มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน
ศาสตราจารย์หลายคนนั่งดื่มกาแฟในคาเฟ่ที่ชั้นสองของอาคาร คาเฟ่แห่งนี้เป็นที่โปรดของพวกเขาสำหรับการพูดคุยเรื่องวิชาการหรือแค่นั่งอ่านหนังสือและมีความสุขกับยามบ่ายแสนสงบ
เอ็ดเวิร์ด วิทเทน มาเยือนคาเฟ่แห่งนี้เป็นประจำ
วิทเทนเป็นนักฟิสิกส์ดีกรีเหรียญฟิลด์ นักศึกษาส่วนใหญ่เคารพนับถือชายคนนี้อย่างมาก นักศึกษามักจะไปทักทายเขาก่อนหรือพูดคุยเรื่องปัญหาฟิสิกส์ที่ซับซ้อน
ชายชราพูดตอบกลับนักศึกษาพวกนี้อย่างยินดี
เขาและศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนเป็นคนที่เข้าถึงได้ทั้งคู่
วันหนึ่ง หลังจากที่วิทเทนสอนเสร็จ เขามาที่คาเฟ่แห่งนี้ เขาสั่งกาแฟแล้วนั่งริมหน้าต่าง เขารู้สึกเซอร์ไพรส์เมื่อเขาเห็นใครคนหนึ่งเดินขึ้นบันไดและเข้าคาเฟ่มา
“แองกัส?” ตาของวิทเทนเบิกกว้าง เขาวางสมุดโน้ตลงแล้วมองดูศาสตราจารย์แองกัส จากนั้นวิทเทนพูดแซวว่า “เพื่อน ทำไมคุณกลับมาเร็วจัง?”
“เพราะว่าผมได้คำตอบที่ผมต้องการแล้ว” ศาสตราจารย์แองกัสนั่งลงตรงข้ามวิทเทนอย่างช้าๆ แล้วนิ่งไปสักพัก เขาพูดว่า “คุณพูดถูก ถึงผมจะคุยกับเขาไม่ถึงชั่วโมง ผมเรียนรู้มาเยอะ”
วิทเทนยิ้มและพูดต่อ “โอ้ จริงเหรอ? คุณแบ่งปันสิ่งที่คุณรู้มาได้ไหม?”
“นักวิชาการรุ่นใหม่พวกนี้มองโลกในแง่ดีกว่าเรา และพวกเขามีไอเดียที่เป็นเอกลักษณ์ ผมเคยมองโลกในแง่ร้ายเกินไปมาก่อน ผมคิดว่าโลกนี้มันพังไปแล้ว แต่สิ่งนี้ทำให้ผมมีความหวังกับมนุษยชาติ”
“ผมดีใจที่ตอนนี้คุณมองโลกในแง่ดีมากขึ้น” วิทเทนมองดูนาฬิกาข้อมือและพูดว่า “เดี๋ยวผมจะมีสอนฟิสิกส์ ผมต้องไปแล้ว”
“เชิญเลยครับ…จะว่าไปแล้ว ทำไมคุณถึงสนใจสอนนักศึกษาปริญญาตรีล่ะ?” ศาสตราจารย์แองกัสพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เพราะว่าชีวิตจบสิ้นลงเสมอ…ผมคิดว่าคุณพูดถูก พวกเราทุกคนจะตายกันในที่สุด แต่มีหลายสิ่งที่สามารถถูกส่งต่อได้” วิทเทนยิ้มและดื่มกาแฟจนเสร็จ เขาวางกาแฟลงและพูดว่า “บางทีในอนาคตนักศึกษาของผมอาจจะรวมสี่พลังเข้ากันได้”
ศาสตราจารย์แองกัสพูดแซว “หรือบางทีพวกนั้นอาจจะทำไม่ได้”
วิทเทนยิ้มและพูดว่า “ฮ่าๆ หวังว่าจะไม่เป็นแบบนั้น! อย่างไรก็ดี ผมคงตายไปแล้ว…ว่าแต่ คุณอยากจะพนันไหมล่ะ?”
ศาสตราจารย์แองกัสพูดว่า “ไม่มีปัญหา เราพนันอะไรล่ะ? ดูเหมือนว่าคุณเอาเงินขึ้นสวรรค์ไปด้วยไม่ได้”
วิทเทนพูดติดตลก “คุณไม่มีทางรู้ บางทีเราอาจจะใช้เงินบนสวรรค์ได้”
“อีกไม่นานเราก็จะรู้กัน!”
