งนี้เป็นการจงใจหรือไม่
สองฝ่ายพยายามจะแข่งขันกันอย่างชัดเจน
การแข่งขันนี้น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ…