โรงพยาบาลทั่วไปจินหลิง
ทหารที่ได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลนี้เพื่อการรักษาที่ดีที่สุด
ซึ่งรวมไปถึงผู้บัญชาการกองพันหลี่เกาเหลียง
ถึงหวังเผิงจะไม่แนะนำให้ลู่โจวมาที่นี่ ลู่โจวก็คงดึงดัน หวังเผิงได้รับอนุมัติจากผู้บัญชาการและพาลู่โจวมาที่โรงพยาบาล
จากมุมมองของลู่โจว คนเหล่านี้บาดเจ็บเพราะโปรเจกต์ของเขา มันจะดูเย็นชาไปสำหรับเขาถ้าไม่ได้มาเยี่ยม
ลู่โจวเดินตามหวังเผิงมาถึงส่วนที่ถูกปิดไว้ของโรงพยาบาล
ลู่โจวมองดูทหารที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าทางเดิน และเขาถามอย่างลวกๆ ว่า “มีทหารปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่นี่?”
“แน่นอนสิ” หวังเผิงพยักหน้าและพูดต่อ “ถ้าเราไม่เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ข่าวนี้จะแพร่กระจายเป็นไฟลามทุ่ง”
ลู่โจวพยักหน้าและเดินตามหวังเผิง
หวังเผิงยื่นจดหมายให้การ์ดเฝ้าประตู หลังจากที่ตรวจสอบจดหมายอย่างละเอียด การ์ดทำท่าเคารพแล้วหลีกทางให้
หวังเผิงเดินเข้าวอร์ดและเห็นหลี่เกาเหลียงนอนบนเตียง ขาของหลี่เกาเหลียงถูกพันด้วยผ้าพันแผล ลู่โจวนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดว่า “ขาของคุณ…”
“มันถูกตัดออกไป” หลี่เกาเหลียงพูดตอบ “ศาสตราจารย์ลู่ ทำไมคุณมาที่นี่ล่ะ?”
“ผมมาเยี่ยมคุณ” ลู่โจววางผลไม้และนมไว้บนโต๊ะและพูดว่า “ผมเสียใจจริงๆ ที่มาเห็นคุณในสภาพนี้…”
หลี่เกาเหลียงมองดูด้านข้างแล้วไอ เขาพูดว่า “อย่าพูดแบบนั้นเลย ผมเป็นคนที่ต้องเสียใจ…ผมเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องสถานที่ทดลองได้ ผมล้มเหลวต่อประเทศตัวเอง”
ลู่โจวส่ายหน้าและพูดว่า “การทดลองไม่สำคัญ ตราบใดที่ผู้คนปลอดภัย”
ถึงแม้ลู่โจวเศร้าที่การทดลองได้รับความเสียหาย…
แต่ไม่มีสิ่งไหนสำคัญกว่าชีวิตมนุษย์
ตราบใดที่มนุษย์ปลอดภัย สิ่งเดียวที่ลู่โจวต้องการคือเวลาเพิ่มเติมที่จะทำให้การทดลองกลับไปเป็นปกติ
หลี่เกาเหลียงถอนหายใจและมองดูหวังเผิง
“คุณจุดบุหรี่ให้ผมหน่อยได้ไหม?”
หวังเผิงส่ายหน้าและพูดว่า “เมื่อผมมาที่นี่ หมอบอกผมว่าคุณเพิ่งผ่าตัดเสร็จและไม่ควรสูบ”
หลี่เกาเหลียงพูดตอบ “แค่มวนเดียวเอง ผมอดใจไม่ไหวจริงๆ”
“ไม่” หวังเผิงพูดต่อ “มวนเดียวก็ไม่ได้!”
หลี่เกาเหลียงหันมองลู่โจวและพูดอย่างทำอะไรไม่ถูก “เอ่อ ศาสตราจารย์ลู่ ผมอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว คุณพอจะช่วย…”
หวังเผิงกระแอมและชิงพูดขึ้น “ลืมไปเถอะ เขาไม่ได้สูบ”
หลี่เกาเหลียงพูดต่อ “มีคนที่ไม่สูบบุหรี่ด้วย?”
