สตาร์ไลท์กำลังแล่นในอวกาศมืดทมิฬและมันเคลื่อนที่เข้าใกล้ ‘ท่าจอดยาน’ สีเงิน
‘อุปกรณ์ลงจอด’ คู่ยาวค่อยๆ ยื่นออกมาจากสตาร์ไลท์ อุปกรณ์ลงจอดของสตาร์ไลท์ชี้ไปทางท่าจอดยานของสถานีอวกาศ จากนั้นสตาร์ไลท์ค่อยๆ เคลื่อนที่เข้าหาสถานีอวกาศ
จอห์นสันนั่งดูสถานีอวกาศผ่านหน้าต่างจากที่เคบิน หัวใจเขาเต้นดังไม่หยุดและมือของเขาเริ่มมีเหงื่อออก
ท่าจอดยานอวกาศเป็นหนึ่งในส่วนที่ยากที่สุดของเทคโนโลยีการบินและอวกาศ
มันต้องอาศัยกล้องอุตสาหกรรมที่แม่นยำ วัสดุยานอวกาศที่แข็งแรง และเทคโนโลยีควบคุมเครื่องยนต์ที่ทันสมัย มันยังต้องอาศัยความต้องการของชุดซอฟต์แวร์ อย่างเช่น การสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์และการวัดด้วยการสังเกต
มันยังมีความต้องการที่ยากโดยเฉพาะสำหรับอัลติจูดวงโคจรและความเร็วของยานอวกาศ การควบคุมเครื่องยนต์ต้องแม่นยำในเวลาหนึ่งวินาที การผิดพลาดในหนึ่งวินาทีอาจทำให้การเทียบท่าล้มเหลว
เมื่อโปรเจกต์เจมินี่ของสหรัฐอเมริกาเปิดตัวขึ้น พวกเขามีเป้าหมายที่จะเทียบท่าเจมินี่ 6 กับเจมินี่ 7 ยานอวกาศสองลำสามารถรักษาระยะห่าง 30 เซนติเมตร ได้ยี่สิบนาที แต่พวกเขาล้มเหลวในที่สุด ในปีต่อมา สหรัฐอเมริกาได้เทคโนโลยีนี้ในที่สุดด้วยการเทียบท่าเจมินี่ 8 กับยานอวกาศไร้คนควบคุม
การเทียบท่ายานอวกาศที่มีคนควบคุมเกิดขึ้นในยุคเจ็ดศูนย์ ตอนนั้นสหรัฐอเมริกาและโซเวียตได้จับมือกันและคืนดีในที่สุด พวกนั้นร่วมแรงกันในด้านการบินและอวกาศ
หนึ่งในเหตุผลหลักที่โครงการอะพอลโลไม่ได้ปล่อยส่วนประกอบเป็นขั้นตอนและเทียบท่าในอวกาศเป็นเพราะว่าปัญหาทางเทคนิค มันง่ายกว่าที่จะใช้จรวดทรัสต์สูงและปล่อยส่วนประกอบทั้งหมดไปพร้อมกัน
เมื่อเทียบกับทราวิส จูเลีย และจอห์นสันที่อยู่กับนาซามานานกว่า เขารู้ว่าการเทียบจอดมันยากแค่ไหน
แต่ในชั่วพริบตา อุปกรณ์ลงจอดของสตาร์ไลท์ถูกสอดเข้าไปที่ท่าลงจอดของปราสาทจันทรา
สตาร์ไลม์เชื่อมต่อการเทียบจอดกับสถานีอวกาศสำเร็จ อุปกรณ์ลงจอดเชื่อมติดกับสตาร์ไลท์ซึ่งดึงสตาร์ไลท์ไปทางสถานีอวกาศ
ในที่สุดยานอวกาศสองลำเชื่อมต่อกัน
หลังจากนั้น…
มันสิ้นสุดแล้ว
กระบวนการเทียบจอดไม่ได้ระทึกเลย มันราบรื่นอย่างน่าประหลาดใจ
“อะไรวะเนี่ย?”
เมื่อจอห์นสันมองนอกหน้าต่าง มันดูเหมือนว่าเขาเพิ่งเห็นผี
ในฐานะนักบินอวกาศนาซาที่ฝึกฝนมา เขารู้มาว่าการเทียบจอดยานอวกาศจะเป็นเรื่องที่ยากมากกว่านี้!
