ศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินนาซา
เสียงของประธานาธิบดีคำรามไปทั่วอาคาร
“เวร!
ไอ้พวกโง่!
ถ้าคุณรู้ว่าจะมีพายุทราย ทำไมถึงเลือกส่งชาวอาณานิคมไปตอนนี้ล่ะ?”
ผู้คนในห้องประชุมมองดูประธานาธิบดีที่โกรธเกรี้ยว และพวกเขาเงียบสนิท ไม่มีใครอยากถูกเรียกชื่อ
โดยเฉพาะผู้อำนวยการคาร์สัน
เขาก้มหน้าอย่างประหม่า
เขาไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่ใช่พระเจ้า เขาจะไปคาดคิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
“ท่านประธานาธิบดี…เราไม่มีหอดูสภาพอากาศที่ดาวอังคาร ผมเข้าใจว่าท่านกำลังรู้สึกอะไรอยู่ตอนนี้ แต่มันไม่มีทางที่เราจะรู้ได้ว่าสภาพอากาศที่ดาวอังคารจะเป็นอย่างไร…”
ผู้อำนวยการคาร์สันนิ่งไปชั่วครู่และพูดต่อ
“พูดโดยทั่วไป พายุทรายส่วนใหญ่เกิดขึ้นช่วงฤดูร้อน พายุฤดูร้อนระดับโลกไม่ค่อยเกิดขึ้นนอกฤดูร้อน…สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเรา แต่ว่าเรามีวิธีการรับมือ…”
ประธานาธิบดีจ้องมองเขาและถามอย่างเกรี้ยวกราด “วิธีการรับมือคืออะไรล่ะ?”
“แต่ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเล็กน้อย” ผู้อำนวยการคาร์สันพูดด้วยสีหน้าประหม่า “แผนของเราตอนแรกคือการตั้งจุดเก็บทรัพยากรน้ำบาดาลและมีเทนเพื่อที่ใช้เอาชีวิตรอดบนดาวอังคาร ตราบใดที่เรามีทรัพยากรพวกนี้ พายุทรายที่ปิดกั้นแสงอาทิตย์ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ว่า…”
“แต่อะไร?”
ผู้อำนวยการคาร์สันกลืนน้ำลายและพูดว่า “แต่ชาวอาณานิคมเพิ่งลงจอดดาวอังคารและยังไม่ได้จุดเก็บทรัพยากรมีเทนและน้ำ แหล่งมีเทนที่มีอยู่ตอนนี้…อยู่ได้อีกไม่นาน”
พูดโดยง่ายคือพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าอากาศหลังลงจอดสองสัปดาห์จะย่ำแย่ขนาดนี้
ถึงแม้ว่าพายุทรายระดับโลกที่ดาวอังคารนั้นยากที่จะคาดการณ์ผ่านหอสังเกตทางดาราศาสตร์ ก็สามารถคาดเดาโดยคร่าวๆ ได้จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ มันเกิดขึ้นทุก 3 ปีดาวอังคาร ซึ่งเท่ากับ 5.5 ปีโลก
ครั้งสุดท้ายที่พายุทรายระดับเกิดขึ้นคือในปี 2018 เวลาโลกผ่านไปแค่ 3 ปี นับจากเวลานั้น ไม่ใช่แค่นี้ มันยังมีการโคจรเคลื่อนย้ายโฮห์แมนน์กำลังเกิดขึ้นในไม่ช้า ซึ่งพวกเขาอาจจะใช้มันส่งทรัพยากรให้ชาวอาณานิคมได้
แต่…
ไม่มีใครคาดคิดว่าดาวอังคารจะมีสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้ พายุทรายนี้พัดปลิวไปทั่วดาว เมื่อมองดูจากหอสังเกตทางดาราศาสตร์ ดาวอังคารดูเหมือนก้อนลูกบอลฝุ่นเขรอะที่ปิดกั้นแสงอาทิตย์หมด…
การไม่มีพลังแสงอาทิตย์ไม่ส่วนที่แย่ที่สุด
ส่วนที่แย่ที่สุดคือพวกเขาเพิ่งปลูกพืช และพืชต้องการแสงอาทิตย์ในการเติบโต
มีแค่สองทางเลือกสำหรับชาวอาณานิคม ทิ้งพืชทั้งหมดไปหรือผลาญไฟฟ้าไปกับแสงอาทิตย์จำลอง
ไม่มีทางเลือกไหนดีที่สุด
“ทำไมไม่คิดถึงเรื่องนี้ก่อน?” ประธานาธิบดีพูดกับผู้อำนวยการคาร์สันอย่างโกรธเกรี้ยว “ผมพูดชัดแล้วที่ทำเนียบขาว! ถ้าเราไม่สามารถการันตีว่าชาวอาณานิคมของเราจะปลอดภัย 100% ผมยอมไม่ส่งพวกเขาไปเลยสักคนดีกว่า!”