ลู่โจวตอบ “ใช่ ผมไง คุณมีปัญหาหรือเปล่า?”
หลี่เกาเหลียงกระแอมและพูดว่า “ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น…”
ลู่โจวส่ายหน้าและพูดว่า “จะว่าไปแล้ว…คุณบอกผมได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”
หลี่เกาเหลียงเงียบกะทันหัน
ผ่านไปสักพัก เขาพูดว่า “ผมสามารถบอกได้แค่สิ่งที่ผมรู้”
ลู่โจวพยักหน้า
“ไม่มีปัญหา”
หลี่เกาเหลียงมองดูถุงให้น้ำเกลือข้าวเขาแล้วเริ่มรำลึกเหตุการณ์
“มันเป็นเวลาช่วงห้าโมงเย็น มีพายุทะเลทรายพัดปลิวทั่วทะเลทราย ลมแรงมากจนไม่สามารถเห็นเท้าตัวเองได้
“พวกมันปล้นรถบรรทุกน้ำแล้วเข้าจุดตรวจของเราระหว่างมีพายุทะเลทราย
สถานการณ์อันตรายมาก โชคดีที่ทหารตรงจุดตรวจเห็นว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ว่า…”
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเรียบง่าย และมันสามารถอธิบายได้ด้วยไม่กี่คำ แต่เรื่องราวทั้งหมดต้องใช้มากกว่าไม่กี่คำเพื่ออธิบาย
ทหารที่ปฏิบัติงานที่จุดตรวจเห็นว่ามีอะไรผิดปกติ และแอบกดปุ่มเตือนภัย แต่ศัตรูสังเกตเห็นสิ่งนี้ เมื่อศัตรูรู้เข้า พวกมันหยุดพรางตัวแล้วเริ่มโจมตี
กองทหารติดอาวุธพวกนี้ได้รับการฝึกใช้อาวุธอย่างเป็นทางการมาเนื่องจากการตอบสนองและกำลังต่อสู้เหนือชั้นกว่าผู้ก่อการร้ายทั่วไปมาก
แต่ทั้งหมดนี้ถูกคาดการณ์ไว้แล้ว ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ก่อการร้ายทั่วไปจะไม่ตามหาศูนย์วิจัยที่ถูกซ่อนไว้กลางทะเลทราย
มันชัดเจนว่าคนกลุ่มนี้สังเกตการณ์ศูนย์นี้มานานกว่าหนึ่งเดือนและวางแผนมาอย่างรอบคอบ มันอาจจะเป็นการโจมตีจากวงใน…
โชคดีที่มีกองทหารสี่กองประจำอยู่ที่นี่ เมื่อกลุ่มคนติดอาวุธพยายามขับยานพาหนะบรรทุกน้ำดัดแปลงผ่านสถานที่วิจัยของแคมป์ สไนเปอร์ที่ประจำการได้โต้ตอบอย่างรวดเร็วและยิงคนขับเสียชีวิตด้วยกระสุนนัดเดียว
การต่อสู้ตึงเครียดเกิดขึ้นที่จุดตรวจ ปืน RPG ถูกยิ่งใส่กำแพงด้านนอกของไบโอสเฟียร์ เอ เผาไหม้แผงโซลาร์เซลล์แบตเตอรี่ลิเธียม-ซัลเฟอร์ ซึ่งทำให้สถานที่ไฟลุก
น่าเซอร์ไพรส์ที่กลุ่มทหารจู่โจมทั้ง 12 คน เสียชีวิตทั้งหมด ถึงแม้ว่าคนพวกนี้ถูกล้อมรอบ แต่ไม่มีใครยอมแพ้ การยิงกันหยุดหลังจากที่ทุกคนถูกฆ่า
สำหรับขาของหลี่เกาเหลียง…เขาไม่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการต่อสู้ ตอนที่เขาพยายามจะช่วยอุปกรณ์ทดลอง ขาของเขาได้รับบาดเจ็บจากบล็อกคอนกรีตที่หล่นใส่
หลังจากที่ได้ยินเรื่องของหลี่เกาเหลียง ลู่โจวพูดกลับ “มีคนได้รับบาดเจ็บกี่คน?”
