ห้องรับรองแขก สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
เมื่อลู่โจวเปิดประตูเข้าไป เขาเห็นศาสตราจารย์แองกัสนั่งอยู่ที่โซฟา ศาสตราจารย์แองกัสมีเคราสีเทาอยู่บนหน้า หวังเผิงนั่งตรงข้ามเขา
ลู่โจวยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ศาสตราจารย์แองกัสในขณะที่เขาทักทาย
“แองกัส ดีตัน อะไรพาคุณมาถึงที่นี่?”
ศาสตราจารย์แองกัสปรับแว่น ดวงตาเก่าแก่ของเขาทำงานไม่ได้ดีอีกแล้ว เขาจำลู่โจวได้ในที่สุดแล้วตอบกลับอย่างจริงจัง “มันเป็นเพราะว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น คุณน่าจะรู้ว่าทำไมผมมาที่นี่”
มีเรื่องอะไรเพิ่งเกิดขึ้นล่ะ?
ลู่โจวรู้ทันทีว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร เขาหันมองหวังเผิงซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้หวังเผิงลุกออกไป
หวังเผิงลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะลุกขึ้น
แต่เขาไม่ได้ออกจากห้องไปทันที แต่เขากลับเดินไปพูดกับลู่โจวว่า “ผมได้ยินข่าวร้ายมา คุณควรระวังมากขึ้นอีก”
ลู่โจวมองเขาและพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่ทำอะไรที่อันตราย นอกจากนี้ ชุมชนจีนนั้นต่างจากชุมชนต่างชาติ ผมมั่นใจว่าปัญหาที่ศาสตราจารย์เกรนจ์เจออยู่ไม่ใช่ปัญหาที่นี่เลย”
นับตั้งแต่ที่ธีสิสของเกรนจ์ถูกเผยแพร่ สื่อจีนเลือกที่จะเงียบในประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงนี้
“ไม่ ผมไม่ได้หมายถึงองค์กรสิทธิมนุษยชน พวกเขาไม่ใช่ปัญหา มันคือ…” หวังเผิงลังเลอยู่สักพักแล้วมองศาสตราจารย์แองกัส เขากระซิบให้ลู่โจวฟัง “มันคือ CIA…ผมได้ยินมาว่าพวกนั้นมีแผนอะไรบางอย่างอยู่”
ลู่โจวนิ่งไปสักพักแล้วมองดูหวังเผิงด้วยสีหน้าประหลาด
“คุณคิดจริงๆ หรือว่า CIA กำลังบ่อนทำลายเราตอนนี้อยู่?”
ทันใดนั้นหวังเผิงนึกถึงพื้นหลังของดีตันได้ เขายิ้มประหม่า
“ผมคิดว่าคุณพูดถูก”
แองกัส ดีตัน เป็นนักวิชาการรางวัลโนเบล ไม่มีทางที่ CIA จะใช้แองกัสเป็นสายลับได้…
แม้แต่ฮอลลีวูดก็คิดพล็อตเรื่องเสียสติแบบนี้ไม่ได้
ลู่โจวยักไหล่และพูดว่า “ความกังวลของคุณไม่จำเป็นเลย”
หวังเผิงพูดตอบ “ระวังไว้แล้วกันครับ เขาเป็นคนอเมริกัน”
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่สนใจว่าเขาเป็นคนอเมริกันหรือเปล่า ผมเชื่อใจเขา ไม่ต้องพูดถึง…” ลู่โจวพูดติดตลกว่า “ผมไม่กลัวชายชราวัยเจ็ดสิบปีหรอกนะ”
หวังเผิงตัดสินใจเดินออกจากห้องรับรองในที่สุด