วิธีการเทียบจอดยานอวกาศที่ถูกต้องคือการขับยานอวกาศไปหน้าสถานีอวกาศ จากนั้น ลดความเร็วเพื่อให้สถานีอวกาศตามได้ทัน
เขาไม่เคยเห็นยานอวกาศใช้อุปกรณ์ลงจอดเพื่อ ‘ดึง’ ตัวเองเข้าสถานีอวกาศ
สัญญาณไฟเคบินถูกเปิดขึ้น
ประตูเคบินทั้งหมดถูกปลดล็อก ทราวิสลอยออกจากห้องและยืดแขนยืดขา เขาเห็นจอห์นสันที่ดูมึนงงเล็กน้อย
“เฮ้ มีอะไรหรือเปล่า?”
จอห์นสันมองดูเขา
“เห็นไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? เห็นใช่ไหมว่าพวกจีนเทียบจอดยานอวกาศอย่างไร?”
ทราวิสมองดูกัปตันและเกาหัว เขาขมวดคิ้วและพูดตอบ “ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร”
จอห์นสันถอนหายใจ
“ช่างมันเถอะ…”
จอห์นสันรู้ว่าเขาไม่ควรถามทราวิสด้วยคำถามซับซ้อน
ชาวอาณานิคมสามคนลอยไปรอบพื้นที่ส่วนกลาง ประตูหลักของเคบินเปิดออกช้าๆ และหลิวเปียวปรากฏตัวขึ้นในชุดนักบิน
“สตาร์ไลท์เทียบจอดกับสถานีอวกาศปราสาทจันทราสำเร็จ เราจะตรวจร่างกายพวกคุณในอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง และจะทำการฆ่าเชื้อทั้งยานอวกาศ
เมื่อหลิวเปียวสังเกตกะทันหันว่าจอห์นสันมีท่าทีเหมือนเพิ่งเห็นผีมา เขาถามว่า “คุณไหวไหม?”
“ผม…สบายดี” จอห์นสันอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พวกคุณทำมันได้อย่างไร?”
หลิวเปียวไปต่อไม่ถูก “ทำอะไรเหรอ?”
จอห์นสันอ้าปากกว้างแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เราควรถามเขาดีไหมว่าพวกเขาสามารถเทียบจอดยานอวกาศแบบนั้นได้อย่างไร?
การเทียบจอดยานอวกาศสำหรับพวกเขาอาจจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
แต่ว่าจอห์นสันไม่อยากเชื่อว่าเทคโนโลยีการบินและอวกาศของจีนล้ำหน้าขนาดนี้
จอห์นสันยิ้มให้นักบินอวกาศชาวจีนและตอบกลับว่า “ไม่มีอะไรครับ…ถือว่าผมไม่ได้พูดอะไรไปนะ”
แต่ลึกๆ ในใจ เขาก็ยังอยากรู้…
หลังจากที่สตาร์ไลท์และปราสาทจันทราเชื่อมต่อกันสำเร็จ หลิวเปียวนำชาวอาณานิคมทั้งสามไปที่ห้องแอร์ล็อก
เมื่อยานอวกาศถูกปลดออก มันจะเป็นเขตกันชนให้นักบินอวกาศเดินทางเข้าออกสถานีอวกาศ ส่วนนี้เป็นพื้นที่ให้นักบินอวกาศสวมชุด ตรวจอุปกรณ์และปรับความดันอากาศ…
แต่ตอนนี้มียานอวกาศเทียบจอด ห้องแอร์ล็อกกลายเป็นจุดตรวจ
“รอตรงนี้ก่อน หมอผู้เชี่ยวชาญจะตรวจร่างกายคุณ หลังจากที่ตรวจร่างกาย เราอาจจะพาคุณทัวร์ปราสาทจันทรา
จอห์นสันมองดูหลิวเปียวและถามว่า “ตอนนี้พวกเราทำอะไร?”
หลิวเปียวยิ้มและพูดว่า “หาอะไรกิน หาอะไรดื่ม จากนั้น…ทีมแพทย์จากสหประชาชาติอาจจะขอตัวอย่างปัสสาวะและอุจจาระจากคุณ”
จูเลียหน้าแดงขึ้นและถามว่า “ตรงนี้เลย?”