คาร์สันพูดเสียงเบา “ท่าน…”
ประธานาธิบดีพูดตอบ “อะไร? มีคำถามเหรอ คุณคาร์สัน?”
“ครับ ท่านพูดแบบนั้น” ผู้อำนวยการคาร์สันกลืนน้ำและพูดว่า “แต่ท่านก็พูดระหว่างที่ประชุมส่วนตัว…ว่าต้องชนะการแข่งขันทุกวิถีทางให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”
สีหน้าของประธานาธิบดีแข็งกระด้าง และเขาถูกจมูกอย่างประหม่าแล้วพูดว่า
“ผมพูดแบบนั้นด้วยเหรอ?”
รองประธานาธิบดีที่ยืนอยู่ข้างเขาพยักหน้าเงียบๆ
“ผมจำได้ว่าท่านพูดไว้…เราดูได้จากบันทึกการประชุม”
รองประธานาธิบดีเป็นแค่หุ่นเชิด เขาจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องเอาใจประธานาธิบดี นอกจากนี้ เขาเป็นหัวหน้าคณะกรรมการอวกาศนานาชาติที่ปรับโครงสร้างใหม่ และเขาไม่อยากให้ตัวเองถูกกล่าวโทษ
ประธานาธิบดีพูดตอบกลับ “นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก! ไม่ว่าผมจะพูดอะไรไป ผมอยากให้คุณแก้สถานการณ์เดี๋ยวนี้! ผู้อำนวยการคาร์สัน!”
คาร์สันลุกขึ้นตัวตรงทันที
“ครับท่าน!”
ประธานาธิบดีให้คำสั่งเขา
“ผมต้องการให้คุณคิดแผนได้ในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง และดำเนินการมันในอีกเจ็ดสิบสองชั่วโมง ผมไม่สนใจว่าคุณจะใช้วิธีไหน! เราต้องรับประกันความปลอดภัยของนักบินอวกาศและรักษาชีวิตพวกเขาไว้!
“ถ้ามันล้มเหลว คุณรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
คาร์สันเหงื่อแตกระหว่างที่เขาพูดตอบกลับอย่างประหม่า “ครับท่าน…”
…
[นิวเวอร์จิเนีย!]
