ตอนที่ 80 ลู่โจว นายกำลังดัง!
ท้ายที่สุดแล้วเลขาหลิวก็เป็นคนที่ยุ่งมาก เขาพูดเป็นทางการหน้ากล้องอีกสองสามคำ เมื่อเขาเสแสร้งหน้ากล้องเสร็จ เขาก็จากไป
ลู่โจวแปลกใจที่เห็นศาสตราจารย์หวังจากไปเช่นกัน หลังจากทั้งสองจากไป สื่อก็หายไปมากเช่นกัน
เอิ่ม…
ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนฉันเสียเปรียบ?
มันใช่ว่าลู่โจวจะเสียอะไรไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจนัก
คณบดีฉินมองกระเป๋าสะพายของลู่โจวแล้วถาม “เธอจะไปห้องสมุดหรือ?”
ลู่โจวพยักหน้า “ครับ ผมเรียนที่ห้องสมุด”
คณบดีฉินยิ้มแล้วกล่าว “ฉันก็จะไปทางนั้น เดินไปด้วยกันไหม?”
“ครับ”
ตึกบริหารอยู่ไม่ไกลจากห้องสมุดนัก ทั้งสองเดินไปตามถนนอิฐตรงไปทางห้องสมุด
ระหว่างทาง จู่ๆคณบดีฉินก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครั้งก่อนฉันพูดว่าไง? เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องช็อคโลกไหม?”
ลู่โจวยิ้มด้วยความเขินอาย “ผมคิดว่า…มันยังแตกต่างจากช็อคโลกเล็กน้อย”
คณบดีฉินยิ้มแล้วกล่าว “อ่า เธอค่อนข้างทะเยอทะยาน แม้แต่เหรินเหรินไดอารี่จะตีพิมพ์เรื่องของเธอ ถ้าเรื่องนี้ไม่นับเป็นเรื่องช็อคโลก แล้วมันคือ?”
ลู่โจวช็อค “เหรินเหรินไดอารี่?”
คณบดีฉินเลิกคิ้วแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เธอไม่ได้อ่านบนโลกออนไลน์หรือ?”
“อืม…อันที่จริงผมพึ่งตื่น”
คณบดีฉินส่ายหน้าแล้วกล่าว “เธอไม่ควรนอนดึกขนาดนั้น รักษาสุขภาพด้วย เธอต่างจากฉัน เธอยังมีเส้นทางอีกยาวไกล ดังนั้นเธอไม่ควรทำร้ายสุขภาพตนเอง”
ลู่โจวตอบ “ผมเข้าใจ” อันที่จริงเขาอยากจะพูดว่า ‘ผมไม่ได้นอนดึก มันเป็นเพราะผมฉีดยาจนผมนอนนานขึ้น’
“บทความในเหรินเหรินไดอารี่ค่อนข้างน่าสนใจและมันก็พูดถึงเธอ ถ้าเธอสนใจ เธอก็ลองไปอ่านดู” คณบดีฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขากล่าวต่อ “เลขาหลิวอ่านบทความนั้นตอนเช้าแล้วรีบมามหาลัยตอนบ่ายเลย”
นั่นเป็นเหตุผลที่เขามา?