“ไม่ใช่ตรงนี้ครับ” หลิวเปียวชี้ไปทางประตูอัลลอยโลหะและพูดว่า “ตรงนั้นมีห้องน้ำครับ”
ชาวอาณานิคมไม่ต้องรอนาน
ด้วยการช่วยเหลือจากทีมงานปราสาทจันทราสองคน จอห์นสันและชาวอาณานิคมอีกสองคนตรวจร่างกายเสร็จอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเมตาบอไลต์ก็ถูกเก็บจากสามคนนี้ จากนั้นสารพวกนี้ถูกส่งไปที่เคบินทดลองพิเศษ
ศาสตราจารย์เลสลี่จากสถาบันจุลชีววิทยาที่ศูนย์สุขภาพเลอมานาคลีนิคในสวิตเซอร์แลนด์รับผิดชอบการวิเคราะห์ตัวอย่างพวกนี้ นักวิจัยจ้าวชูเซวียนจากสถาบันชีวการแพทย์แห่งสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีนก็ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างด้วยเช่นกัน
นักวิชาการทั้งสองคนเป็นบุคคลชื่อดังในสาขาชีววิทยา ทั้งสองคนได้เผยแพร่ธีสิสหลายชิ้น แม้ว่าสองคนนี้จะไม่ใช่นักวิชาการที่เก่งที่สุด แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับตัวท็อป
ที่สำคัญที่สุดคือ ทั้งคู่อายุน้อยกว่า 45 ปี ซึ่งพวกเขานั้นค่อนข้างอายุน้อยและมีสุขภาพดี มีนักวิจัยชื่อดังหลายคนอยากมีโอกาสทำงานที่ปราสาทจันทรา แต่สภาวะไร้น้ำหนักนั้นลำบากเกินไปสำหรับร่างกายแก่ชรา
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนข้างในและข้างนอกเคบินทดลองต่างรอผลทดสอบอย่างกระวนกระวาย
ศาสตราจารย์เลสลี่ที่นั่งอยู่หน้ากล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนก็พูดกระซิบกับตัวเองกะทันหัน ตาของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“พระเจ้า อะไรวะ…”
“เกิดอะไรขึ้น?” จ้าวชูเซวียนเดินไปที่กล้องจุลทรรศน์และมองดูจอคอมพิวเตอร์ เขาพูดขึ้น “นี่คืออะไร?”
“มีแบคทีเรียที่ไม่ต้องการออกซิเจนที่ดูประหลาด ซึ่งมันมีผนังเซลล์และเมมเบรนหนา…เดี๋ยวก่อน ไม่สิ มันคือสปอร์! ไม่แปลกใจเลยว่ามันถึงเอาชีวิตรอดบนดาวอังคารได้” ศาสตราจารย์เลสลี่ปรับการขยายกล้องจุลทรรศน์แล้วพูดอย่างตื่นเต้น “พระเจ้า…มันยอดเยี่ยมไปเลย”
ระหว่างที่จ้าวชูเซวียนมองดูภาพบนจอ ตาของเขาประกายไปด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน แต่เขามีสีหน้าจริงจังอย่างรวดเร็ว
“เราอาจจะมีปัญหา”
เลสลี่มองดูจ้าวชูเซวียนและปรับแว่น
“จริง แต่สิ่งนี้มันน่าตื่นเต้น จริงไหม?”
ชาวอาณานิคมนั่งรอเงียบๆ ที่ห้องแอร์ล็อก
จอห์นสันและคนอื่นๆ เริ่มหมดความอดทน แต่โชคดีที่ประตูเปิดในอีกไม่นาน มีชายที่พวกเขาไม่เคยเจอปรากฏขึ้นที่ตรงประตู
จอห์นสันจำได้ว่าเขาเคยเห็นชายคนนี้ที่สตาร์ไลท์มาก่อน ถ้าเขาจำได้ถูกต้อง ชายคนนี้เป็นกัปตันของสตาร์ไลท์
ก่อนที่เขาจะถามได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทราวิสชิงพูดก่อน
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงใช้เวลานาน? เราจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่?”
“ขอโทษนะเพื่อน”
สวี่เจ็งฮงมีสีหน้าสง่างามระหว่างที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนัก
“ทริปกลับบ้านของเราจะถูกดีเลย์”
……………………………………………..