โดยปกติแล้ว สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่วิพากษ์วิจารณ์ประเทศอื่น
ประธานาธิบดีไม่ได้คาดคิดว่าจะโดนโจมตีจากสื่อจีนเช่นนี้
[ดาวอังคารประสบพายุทรายระดับโลก ชาวอาณานิคม ‘นิวเวอร์จิเนีย’ ตกอยู่ในอันตราย!]
ในรายงานนี้ เหรินเหรินเดลี่อ้างคำพูดของนักวิจัยจากกล้อง FAST ที่กล่าวว่าพายุทรายอาจอยู่ไปหลายเดือน
ผลกระทบที่ส่งผลมากที่สุดคือแสงอาทิตย์ที่ไปถึงดาวอังคารลดลง 70 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ สิ่งนี้ทำให้เกิดปัญหาการผลิตพลังงาน
ชาวอาณานิคมดาวอังคารจะไม่มีพลังงานพอสำหรับกิจวัตรประจำวัน
นั่นหมายความว่าระบบช่วยชีวิตจะไม่มีพลังงานแสงอาทิตย์เลย!
ถ้าปัญหานี้ยังคงอยู่ พวกเขาจะสามารถเอาชีวิตไปได้อีกสองเดือนก่อนที่ถังมีเทนและออกซิเจนจะถูกใช้จนหมด…
เมื่อข่าวนี้หลุดออกไป มีความโกลาหลเกิดขึ้นในอเมริกาเหนือ
นิวเวอร์จิเนียกำลังถูกฝังใต้พายุทราย?
อะไรเนี่ย?
สิ่งที่ทำให้คนอเมริกาโมโหไม่ใช่ตัวพายุทรายเอง แต่มันเป็นเพราะว่านี่คือครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเรื่องนี้!
ตอนสัปดาห์ก่อน พวกเขายังนั่งกินมันฝรั่งทอดและจิบเบียร์หน้าทีวี แล้วดูรายการไดอารี่จากดาวอังคารผ่านโคลัมเบีย ทีวีอยู่เลย พวกเขาอิจฉาชีวิตของชาวอาณานิคมดาวอังคาร
แต่ในตอนนี้…
พวกเขาไม่อิจฉาเลยแม้แต่น้อย!
หลายคนที่สมัครโครงการแอรีสรู้สึกดีใจที่พวกเขาไม่ได้รับเลือก
ไม่เพียงแต่ว่าพวกเขารู้สึกผิดที่สมัครโครงการนี้ แต่พวกเขาก็ยังโมโหอีกด้วย!
หนึ่งวันหลังจากที่เหรินเหรินเดลี่ฉบับต่างชาติปล่อยข่าวออกไป มีการพูดคุยอย่างหนักหน่วงเกิดขึ้นตามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหญ่ อย่างเช่น เฟซบุ๊ก
ผู้คนเริ่มโพสต์ภาพสกรีนช็อตของการถอนตัวจากการสมัครโครงการแอรีส โดยบอกว่าพวกเขาโดนนาซาและรัฐบาลอเมริกาหลอก พวกเขาบอกว่านาซาทำการทดลองที่ไร้มนุษยธรรม!
คนที่พูดประมาณว่า “อเมริกาเยือนดาวอังคารแล้ว แต่จีนยังติดหงักอยู่ดวงจันทร์?” ได้หายไปอย่างเงียบๆ
แน่นอนว่าคนพวกนี้มีความเห็นแตกต่างออกไป
ยกตัวอย่างเช่น คนอเมริกันคลั่งชาติที่คิดว่า “จรวด BFR จะพาฮีโร่ของเรากลับบ้าน!”…
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันชัดเจนว่านาซาพยายามปกปิดเรื่องนี้
ในอีกมุมหนึ่ง ความสนใจของมวลชนต่อสเปซเอ็กซ์เริ่มจะลดลง จากสถิติ จำนวนอาสาสมัครที่สมัครโครงการแอรีสซึ่งถูกประกาศบนเว็บไซต์ทางการในตอนแรกนั้นใกล้เคียงกับยี่สิบล้าน แต่ในเวลาแค่หนึ่งวัน ตัวเลขลดลงเหลือห้าล้านและยังคงลดลงอีกต่อเนื่อง
สเปซเอ็กซ์และนาซาต้องปิดช่องทางการสมัครบนเว็บไซต์ และเว็บไซต์ของนาซาไม่ได้แสดงจำนวนผู้คนที่สมัครโครงการอีก…
นอกตึกนาซา
รถบรรทุกของสื่อรายใหญ่จอดเต็มลานจอดรถ
นักข่าวพร้อมกล้องและไมโครโฟนยืนล้อมรอบตึก
“คุณคาร์สัน! สถานการณ์ปัจจุบันของนิวเวอร์จิเนียเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดขึ้นแค่ภายในสองสัปดาห์หลังจากชาวอาณานิคมลองจอดที่ดาวอังคาร? นาซาไม่ได้ตรวจสภาพอากาศก่อนอนุมัติโครงการปล่อยยานงั้นเหรอ?”