ลู่โจวแปลกใจ
แม้ว่าเขาจะเดาว่าเลขาหลิวสนใจวิทยานิพนธ์ของเขาในรูปแบบการเมือง แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันเป็นเพราะเหรินเหรินไดอารี่
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาลองมาคิดอย่างรอบคอบ มันก็สมเหตุสมผล ท้ายที่สุดแล้วข่าวของเหรินเหรินไดอารี่ก็สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของทั้งประเทศ ถ้าคนเบื้องบนสนใจ คนเบื้องล่างก็จะสนใจเช่นกัน มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ
ลู่โจวรู้สึกสะเทือนใจอย่างลึกล้ำ
อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยสนใจเรื่องการเมือง ดังนั้นเขาควรอยู่ให้ห่างเข้าไว้
เมื่อคณบดีฉินเห็นลู่โจวไม่พูด เขาจึงกล่าว “มุมมองของศาสตราจารย์ถังถูกต้องจริงๆ เธอต้องป้องกันตัวเองจากความทะนงตนและอยู่ให้ห่างจากชื่อเสียง แต่ฉันคิดว่ามนุษย์ก็ยังเป็นสัตว์สังคม ถ้าเธอต่อต้านสังคมเกินไป เธอจะมีช่วงเวลาที่แย่”
ลู่โจวพยักหน้าอย่างระมัดระวังแล้วถาม “คณบดีฉิน ท่านอยากจะพูดอะไรหรือ?”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่พูดไปเรื่อย” คณบดีฉินกล่าว เขายิ้มแล้วถาม “เอ้อ เธอไม่สนใจรางวัลมหาลัยหรือ?”
ลู่โจวกล่าว “ท่าน…ช่วยเปิดเผยให้ผมล่วงหน้าได้ไหม?”
“มันไม่ใช่เรื่องไม่ดี ทำไมฉันจะเปิดเผยให้เธอไม่ได้?” คณบดีฉินกล่าว เขายิ้ม “ถ้าเธออยากฟัง ฉันจะบอกเธอ”
คณบดีฉินเงียบสักพักก่อนจะพูดต่อ
“อย่างแรกคือปัญหาลงทะเบียนที่อยู่ เจ้าหน้าที่ของเมืองจะช่วยเธอแก้ปัญหานั้น สภาเมืองได้แนะนำให้เธอย้ายมาลงทะเบียนที่อยู่จากเจียงหลิงมาอยู่จินหลิง เธอจะได้เพลิดเพลินกับนโยบายสิทธิพิเศษที่มีให้แก่บุคคลที่มีความสามารถ ถ้าเธอไปขอสินเชื่อ ธนาคารจะไม่ตรวจสอบเครดิตของเธอ แถมอัตราดอกเบี้ยยังต่ำมาก ฉันไม่รู้ว่ามันต่ำแค่ไหน แต่มันต่ำเอามากๆ”
“เธออาจสนใจประเด็นที่สองมากกว่า” คณบดีฉินกล่าวและมองลู่โจวที่กำลังตั้งใจฟัง เขายิ้ม “เมื่อวาน ประธานใหญ่เรียกเราไปประชุมเพื่อหารือเรื่องวิทยานิพนธ์ของเธอ จากกฏการตีพิมพ์ SCI ก่อนหน้านี้ ปัจจัยกระทบใช้เป็นเกณฑ์ให้รางวัล อย่างไรก็ตามปัจจัยกระทบไม่ได้วัดคุณค่าทางวิชาการของวิทยานิพนธ์ของเธอได้แม่นยำนัก”
“ดังนั้น เราจึงทำวิจัยแล้วตัดสินใจมอบรางวัลให้เธอล้านหยวน!”
คณบดีฉินเน้นย้ำคำว่า’ล้านหยวน’
มันเป็นเหมือนลมกรรโชกพัดผ่านไป
สายลมพัดเข้าไปในหูลู่โจวแล้วเขาก็หยุดหายใจไปสักครู่
“หนึ่ง…ล้าน?!”
ลู่โจวกลืนน้ำลาย เขาสาบานได้เลยว่าเขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น
“ใช่ มันน้อยเกินไปหรือ?” คณบดีฉินถาม เขายิ้มแล้วกล่าวต่อ “มันค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับข้อคาดการณ์ของสีตะปัน ข้อคาดการณ์ของโจวมีส่วนช่วยเหลือแวดวงคณิตศาสตร์ของประเทศเรามากกว่า อย่างไรก็ตามฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจว่ารางวัลหนึ่งล้านหยวนคือจำนวนสูงสุดที่อาจารย์ใหญ่มอบให้”
แม้ว่ามหาลัยจินหลิงจะร่ำรวยด้วยเงินทุนที่รัฐมอบให้ แต่เงินก้อนนี้ก็ไม่อาจใช้อย่างไม่ระวัง
อันที่จริงคณบดีฉินไม่ได้บอกเรื่องทั้งหมดแก่เขา รางวัลล้านหยวนไม่ได้ถูกตัดสินใจโดยอาจารย์ใหญ่สวี่เอง พวกเขาประชุมกันแล้วไปขอผู้อำนวยการกระทรวงศึกษาธิการที่มอบไฟเขียวให้พวกเขา
ตั้งแต่เงินมาจากบัญชีไหน เงินถูกใช้ทำอะไร ทั้งหมดนี้ต้องวางแผน
“ไม่ มันไม่น้อยเลย”
ลู่โจวตื่นเต้นมากจนไหล่เริ่มสั่น
ล้านหยวน!
