สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
เฉินหยุนไห่ยืนอยู่หน้าออฟฟิศของคณบดีและสูดหายใจเข้าลึก เขาจัดปกคอเสื้อและเคาะประตูเบาๆ
หลังจากได้ยินว่า “เข้ามาได้” เขาเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป
“ท่าน เรียกหาผมใช่ไหมครับ?”
“ใช่แล้ว” ลู่โจวยิ้มให้เฉินหยุนไห่แล้วลุกขึ้น เขาชี้ไปทางโซฟาและพูดว่า “ไม่ต้องสุภาพหรอก มานั่งเถอะครับ”
เฉินหยุนไห่นั่งลงที่โซฟา และขอบคุณผู้ช่วยที่เพิ่งรินน้ำชาให้ เขาเริ่มมองดูมองกองกระดาษบนโต๊ะกาแฟ
เขามองเห็นการคำนวณซับซ้อนและสัญลักษณ์ขีดเขียนบนกระดาษร่าง และข้างกระดาษกองนั้นคือขั้นตอนการพิสูจน์
เฉินหยุนไห่ไม่รู้ว่าเขากำลังดูอะไรอยู่ ลู่โจวเดินมาพร้อมกาแฟในมือและนั่งลงตรงข้ามเขา
“แค่งานอดิเรกส่วนตัวครับ” ลู่โจวขยับกองกระดาษทดออกไปแล้วหยิบเอกสารที่เพิ่งปริ้นท์ออกมา เขาวางมันบนโต๊ะกาแฟแล้วพูดว่า “สองชั่วโมงก่อน เราได้ถอดรหัสสัญญาณที่ส่งจากดาวอังคารมายังโลก ผมมั่นใจว่าคุณจะสนใจ”
เฉินหยุนไห่มีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันทีและเขารีบหยิบเอกสารขึ้นมา
เมื่อเขาเห็นสามตัวอักษร เขาก็อึ้งไป
“SOS…?”
ลู่โจวพยักหน้า
“ใช่ครับ ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นบนดาวอังคารตอนนี้ ผมคิดว่ามันไม่มีอะไรผิดพลาดกับการถอดรหัสของเรา ผมคิดว่านิวเวอร์จิเนียกำลังเจอปัญหาเล็กน้อย”
ลู่โจวนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นเขาพูดต่อ “แต่เรื่องนี้อาจจะเป็นโอกาสสำหรับเรา”
มีความคิดโลดแล่นในหัวของเฉินหยุนไห่ แต่เขาก็ยังส่ายหน้า
“ผมรู้ว่าคุณหมายความว่าอย่างไร แต่มันอาจจะยากที่จะทำ…ทำเนียบขาวยอมปล่อยให้ชาวอาณานิคมตายแทนที่จะร่วมมือกับเรา”
ถ้าอเมริกาตัดสินใจให้จีนรับผิดชอบภารกิจช่วยเหลือแทน สิ่งนี้นอกจากจะทำลายเกียรติและชื่อเสียงของอเมริกา มันก็ยังจะนำความเสี่ยงมาด้วย อย่างเช่น การขโมยเทคโนโลยี
ถึงแม้ว่ามันไม่ถูกต้องทางการเมือง การบินและอวกาศเป็นอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงในตัวมันเอง การตายของนักบินอวกาศไม่กี่คนไม่สำคัญพอที่จะให้ทำเนียบขาวลดอัตตาลง
เมื่อดูภาพรวม ถ้าพวกอเมริกันไม่สามารถเริ่มภารกิจช่วยเหลือได้ มันคงจะดีกว่าที่ให้นักบินอวกาศสามคนตายแทนที่จะให้จีนเข้าแทรกแซงเรื่องนี้
อย่างมากที่สุด ชาวอเมริกันจะเตรียมพิธีศพพิเศษสำหรับชาวอาณานิคม
บางทีราคาหุ้นของสเปซเอ็กซ์อาจจะตกหนักหลังจากเรื่องนี้ แต่สิ่งนี้จะไม่ใช่จุดจบของโครงการแอรีส นักวิจัยโครงการแอรีสจะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดและลองอีกครั้ง…
“ผมรู้” ลู่โจววางถ้วยกาแฟลงแล้วพยักหน้า เขาพูดว่า “ในทางทฤษฎี มันเป็นความจริง นาซาคงไม่ผลาญเงินเป็นพันล้านเพื่อช่วยชีวิตนักบินอวกาศแค่สามคน…ไม่ใช่แค่นั้นนะ ภารกิจช่วยเหลืออาจจะล้มเหลว สหรัฐอเมริกาอาจจะเลือกประกาศการเสียชีวิตจาก ‘อุบัติเหตุ’ ของนักบินอวกาศสามคน”
“ถูกต้องเลย” เฉินหยุนไห่พยักหน้าและพูดว่า “ดังนั้น มันอาจจะยากสำหรับเราที่หาผลประโยชน์จากโอกาสนี้”
“ไม่จำเป็นหรอก” ลู่โจวส่ายหน้าและพูดว่า “ถ้าเกิดพวกเราบอกพวกอเมริกันว่าเราสามารถช่วยนักบินอวกาศได้ล่ะ?”