“นาซากำลังวางแผนช่วยชาวอาณานิคมหรือยัง? ทำไมถึงไม่มีการจัดภารกิจปล่อยยานช่วยเหลือ? พวกคุณจะทอดทิ้งฮีโร่ของเราจริงๆ ใช่ไหม?”
“พวกเรามีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง!”
เมื่อผู้อำนวยการคาร์สันมองดูไมโครโฟนที่รายล้อมเขา เขาเริ่มเหงื่อออกที่หน้าผากและยังรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย
เขาสูดหายใจเข้าลึกและพยายามเอาใจนักข่าว
“พวกเราจะปล่อยแถลงการณ์ในไม่ช้า! แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา! ผมบอกได้แค่ว่าตอนนี้ชาวอาณานิคมของเราปลอดภัย! พวกเรามีเทคโนโลยีไบโอสเฟียร์ประดิษฐ์ที่ล้ำที่สุดในโลก ถึงแม้ว่าพายุทรายอาจจะอยู่เป็นปี ชาวอาณานิคมของเราจะปลอดภัย!”
แต่คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อในสิ่งที่ผู้อำนวยการคาร์สันพูด
พวกเขาคิดเกี่ยวกับรายการ ‘ไดอารี่จากดาวอังคาร’ ที่ถูกระงับ และพอมีไอเดียคร่าวๆ เกี่ยวกับสถานการณ์แท้จริง
สถานการณ์ที่นิวเวอร์จิเนียดูไม่ดีเท่าไหร่
นอกจากนี้ ชาวอาณานิคมอาจจะรอดชีวิตได้อีกไม่นาน…
…
มันยากที่จะเก็บพายุทรายระดับโลกเป็นความลับ ท้ายที่สุดแล้ว ศูนย์หอดูดาวดาราศาสตร์ที่มีพลังสูงสามารถส่องกล้องโทรทรรศน์ไปที่ดาวอังคารและสังเกตว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
แต่หอดูดาวส่วนใหญ่ไม่ได้คิดว่าผลกระทบร้ายแรงจะเกิดขึ้นกับชาวอาณานิคมดาวอังคาร
นั่นเป็นแบบนั้นจนกระทั่งเหรินเหรินเดลี่ฉบับต่างชาติได้เปิดเผยความจริง…
ผู้อำนวยการคาร์สันได้กำจัดนักข่าวน่ารำคาญได้ในที่สุด เขาเดินไปทางตึกนาซาและมุ่งตรงไปที่ห้องศูนย์บัญชาการ เลขาธิการนาซารีบพูดกับเขา
“สถานการณ์ดูไม่ค่อยดี จูเลียเป็นชาวดัตช์ รัฐบาลดัตช์ได้แสดงความกังวลเรื่องการพัฒนาล่าสุดของโครงการแอรีส คืนก่อน พวกฝรั่งเศสยังได้แถลงว่าถ้าเราไม่สามารถอธิบายสถานการณ์ที่นิวเวอร์จิเนียได้ พวกเขาอาจจะพิจารณาปิดการสมัครโครงการแอรีส…ประธานาธิบดีบอกว่าประชาชนไม่อยากข้องเกี่ยวกับนิวเวอร์จิเนีย”
“โว้ย ใครจะไปสนว่าคนฝรั่งเศสจะเกี่ยวข้องหรือไม่!”