ครั้งนี้หลี่เกาเหลียงไม่ได้พูดอะไรไป เขามองดูลู่โจวพร้อมความเงียบ
หวังเผิงถอนหายใจและพูดว่า “อย่าทำแบบนี้กับเขา…”
ลู่โจวสามารถบอกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติจากที่หวังเผิงมองดูเขา
เรื่องบางอย่างไม่ควรถูกเปิดเผย
เรื่องพวกนั้นควรถูกเก็บงำไว้อย่างน้อยก็เป็นสิบปี
หวังเผิงต้องจัดการหลายอย่างเพื่อแค่ให้ลู่โจวมาเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บคนนี้
อย่างไรเสีย ไม่ว่าจะมีความเสียหายแค่ไหน ทหารที่เป็นคนกดปุ่มเตือนที่จุดตรวจไม่น่าจะรอดมาได้
ลู่โจวจำได้เลือนรางว่าครั้งสุดท้ายที่เขาไปทะเลทรายเพื่อเลือกสถานที่สำหรับแผนการ์เด้น ทหารเยาว์คนนี้ทำความเคารพเขา เขาไม่คิดว่าทหารคนเดียวกันนี้จะถูกฝังในสมรภูมิในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี…
ลู่โจวพูด “…ผมเสียใจ”
ผู้บัญชาการกองพันผิวสีเข้มส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่ต้องเสียใจไป การปกป้องประเทศเป็นหน้าที่ของทหาร ประเทศจะดูแลพวกเรา ขาทั้งสองข้างของผมจากไปแล้ว แต่นั่นหมายความว่าผมจะสามารถเกษียณและได้รับบำนาญไปตลอดชีวิตที่เหลือ…”
ผู้บัญชาการกองพันยิ้มระหว่างที่เขาพูด
แต่ลู่โจวยังสัมผัสได้ถึงความโศกและความเศร้าซึม
ผู้บัญชาการกองพันกำลังปกปิดอารมณ์ของเขาอย่างชัดเจน
ไม่เพียงแต่ว่าเขาเสียทหารไป เขาเสียขาทั้งสองข้างด้วย
เขาอาจจะดีใจที่ได้ตายในสนามรบมากกว่า การใช้ชีวิตที่เหลือในรถเข็นเป็นเรื่องทรมาน…
หวังเผิงมองดูผู้บัญชาการกองพันแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ผ่านไปสักพัก เขาพูดว่า “ถ้าคุณต้องการอะไร บอกผมได้เลย ผมจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ”
หลี่เกาเหลียงยิ้มและพูดว่า “ฮ่าๆ ผมจะจำไว้นะ!”
หวังเผิงพูดตอบ “ผมสัญญา”
“โอเคครับ” หลี่เกาเหลียงส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่เป็นไร ผมแค่เสียขาไปเอง ผมไม่ต้องการคุณ แค่มาดื่มกับผมบ้างก็พอ มันถึงเวลาที่พยาบาลจะให้ยาผมแล้ว คุณควรพาศาสตราจารย์ลู่ไปจากที่นี่นะ”
หวังเผิงพยักหน้าและหันหลังกลับ
ประตูวอร์ดถูกเปิดออก แล้วมีหมอกับพยาบาลเดินสวนหวังเผิงเข้ามา
พยาบาลสาวมองดูลู่โจวและพูดอย่างสุภาพ
“คุณคะ ช่วยออกจากวอร์ดไปได้ไหมคะ? เราต้องตรวจร่างกายคนไข้และเปลี่ยนผ้าพันแผล…”
ดูเหมือนว่าเสียงของพยาบาลปลุกให้ลู่โจวตื่น
ลู่โจวมองดูหลี่เกาเหลียงและพูดว่า “บางทีสถานการณ์อาจจะไม่เลวร้ายขนาดนั้น
บางที…ผมอาจจะทำให้คุณเดินได้อีกครั้ง”
………………………………………………………..