ศาสตราจารย์แองกัสและลู่โจวนั่งกันอยู่สองคนในห้องรับรอง
ลู่โจวนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามแองกัส เขาหยิบกาน้ำชาแล้วรินชาให้ตัวเอง จากนั้นเขาเอนตัวที่โซฟาและพูดว่า “ผมเดาว่าคุณมีเรื่องจะพูดเยอะ คุณเริ่มได้เลย”
ศาสตราจารย์แองกัสพูดว่า “ผมแค่อยากจะพูดเรื่องเดียว…ได้โปรดหยุดสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้! การวิจัยของคุณอาจจะปล่อยปีศาจอันตรายออกมา! “
ลู่โจวมองดูควันที่ลอยขึ้นจากถ้วยชา ผ่านไปสักพัก เขาพูดขึ้น
“ผมไม่รู้เรื่องเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยามากนักหรอก ผมเลยไม่ค่อยเข้าใจที่คุณพูดถึงปีศาจอันตราย”
ศาสตราจารย์แองกัสยืนขึ้นและพูดว่า “ถ้าคุณไม่เข้าใจ ผมสอนคนให้ได้นะ”
ลู่โจวพยักหน้าให้แองกัสพูดต่อ
ศาสตราจารย์แองกัสพูดต่อ “ผมต้องการไวท์บอร์ดหรือ…กระดานดำ”
ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา เรามีไวท์บอร์ดและกระดานดำเพียงพอ”
ลู่โจวเจอไวท์บอร์ดแล้วหยิบมันเข้าห้องรับรอง
ศาสตราจารย์แองกัสหยิบปากกามาร์กเกอร์ขึ้นมาแล้วเขียนการคำนวณลงไวท์บอร์ด เขาอธิบายทฤษฎีของตัวเองให้ลู่โจวฟังอย่างเรียบง่าย จากนั้นเขาเขียนบรรทัดที่พูดถึงการคาดคะเนของเขาสำหรับเทรนด์เศรษฐกิจในอนาคต
แองกัสพูดถึงข้อกังวลของเขาในเรื่องเทคโนโลยีจำศีล ปัญหาพวกนี้ทำให้เกิดการตกตะกอนทรัพย์สินปริมาณมาก เปลี่ยนทิศทางชนชั้นสูงไปอนาคต ทำให้ความแตกต่างระหว่างชนชั้นชัดยิ่งขึ้น…เขาบอกว่าปัจจัยพวกนี้จะนำไปสู่การล่มสลายของสังคม
ท้ายที่สุดแล้ว คนรวยพวกนี้โลภกันหมด
ถ้าพวกเขาสามารถใช้ชีวิตที่ดีในอนาคตได้ จะมีใครอยากอยู่ในยุคนี้กันล่ะ?
“…ในสังคมของเรา วิธีการผลิตถูกควบคุมโดยกลุ่มคนไม่กี่คน ดังนั้น พวกเราได้ปรับใช้หลายวิธีการเพื่อไม่ให้ปรากฏการณ์นั้นเกิดขึ้น อย่างเช่น กฎ ข้อกำหนด ภาษี ประมาณนี้
แต่การวิจัยของคุณจะทำลายความพยายามของผู้คนที่จะสร้างสังคมที่สมดุล”
หลังจากได้ฟังทฤษฎีของศาสตราจารย์แองกัส ลู่โจวไตร่ตรองอยู่สักพักก่อนที่จะพูดต่อ “ถึงแม้ผมจะยอมรับว่าข้อกังวลของคุณฟังดูสมเหตุสมผล ผมไม่สามารถเห็นด้วยกับคุณ”
“ทำไมน่ะเหรอ?”
ลู่โจวยิ้มแล้วส่ายหน้า
“มันไม่ใช่แค่เทคโนโลยีการแช่แข็งจำศีลมนุษย์ ปัญญาประดิษฐ์ระดับสูง VR เครื่องจักรกล…มันมีอีกหลายอย่างที่จะทำให้สังคมล่มสลายได้ ถ้าคุณอยากรักษาสังคมให้เป็นแบบนี้ ผมเกรงว่าทางออกเดียวของคุณคือการแบนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์”
ศาสตราจารย์แองกัสพูดว่า “คุณเป็นฟาสซิสต์!”