“คนพวกนั้นมองโลกในแง่ดีจัง”
ลู่โจวมองดูหน้าต่างป๊อปอัพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์และส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม
ลู่โจวใช้เวลาพักกลางวันที่ออฟฟิศสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง เขาดื่มกาแฟระหว่างที่อ่านธีสิสจำนวนหนึ่ง
เขาสังเกตเห็นป๊อปอัพนี้โดยบังเอิญ
“มันดูเหมือนว่าสเปซเอ็กซ์ใช้เงินโฆษณาเยอะมากจริงๆ พวกนั้นทำการโฆษณาแม้กระทั่งที่ฟอรั่มวิชาการ”
ความเห็นสาธารณะเกี่ยวกับนิวเวอร์จิเนียมีเพียงด้านเดียว
นับตั้งแต่ที่ยานอวกาศ BFS ปล่อยแคปซูลสำเร็จ นิวเวอร์จิเนียดูเหมือนว่าเป็นสถานที่แห่งความฝัน ทุกคนอยากใช้ชีวิตบนดาวอังคารเพราะว่ารายการ “ไดอารี่จากดาวอังคาร”…
สื่ออเมริกาเหนือค่อยๆ หยุดพูดเกี่ยวกับการแข่งขันอวกาศ พวกเขากลับโฟกัสเรื่องการสัมภาษณ์เพื่อนและครอบครัวของชาวอาณานิคม
ลู่โจวก็เป็น ‘แฟน’ ของ ‘ไดอารี่จากดาวอังคาร’ เขาไม่ได้พลาดแม้แต่ตอนเดียว
ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเขาอยากเอาชนะคู่แข่ง เขาต้องเข้าใจพวกนั้นก่อน
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามัสก์หุนหันเป็นประจำ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามัสก์เป็นคนประสบความสำเร็จ
จรวด BFR เป็นจรวดขับเคลื่อนเคมีชั้นนำในโลก แต่มันก็ยังพัฒนาได้อีก
และเขาก็มีระบบช่วยชีวิต…
นอกจากที่ดู ‘ไดอารี่จากดาวอังคาร’ ผ่านคณะกรรมการการโคจรรอบดวงจันทร์ ลู่โจวขอข้อมูลสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากกล้อง FAST จากนั้นเขาส่งข้อมูลให้เสี่ยวไอเพื่อแกะและวิเคราะห์ข้อมูล
ไม่ใช่ทุกข้อมูลส่งสัญญาณสามารถถูกแกะได้ แต่มันมีวิธีอื่นที่จะหาข้อมูลเพิ่มขึ้นจาก ‘นิวเวอร์จิเนีย’
ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เขาอาจจะได้ข้อมูลสำคัญ
ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลการสำรวจทรัพยากรดาวอังคาร…
ลู่โจวปิดหน้าเว็บแล้วกำลังจะกลับไปทำงาน แต่ว่ามีหน้าต่างป๊อปอัพปรากฏที่มุมขวาล่างของหน้าจอ
[เจ้านาย ไฟล์หมายเลข 0001 ถูกไขได้แล้ว! เจ้านายอยากดูเลยไหม? ψ (` ∇́) ψ]
ลู่โจวมองดูอีโมติคอนปีศาจของเสี่ยวไอและยิ้ม
“โอเค ส่งไปที่เดสก์ท็อปทีนะ…อ่อ ไฟล์อื่นเป็นอย่างไรบ้าง?”
[ยังไม่เสร็จ พวกเขาใช้วิธีเข้าถึงรหัสที่ต่างกันไปสำหรับแต่ละการสื่อสาร มันจะต้องใช้เวลานานในการถอดรหัส… (; ́д`)ゞ]
“ไม่เป็นไร ใช้เวลาตามสบาย ฉันไม่รีบ”
[โอเค! เสี่ยวไอจะพยายามให้ดีที่สุด!(≧∀≦)ゞ]
ถึงเสี่ยวไอจะฉลาด มันก็มีขีดจำกัด
แม้แต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถไขรหัสได้ทันที
ไฟล์หมายเลข 0001 เป็นสัญญาณสื่อสารแรกระหว่างหัวใจทองคำกับศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินนาซา ข้อมูลถูกเก็บจากทีมโปรเจกต์ FAST เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
ลู่โจวเปิดไฟล์ที่ถูกไขแล้วและดูมันอย่างผ่านๆ มันเป็นข้อความตามที่เขาคาดไว้ อย่างเช่น ‘ทุกอย่างโอเคดี’ และ ‘ภารกิจได้รับอนุมัติ’ เขาไม่ได้เจอเนื้อหาหวือหวาอะไร
ลู่โจวกำลังจะทำสำเนาไฟล์ใส่ USB แต่เขาได้ยินเสียงเคาะประตู
ลู่โจวปิดไฟล์และกระแอม
“เข้ามาได้ครับ”
ประตูถูกเปิดออก โฮ่วกวงเดินเข้ามา
โฮ่วกวงมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาพูดเข้าเรื่องโดยไม่ได้คุยสัพเพเหระ
“นี่เป็นข่าวจากกล้อง FAST พวกเขาเจอบางอย่างผิดปกติ!”
ลู่โจวนั่งเอนหลังและพูดว่า “อะไรครับ?”
“มันมีพายุระดับโลกเกิดขึ้นที่ดาวอังคาร!”
…………………………………………………………