มีเวลาไม่ถึงสองเดือนจนกว่าจะถึงเดือนมิถุนายน
ผู้สมัครการคัดเลือกนักวิชาการทุกคนได้ส่งบทความยาว 3,000 คำ เรียบร้อยแล้ว พวกนั้นรอให้การประเมินรอบแรกให้เริ่มอย่างเงียบๆ
แน่นอนว่ามันเป็นช่วงฟ้านิ่งก่อนพายุเข้า
ถึงการประเมินผลรอบแรกไม่ใช่การนองเลือดทั้งหมด กลยุทธ์การวิ่งเต้นทั้งหลายได้เริ่มแล้ว
หลายคนสนุกกับการแข่งขัน หลายคนไม่ได้สนใจ บางคนถึงกับไปการประชุมวิชาการที่ต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงความบ้าคลั่ง
โรงพยาบาลทั่วไป PLA สถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ ห้องแล็บเภสัชภัณฑ์การแช่แข็ง
นักวิจัยอ่อนหัดสองคนยืนอยู่หน้าเครื่องอบความร้อน แล้วทำการทดลอง ‘อย่างมีความสุข’
เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่น โรงพยาบาลทั่วไป PLA อาจฟังดูทรงเกียรติ และมันมีอันดับค่อนข้างสูงในแวดวงอุตสาหกรรม แต่ว่ามันยังมีอันดับที่ต่ำกว่ามหาวิทยาลัยระดับต้น
เหตุผลนั้นก็ชัดเจน มันเหมือนกับที่มหาวิทยาลัยที่มีนักวิชาการมากกว่าไม่สามารถเอาชนะหน่วยงาน อย่าง มหาวิทยาลัยเหยียน และออโรร่า
ยิ่งมีบุคลากรเชี่ยวชาญที่หลากหลายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีการแข่งขันมากขึ้นเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญทุกคนมาจากที่ที่แตกต่างกัน
เมื่อเทียบกับการจ้างคนจากสถาบันอื่น พวกนั้นมักจะฝึกคนของตัวเองมากกว่า
สิ่งนี้เป็นเรื่องจริงทั้งในแวดวงวิชาการและสถาบันภาครัฐที่มีความวิชาการอยู่บ้าง
ในทางตรงกันข้าม นักวิจัยอ่อนหัดที่ห้องแล็บเภสัชภัณฑ์การแช่แข็งค่อนข้างมีความสุข
ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี อาจารย์ของพวกเขา ผู้อำนวยการหลิวสามารถเป็นนักวิชาการได้ในปีนี้
การคัดเลือกนักวิชาการมีมากกว่าการพึ่งดวงและโชคชะตา ผู้อำนวยการหลิวทราบเรื่องนี้ดี นั่นเป็นสาเหตุที่เขายังไม่ได้ส่งบทความส่วนตัว 3,000 คำ
ท้ายที่สุดแล้ว การโน้มน้าวให้คนอื่นโหวตให้เขาหมายความว่าเขาต้องติดหนี้ในอนาคต
นอกจากนี้ เขาก็แพ้ไปแล้วสองครั้ง
หลังจากการคัดเลือกที่ไม่สำเร็จสามครั้งติดกัน คุณสมบัติของการคัดเลือกผู้สมัครก็จะถูกระงับ บทความของผู้สมัครที่เคยส่งไปทุกชิ้นไม่สามารถถูกใช้ซ้ำได้ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเป็นนักวิชาการหลังจากที่คัดเลือกไม่สำเร็จสามครั้ง
แม้แต่คนเบอร์ใหญ่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เพราะเหตุนี้ นักวิชาการอ่อนหัดพวกนี้ไม่ได้ช่วยให้ผู้อำนวยการหลิวได้ติดต่อกับคณะกรรมการนักวิชาการ
ซงสี่หยวนพูดขึ้น “การคัดเลือกนักวิชาการปีนี้น่าสนใจ”
จัวรุ่ยไฉถาม “ทำไมล่ะ”
ซงสี่หยวนพูดตอบ “คุณได้อ่านการคัดเลือกรอบแรกที่ประกาศโดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีนไหม?”
จัวรุ่ยไฉพูดตอบ “เห็นแล้ว มีอะไรแปลกไปเหรอ?”