“ไม่ ผมไม่ได้เป็น ผมแค่มองเรื่องนี้อย่างเป็นกลาง” ลู่โจวส่ายหน้าและพูดอย่างใจเย็น “เทคโนโลยีในตัวมันเองนั้นบริสุทธิ์ ผู้คนต่างหากที่ไม่บริสุทธิ์”
ศาสตราจารย์แองกัสพูดขึ้นทันทีว่า “ถูกต้อง แล้วคุณจะสัญญาอย่างไรว่าผู้คนจะใช้เทคโนโลยีอย่างถูกศีลธรรมและจริยธรรมได้อย่างไร?”
“ผมสัญญาอะไรไม่ได้ เหมือนกับที่นักการเมืองไม่สามารถการันตีสันติภาพโลกได้ นักเศรษฐศาสตร์ไม่สามารถการันตีการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ แม้แต่นักพยากรณ์อากาศก็ยังพยากรณ์อากาศผิดเป็นบางครั้ง…แล้วทำไมคุณถึงเรียกร้องให้ผมสัญญาว่าเทคโนโลยีของผมจะถูกใช้อย่างถูกต้อง?”
ศาสตราจารย์แองกัสนิ่งไปสักพัก
เขาลังเลไปชั่วครู่แล้วขมวดคิ้ว
“คุณพูดถูก…แต่มันเป็นความเสี่ยงที่เราไม่อาจจะรับได้”
“หลายความเสี่ยงหลีกเลี่ยงไม่ได้” ลู่โจวจ้องมองศาสตราจารย์แองกัสและพูดว่า “มนุษยชาติเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเสมอ ถึงแม้ว่าผมตัดสินใจจะไม่วิจัยเทคโนโลยีนี้ ก็จะมีคนอื่นทำ
มันเหมือนกับนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ มีคนจำนวนมากเกลียดผมเพราะว่าผมกำจัดงานเป็นล้านหรือสิบล้านงาน แต่ผมก็เชื่อว่ามีคนจำนวนมากกว่าที่จะขอบคุณผมในอนาคตเพราะมีคนต้องทนทุกข์น้อยลงในเหมืองถ่านหิน คุณภาพชีวิตของผู้คนจะพัฒนามากขึ้น”
นั่นเป็นกฎของการพัฒนาอารยธรรม ถึงแม้ว่าเรื่องอาจจะดูแย่ลงหรือติดขัดชั่วคราว ในระยะยาว คุณภาพชีวิตจะพัฒนาขึ้นเสมอ
ปัญญาประดิษฐ์จะฉลาดมากยิ่งขึ้นมากกว่ามนุษย์ วันหนึ่ง มนุษย์สามารถทำตัวเป็นพระเจ้า แก้ไขยีนและทำให้ตัวเองมีอำนาจเหนือทุกอย่าง…
“การแช่แข็งจำศีลมนุษย์ก็เหมือนกัน มันจะให้โอกาสที่สองสำหรับผู้ป่วยโรคร้ายแรง มันก็จะทำให้อารยธรรมด้ขยายไปทั่วกาแล็กซี่
มันจะส่งผลกระทบต่อสังคมในแง่ลบ…ปัญหาที่คุณพูดถึงนั้นถูกต้อง แต่ผมคิดว่ามนุษยชาติจะหาทางแก้ไขที่เหมาะสมสำหรับปัญหาพวกนี้ เหมือนกับที่พวกเราหาวิธีแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์”
ลู่โจวมองดูศาสตราจารย์แองกัสและพูดเสริมว่า “และงานของคุณคือการปรับใช้เทคโนโลยีพวกนี้ในสังคมด้วยทางที่ไม่ทำลายล้าง”
………………………………………………..