มันเทียบได้กับเขาไปสอนพิเศษหลายร้อยเดือน!
เขาเห็นเงินจำนวนนี้ได้แต่ในหนังเท่านั้น…
เมื่อคณบดีฉินเห็นความตื่นเต้นของลู่โจว เขาก็ยิ้มในใจ คณบดีรู้ว่าลู่โจวจะมีความสุขมาก
เขาหยุดสักพักแล้วยิ้ม “เอาล่ะ ฉันบอกเธอล่วงหน้าแล้ว เราถึงห้องสมุดแล้ว ไปเรียนเถอะ”
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “ขอบคุณครับคณบดีฉิน ไว้พบกันใหม่ครับ!”
“ไปเถอะ”
หลังจากแยกจากคณบดีฉิน เขาก็ยังไม่หายช็อคจากข่าวล้านหยวน
เขารู้สึกวิงเวียนเหมือนกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า
เขายังกังวลเรื่องภารกิจหาเงินห้าล้านอยู่เลย แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าทางมหาลัยได้ช่วยเขาทำภารกิจไป 20% แล้ว…
ไม่ไกลจากตรงนั้น เฉินยู่ซานถือหนังสือแล้วเดินไปตรงทางเข้าห้องสมุด
เมื่อเธอเห็นคนที่คุ้นเคยกำลังยืนอยู่หน้าห้องสมุด แววตาของเฉินยู่ซานก็เปล่งประกาย เธอเดินเข้าไปตบบ่าลู่โจว
“ลู่โจว นายรู้ไหมว่านายกำลังดัง?”
ลู่โจวหันไปมอง ตอนที่เขาเห็นเฉินยู่ซาน เขาก็ยังช็อคกับข่าวไม่หาย เขากล่าว “ผมรู้”
เฉินยู่ซานเปิดปากและรู้สึกผิดหวัง “โอ้…นายรู้อยู่แล้ว”
“ล้าน…”
เฉินยู่ซานสับสน “ล้านอะไร?”
“ไม่มีอะไร” ลู่โจวพึมพำและในที่สุดเขาก็ได้สติและส่ายหน้า เขากล่าว “คุณเลี้ยงข้าวผมบ่อย ผมต้องคืนคุณ…ผมจะเลี้ยงมื้อเย็นคุณ”
“จริงเหรอ?” เฉินยู่ซานกล่าวด้วยแววตาเปล่งประกาย อย่างไรก็ตามจากนั้นเธอก็ถามด้วยสีหน้าแปลกใจ “เดี๋ยว ทำไมนายใจกว้างแบบนี้ล่ะ? มันไม่เหมือนนายเลย”
“…คุณจะกินไหม?”
“ฉัน!” เฉินยู่ซานพยักหน้าทันที เธอนึกถึงประสบการณ์อันหน้าเศร้าจากครั้งก่อนอย่างรวดเร็ว “เราไม่กินหม้อไฟหม่าล่าได้ไหม? ครั้งก่อนฉันเกือบตาย…”
เมื่อลู่โจวเห็นสีหน้าของเธอ เขาก็เกือบหัวเราะออกมาเสียงดัง
มันก็แค่หม้อไฟหม่าล่า ทำไมคุณถึงกลัวนัก?