“ช่วงปีก่อนหน้า การคัดเลือกนักวิชาการเป็นการแข่งขันของคนสูงวัย อายุเฉลี่ยของผู้สมัครนักวิชาการมากกว่า 70 ปี”
ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงมีนักวิชาการมากเป็นอันดับที่สามในประเทศ มันมีปัญหาเรื่องชราภาพที่ร้ายแรง มันนานมาแล้วที่มหาวิทยาลัยจินหลิงได้มีนักวิชาการใหม่
แต่เทรนด์ปีนี้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ นักวิชาการอายุน้อยหลายคนจากมหาวิทยาลัยจินหลิงปรากฏขึ้นที่รายชื่อผู้ผ่านรอบแรก
จัวรุ่ยไฉพูดต่อ “สิ่งที่น่าเซอร์ไพรส์คือ มหาวิทยาลัยจินหลิงมีศาสตราจารย์ลู่ แน่นอนว่าปีนี้จะต่างออกไป! ลืมมหาวิทยาลัยจินหลิงไปเลย มหาวิทยาลัยไหนที่มีศาสตราจารย์ลู่ก็จะมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก”
ซงสี่หยวนพูดตอบ “นั่นไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด”
จัวรุ่ยไฉถามต่อ “มีเหตุผลอื่นอะไรอีก?”
ซงสี่หยวนพยักหน้าและพูดว่า “ถึงศาสตราจารย์ลู่โจวมาจากมหาวิทยาลัยจินหลิง คิดว่าทางมหาวิทยาลัยจะเก็บเขาไว้ได้เหรอ? เหตุผลที่มหาวิทยาลัยจินหลิงแข็งแกร่งแบบนี้ก็เพราะความปรารถนาดีของลู่โจว”
จัวรุ่ยไฉรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาเลยถามว่า “งั้นคุณคิดว่าเขามาจากภาคไหนล่ะ?”
จัวรุ่ยไฉเป็นมือใหม่ในด้านวิชาการ เขาเลยไม่ทราบเรื่องซุบซิบวงในของชุมชนวิชาการ
ซงสี่หยวนมองดูเขาและพูดว่า “ดูที่การคัดเลือกนักวิชาการสิ”
จัวรุ่ยไฉลังเลอยู่สักพักและส่ายหน้า
“ผมไม่รู้ เขาเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงใช่ไหม?”
สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงได้รับความนิยมภายใต้การนำโดยลู่โจว และทางสถาบันได้มีความสำเร็จที่โดดเด่นและเผยแพร่บทความคุณภาพสูงหลายชิ้น
ไม่เพียงแค่นั้น แต่จากบรรยากาศวิชาการที่ผ่อนคลาย นักวิชาการจีนหลายคนจึงมีเป้าหมายที่จะกลับไปจีนและทำงานที่สถาบันนี้
ถึงอย่างนั้นก็ตามสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงก็เทียบกับมหาวิทยาลัยระดับท็อปไม่ได้
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เพิ่งก่อตั้งมาไม่นาน
ซงสี่หยวนมองดูเพื่อนร่วมงานที่สับสนและพูดอย่างช้าๆ
“เขาอยู่ในลีกของตัวเอง”
นักวิชาการอ่อนหัดอีกคนที่นั่งอยู่ข้างพวกเขามีสีหน้าตกใจ
เขาอยู่ในลีกของตัวเอง…
เขาน่าจะเป็นคนเดียวที่อยู่ในลีกของตัวเอง
จัวรุ่ยไฉดูเซอร์ไพรส์เช่นกัน
“ถ้าหัวหน้าเราหลุดโลกได้ขนาดนี้นะ”
“คุณกำลังพูดถึงผู้อำนวยการหลิว?” ซงสี่หยวนยิ้มเยือกเย็นและพูดว่า “ช่างมันเถอะ เราอยู่ในสาขาที่ไม่มีชื่อ มันเป็นปาฏิหาริย์ที่หัวหน้าเราอยู่ในโครงการนักวิชาการฉางเจียง!”
ถึงซงสี่หยวนไม่อยากจะยอมรับ หัวหน้าของเราหลิวจัวปิงนั้นเป็นนักวิชาการที่โดดเด่น แต่หลิวจัวปิงก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงขนาดนั้น
โครงการนักวิชาการฉางเจียงอาจจะเป็นเพดานของเขา
ไม่มีอะไรให้เศร้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ โครงการนักวิชาการฉางเจียงเป็นความสำเร็จที่มหัศจรรย์ มีหลายคนพยายามทั้งชีวิตเพื่อเข้าโครงการนี้
ประตูถูกเปิดออกกะทันหันอีกครั้ง
นักวิชาการอ่อนหัดสองคนหยุดพูดคุยทันที
หลิวจัวปิงเดินเข้าห้องแล็บและตรงไปที่ตู้แช่เย็นเครื่องอบ เขามองดูเซลล์เนมาโทดและมองดูลูกศิษย์ของตัวเอง
“สภาพของแซมเปิ้ลเป็นอย่างไรบ้าง?”