วิทเทนจากไป
ศาสตราจารย์แองกัสนั่งที่คาเฟ่ต่อ
เขามองดูมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันผ่านหน้าต่างอย่างเงียบๆ เขามองดูนักศึกษาเดินตามเส้นทางต้นไม้และเริ่มฝันกลางวัน
ผ่านไปสักพัก เขาหยิบสมุดโน้ตที่ยับเยินออกมา
มันเป็นสมุดบันทึกของเขา จากความทรงจำที่เสื่อมถอยลง เขามักพกมันติดตัวไว้ เมื่อไรก็ตามที่เขาแคลงใจว่ามีเรื่องเกิดขึ้นแล้วหรือไม่ เขาก็จะหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาอ่าน
นอกจากเขียนสิ่งที่ต้องทำลงไปอย่าง ‘จ่ายบิล’ และ ‘ซ่อมก๊อกน้ำ’ เขามักจะเขียนความคิดที่เป็นแรงบันดาลใจลงไปบ่อยๆ…
ศาสตราจารย์แองกัสมองดูหน้ากระดาษว่างแล้วครุ่นคิดเป็นเวลานาน ปากกาในมือเขาจ่ออยู่เหนือหน้ากระดาษ
ดูเหมือนว่าเขาคิดอะไรบางอย่างออกในที่สุด
“การใช้วิธีการที่ผ่านมาเพื่อคาดการณ์อนาคตนั้นไม่ถูกต้อง เราต้องการวิธีการใหม่เพื่อทำนายอนาคต…”
เขาพึมพำกับตัวเองแล้วขีดเขียนลงสมุดโน้ต
[เศรษฐศาสตร์ครอบจักรวาล]
เขานิ่งไปสักพักแล้วขีดฆ่ามัน จากนั้นเขาเขียนบรรทัดใหม่
[สังคมวิทยาแห่งอนาคต]
“ชื่อนี้ดูน่าสนใจมากกว่า…”
ไอเดียดีมักมาในเวลาที่คาดไม่ถึง
ทฤษฎีที่ส่งผลกระทบต่อทั้งโลกได้มีต้นกำเนิดแบบนี้…
…
สัปดาห์ที่สองหลังจากศาสตราจารย์แองกัสกลับไป ลู่โจวได้ยินข่าวลือที่น่าสนใจ
พรินซ์ตอนเปิดวิชาใหม่ให้ศาสตราจารย์แองกัส ดีตัน และมันมีชื่อว่า ‘สังคมวิทยาแห่งอนาคต’ รายวิชานี้ไม่ได้สอนทฤษฎีใดเจาะจง มันเป็นแนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับอนาคต
ถึงแม้ว่าชื่อจะฟังดูแปลกไปหน่อย นักศึกษาหลายคนก็สมัครวิชานี้เพราะว่ามันถูกสอนโดยผู้ได้รับรางวัลโนเบล
ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์แองกัสเขียนหนังสือสำหรับวิชานี้
ถึงแม้ว่าเนื้อหาที่เจาะจงของวิชานี้ยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ จากคำบอกเล่าของเพื่อนเก่าแก่ของแองกัส หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนนิยายไซไฟน่าเบื่อที่ไม่มีฐานวิชาการ
แต่เพื่อนคนนี้ยังบอกว่าหนังสือเล่มนี้อาจจะมีประโยชน์จริงๆ ในอนาคต…
ลู่โจวได้ยินเรื่องพวกนี้จากอดีตนักศึกษาของเขาที่พรินซ์ตัน
ฉินเยว่เลื่อนขั้นจากผู้สอนเป็นศาสตราจารย์ ฮาร์ดี้ผู้ที่กลับไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยเซาเปาโลในบราซิลได้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านทฤษฎีตัวเลขในบราซิล…แน่นอนว่านักคณิตศาสตร์บราซิลมักไม่ได้ถนัดการวิจัยทฤษฎีตัวเลขเสียเท่าไร
สำหรับเวร่า ดูเหมือนว่าเธอกำลังวิจัยการคาดคะเนของรีมันน์กับโมลิน่า ไม่ว่าเธอจะได้ผลลัพธ์การวิจัยบ้างหรือไม่ การมีความกล้าที่จะท้าทายข้อพิสูจน์สุดโหดนี้ก็เป็นความสำเร็จในตัวมันเอง
เหว่ยเหวินกำลังจะได้ปริญญาเอกจากพรินซ์ตัน ในขณะที่เจอริกถูกเชิญให้ร่วมสถาบันวัสดุเชิงคำนวณที่สถาบันเทคโนโลยีแมซซาชูเซตส์…
พูดโดยทั่วไปแล้ว นักศึกษาของเขาทำได้ดีกันทุกคน
ลู่โจวรู้สึกดีใจที่ได้สอนคนพวกนี้
หลังจากที่ตอบอีเมลของฉินเยว่ ลู่โจวยืดตัวและกำลังจะฆ่าเวลาที่ arXiv ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเคาะประตู
ลู่โจวกระแอมแล้วพูดว่า
“เข้ามาได้”
ประตูถูกเปิดออก หวังเผิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ก่อนที่ลู่โจวจะพูดอะไร หวังเผิงชิงพูดขึ้นก่อน
“ข่าวร้าย!”
ลู่โจวขมวดคิ้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
หวังเผิงนิ่งไปชั่วครู่แล้วถอนหายใจ
“ไบโอสเฟียร์ เอ ถูกโจมตีจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย จากคำให้การของหน่วยท้องถิ่น ความเสียหายค่อนข้างเยอะ…”
กองกำลังไม่ทราบฝ่าย…โจมตีเรา?
อะไรวะเนี่ย?!
ลู่โจวจับแขนเก้าอี้และลุกขึ้นทันที
“ทุกคนปลอดภัยดีไหม?”
หวังเผิงตอบ “กองกำลังทหารถูกฆ่าในการสู้รบ นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติปลอดภัยกันทุกคน…คนกลุ่มนี้ถูกย้ายไปที่เมืองเพื่อความปลอดภัย กองกำลังท้องถิ่นถูกส่งตัวออกไปแล้วปิดกั้นถนนทุกเส้นที่อยู่ใกล้เคียง และพวกเขากำลังตรวจสอบพื้นหลังของกองกำลังทหาร แต่…”
ลู่โจวรู้สึกชื้นใจอยู่บ้าง แต่คำว่า “แต่” ทำให้เขาไม่สบายใจอีกครั้ง
“แต่?”
หวังเผิงพูด
“ความเสียหายต่อไบโอสเฟียร์ เอ นั้นร้ายแรง”
…………………………………………….