เฉินหยุนไห่ดูสนใจแล้วเขาพูดตอบว่า “งั้นคุณกำลังจะพูดว่า…”
“ใช่แล้ว ปล่อยข่าวจากฝั่งเรา” ลู่โจวพยักหน้าและพูดว่า “แล้วพวกนั้นก็จะต้องดำเนินการภารกิจช่วยเหลือ ถ้าพวกนั้นไม่ทำ…
มันจะไม่ใช่อุบัติเหตุอีกต่อไป มันคือการฆาตกรรม!”
ณ สหรัฐอเมริกา
สำนักงานใหญ่นาซา
ที่ศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินโครงการแอรีส พนักงานตั้งใจทำงานในหน้าที่ของตัวเอง
ผู้อำนวยการคาร์สันยืนรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้ประธานาธิบดีทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบันภายในศูนย์นี้
“ตอนนี้เรามั่นใจแล้วว่าพายุทรายบนดาวอังคารเป็นเหตุการณ์ระดับโลกและเราประมาณการว่าพายุทรายจะอยู่ไปอย่างน้อยห้าเดือน ชาวอาณานิคมกำลังเผชิญกับ–“
ประธานาธิบดีขัดผู้อำนวยการคาร์สันและพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ผมไม่สนใจว่ามันคือพายุทรายแบบไหน ผมแค่อยากรู้อย่างเดียวว่าแผนของคุณคืออะไร?”
ผู้อำนวยการคาร์สันเงียบไปสักพัก จากนั้นเขาพูดต่อว่า “ท่านครับ…ผมไม่อยากจะบอกท่านแบบนี้ แต่โอกาสสำเร็จมีไม่มาก ถึงแม้ว่าเราจะปล่อยจรวด BFR ตอนนี้ และไปดาวอังคารโดยใช้วงโคจรที่ไม่ปกติ มันก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนในการไปถึงดาวอังคาร”
ประธานาธิบดีพูดต่อ “แล้วชาวอาณานิคมของเราอยู่รอดได้สามเดือนไหม?”
ผู้อำนวยการคาร์สันนิ่งไปชั่วครู่และพูดต่อ
“มันก็ 50-50…ขึ้นอยู่กับทักษะเอาตัวรอดของพวกเขาครับ”
“เรายังไม่สามารถให้พวกเขารู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร” ประธานาธิบดีพูดตอบ “บอกพวกเขาว่าเราพยายามช่วยพวกเขาเต็มที่ที่สุด และพวกเขาไม่ต้องเป็นกังวลไป!”
“แต่จรวดของเรา…”
ผู้อำนวยการคาร์สันมองดูสีหน้าวิตกของประธานาธิบดี และเขารู้ทันทีว่าประธานาธิบดีกำลังสื่ออะไร
“…เข้าใจครับ”
เมื่อเทียบกับการพานักบินอวกาศที่มีชีวิตกลับมา การขอให้พวกเขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนั้นสำคัญกว่า พวกเขาต้องทำให้นักบินอวกาศเชื่อว่านาซาพยายามที่สุดเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
ถ้านักบินอวกาศรู้ว่าพวกเขาไม่มีโอกาสรอด พวกเขาจะใช้อุปกรณ์สื่อสารทางไกลบนดาวอังคารเพื่อเผยแพร่ข่าวนี้ไปทั่วโลก…
นั่นจะเป็นหายนะสำหรับนาซา
ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าจากทางเดินของศูนย์บัญชาการ
เลขาทำเนียบขาวปรากฏตัวขึ้นข้างหลังพวกเขา
“ท่านครับ?”
ประธานาธิบดีหันกลับมามองดูชายร่างสูง เขาขมวดคิ้วและถามว่า “มีอะไรอีกล่ะ?”
เลขากลืนน้ำลายและพูดตอบกลับ “ข่าวมันหลุดออกไป”
ประธานาธิบดีตอบกลับ “ข่าวอะไร?”
“ข่าวเกี่ยวกับชาวอาณานิคมนิวเวอร์จิเนีย…” เลขาหยิบหนังสือพิมพ์ออกมาจากกระเป๋าและพูดกับประธานาธิบดีอย่างระมัดระวัง “ดูเองเลยครับ”
หนังสือพิมพ์มาจากเหรินเหรินเดลี่ฉบับต่างประเทศ
ประธานาธิบดีมองดูหนังสือพิมพ์แล้วหรี่ตาในขณะที่อ่าน
เมืองเขามองดูหนังสือพิมพ์ หัวใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
พาดหัวข่าวใหญ่ปรากฏขึ้นบนหัวหนังสือพิมพ์
[ดาวอังคารประสบพายุทรายระดับโลกหายาก ชาวอาณานิคม ‘นิวเวอร์จิเนีย’ ตกอยู่ในอันตราย]
อะไรเนี่ย?
…………………………………………………..