แม้ว่าผู้อำนวยการคาร์สันจะดูไม่แคร์ สีหน้าของเขาสื่อออกมาตรงกันข้าม
นี่เป็นปัญหาระดับการทูต
ยุโรปเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐอเมริกา พวกเขาจะเพิกเฉยความรู้สึกของพวกนั้นไม่ได้
นอกจากนี้ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่ความสัมพันธ์การทูต แต่มันเป็นมติมหาชนที่ล้นหลาม
ถ้าพวกเขาไม่สามารถช่วยชาวอาณานิคมได้ ประธานาธิบดีอาจจะไม่ชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาอาจจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการนาซา
ถึงแม้ว่าพวกเขาอยากจะช่วยชาวอาณานิคม…
พวกเขาไม่สามารถทำได้
ผู้อำนวยการคาร์สันเดินเข้าห้องบัญชาการและสูดหายใจเข้าลึก เขาคิดถึงสิ่งที่จะพูดกับพนักงานที่ทำงานที่นี่
แต่ผู้ช่วยรีบวิ่งมาหาเขาโดยที่ถือแล็ปท็อปอยู่ในมือ
“ผู้อำนวยการ คุณมีสายวิดีโอคอลล์”
ผู้อำนวยการคาร์สันถาม “ใครโทรมา?”
“ไอพีแอดเดรสมาจากอีกฟากของมหาสมุทรแปซิฟิก…” มหาสมุทรแปซิฟิก ผู้ช่วยกลืนน้ำลายและพูดว่า “ผมคิดว่ามันมาจากจินหลิง ประเทศจีน”
คาร์สันหรี่ตา เขาพอมีไอเดียคร่าวๆ ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
เขาเปิดแล็ปท็อปและกดปุ่มเอนเทอร์
วิดีโอคอลล์ถูกเชื่อมต่อ
มีใบหน้าคุ้นเคยปรากฏขึ้นที่กลางวิดีโอ
“สวัสดีครับ คุณคาร์สัน ดีใจที่ได้พบนะครับ ดูเหมือนว่าเขากำลังเผชิญปัญหาอยู่”
ผู้อำนวยการคาร์สันจ้องดูศาสตราจารย์ลู่ผ่านหน้าจอ เขาไม่ได้คิดจะถามว่าศาสตราจารย์ลู่ได้บัญชีเฟซบุ๊กของเขามาได้อย่างไร เขาพูดว่า “ใช่ แต่คุณไม่ต้องกังวลไป พวกเราสามารถจัดการได้กันเอง”
“โอ้ จริงหรือครับ?” ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “ว่าไปแล้ว เมื่อ 72 ชั่วโมงก่อนวินโดว์ คุณพลาดช่วงการเคลื่อนย้ายวงโคจร ถ้าคุณอยากส่งจรวด BFR ไปตอนนี้ สถานการณ์อาจจะไม่ดีที่สุดเท่าไหร่ ผมได้ทำการคำนวณขั้นตอนการบินมาบ้างและอัปโหลดมันไปที่ arXiv คุณสามารถดูได้ ถ้าคุณต้องการ”
ผู้อำนวยการคาร์สันแทบสำลักเลือดออกมา
การคำนวณเอาสนุกนั้นไม่เป็นอะไร
แต่เขาไม่อาจเชื่อได้ว่าลู่โจวโพสต์มันบน arXiv
จากอิทธิพลของลู่โจวบน arXiv ภายในพรุ่งนี้ นักข่าวจะถล่มหน้าประตูหน้าด้วยข้อมูลฉาวชิ้นใหม่นี้
ผู้อำนวยการคาร์สันมองดูหน้าตาน่ารำคาญของลู่โจวและถามว่า “คุณกำลังเล่นตลกกับเราเหรอ?”
“ไม่เลยครับ พวกเรารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับสถานการณ์ของคุณ” ลู่โจวส่ายหน้าและพูดต่อว่า “จะว่าไปแล้ว คุณอยากเรียนรู้ระบบขับเคลื่อนทรัสเตอร์ไอออนของเราไหม?”
…………………………………………