ซงสี่หยวนตอบกับตะกุกตะกัก “มัน…มันยังมีชีวิต”
เขาเพิ่งพบว่าประโยคของเขาไร้ประโยชน์แค่ไหน
แต่หัวหน้าของเขาดูจะไม่สนใจแซมเปิ้ลเครื่องอบเลย
“ส่งรายงานสังเกตแซมเปิ้ลให้ผมพรุ่งนี้ จากนั้นก็เก็บกระเป๋าของคุณเลย เราจะไปจินหลิงพรุ่งนี้!”
ไปจินหลิง?!
เกิดอะไรขึ้น?
จัวรุ่ยไฉและซงสี่หยวนรู้สึกมึนงง รวมทั้งนักวิจัยอ่อนหัดคนอื่นในห้องแล็บ
ศาสตราจารย์หลิวจัวปิงสูดหายใจเข้าลึกและพูดอย่างจริงจัง โดยปกปิดความตื่นเต้นของตัวเอง
“เช้านี้ผมได้รับคำเชิญจากศาสตราจารย์ลู่ให้เข้าร่วมโปรเจกต์การแช่แข็งร่วมที่สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง!”
“โปรเจกต์การแช่แข็งมนุษย์?” ซงสี่หยวนถามอย่างประหม่า “แต่ความเห็นคนส่วนใหญ่กับเรื่องนี้…ไม่ดีใช่ไหม?”
จริยธรรมของวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องร้ายแรง
การทำผิดจริยธรรมอาจจะทำให้เสียตำแหน่งวิชาการ!
แต่ว่าศาสตราจารย์หลิวจัวปิงไม่ลังเลเลย
เขาพูดว่า “การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ต้องอาศัยการเสียสละ ผมยินดีที่จะเสียสละเพื่อประเทศ!”
ซงสี่หยวน “…”
จัวรุ่ยไฉ “…”
นักวิชาการอ่อนหัดคนอื่น “…”
เวรเอ๊ย!
ทำไมนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคุณคลั่งชาติขนาดนี้ได้อย่างไร?
ศาสตราจารย์หลิวพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมได้ตอบรับเข้าร่วมโปรเจกต์แช่แข็งมนุษย์ที่สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงแล้ว สถาบันสนับสนุนการตัดสินใจของผม และพวกเขาอยากให้ผมไปจินหลิงให้เร็วที่สุด! ผมอยากอุทิศตัวเองให้การแข่งขันอวกาศ!”
ซงสี่หยวนพยักหน้าและพูดตอบ “โอเค”
เอาตามตรง เขารู้สึกงงเล็กน้อย
ไม่ใช่เพราะการแช่แข็งจำศีลมนุษย์ ท้ายที่สุดแล้ว หัวหน้าเขานั้นสนใจเรื่องการแช่แข็งมาตลอด…
เขาไม่คิดว่าหัวหน้าของฉันจะเข้าร่วมโปรเจกต์นี้ในช่วงเวลาที่อ่อนไหวแบบนี้
สำหรับการอุทิศให้การแข่งขันอวกาศ…
มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!
ถึงแม้ว่าการแช่แข็งจะมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการบินและอวกาศ สำหรับนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์อย่างพวกเขา การแข่งขันอวกาศค่อนข้างไร้ความหมาย
แต่…
ดูเหมือนว่าชายชราตื่นเต้นกว่าตอนที่เขาชนะการคัดเลือกวิชาการเสียอีก?
เกิดอะไรขึ้น…
นักวิชาการอ่อนหัดสองคน พวกเขามองหน้ากันอย่างตกตะลึง
ซงสี่หยวนพูดขึ้น
“โถ่เว้ย เขายังจะสมัครเป็นนักวิชาการอยู่ใช่ไหม?”
จัวรุ่ยไฉกลืนน้ำลาย
ผ่านไปสักพัก เขาตอบกลับว่า “ศาสตราจารย์ลู่เสียสติไปแล้วจริงๆ…”
…………………………………………