โลก ทวีปอเมริกาเหนือ
ณ สำนักงานใหญ่นาซา
ผู้อำนวยการคาร์สันนั่งอยู่หน้าโต๊ะ แล้วพลิกดูเอกสาร
ประตูออฟฟิศของเขาถูกเปิดออกกะทันหัน ชายในชุดสูทเดินเข้ามา
ผู้อำนวยการคาร์สันมองดูผู้ช่วยและถอดแว่นออก จากนั้นเขาถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง? นักบินอวกาศสามคนสบายดีไหม?”
ผู้ช่วยตอบว่า “พวกเขาอยู่ที่สถานีอวกาศปราสาทจันทรา”
คาร์สันหมุนปากกาในมือและเขาเคาะปากกากับโต๊ะ
“ตารางเวลาของพวกเขาเป็นอย่างไร? พวกจีนจะส่งคนเรากลับเมื่อไหร่?”
พวกเขาใช้เงินอย่างน้อยพันล้านดอลลาร์สำหรับภารกิจช่วยเหลือที่ดาวอังคาร
ถึงจีนประกาศต่อสาธารณะว่าพวกเขาจะออกเงิน 713 ล้านดอลลาร์ ใครจะไปรู้ว่าพวกนั้นพูดจริงแค่ไหน
ท้ายที่สุดแล้ว สตาร์สกายเทคโนโลยีเป็นบริษัทเดียวที่สามารถเดินทางไปดาวอังคารได้ในช่วงเวลานี้ พวกเขาสามารถปรับแต่งตัวเลขได้ตามที่ต้องการ
จีนประเมินว่าอย่างมากที่สุดจีนใช้เงินสามถึงสี่ร้อยล้านดอลลาร์กับภารกิจนี้ ซึ่งน้อยกว่าจำนวนเงินที่อ้างไว้ 1.7 พันล้านดอลลาร์
ผู้ช่วยมองดูผู้อำนวยการคาร์สันและนิ่งไปสักพัก จากนั้นเขาตอบกลับด้วยสีหน้าประหม่า “ไม่แน่ใจ…”
“ไม่แน่ใจ?” ผู้อำนวยการคาร์สันนิ่งไปแล้วขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่า…พวกนั้นวางแผนจะจับนักบินอวกาศเป็นตัวประกันงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ คือว่า…ดูเหมือนว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับนักบินอวกาศของเรา”
“ปัญหาอะไร?”
ผู้อำนวยการคาร์สันมองดูผู้ช่วยด้ายสีหน้าอึมครึม
“พวกเขาพบแบคทีเรียจากดาวอังคารในเมตาบอไลต์ของชาวอาณานิคมสามคน…”
…
หลังจากที่ปราสาทจันทราและสตาร์ไลท์เทียบจอดกันสำเร็จ ข่าวของชาวอาณานิคมเวอร์จิเนียสามคนได้กลับมาที่วงโคจรโลก-ดวงจันทร์ได้แพร่ไปทั่วโลก
แต่ก่อนที่ผู้คนจะได้ฉลองการกลับมา ขาวว่าพวกเขาเจอแบคทีเรียดาวอังคารบนร่างกายชาวอาณานิคมก็แพร่เป็นไฟลามทุ่ง
ชุมชนนานาชาติอยู่ในความโกลาหล
คนบางส่วนอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กบนดาวอังคาร ในขณะที่คนอีกส่วนไม่ได้สนใจว่านักบินอวกาศเอาอะไรติดจากดาวอังคารมาด้วย
แต่ว่าคนอีกส่วนที่เป็นคนส่วนใหญ่กำลังตื่นตระหนก…
โคลัมเบียทีวี
ไม่นานมานี้ ในช่วงที่โครงการแอรีสยังเป็นกระแสอยู่ พิธีกรรายการจิมมี่ได้กระตือรือร้นในการชวนนักบินอวกาศสามคนมารายการของเขา แต่เขาเปลี่ยนฝ่ายไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่ว่าเขากลายเป็นที่ไม่ศรัทธาในโครงการแอรีสอย่างจริงจัง แต่เขาก็ยังเชิญนักนิเวศวิทยามาตำหนินาซาในรายการ
ศาสตราจารย์สูงอายุมองกล้องและพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“ผมขอบอกพวกคุณทุกคน โครงการแอรีสคือการทดลองที่ผิดมนุษยธรรมและโง่เขลา! นาซารู้อยู่แล้วว่าภูมิอากาศดาวอังคารนั้นอันตรายแล้วยังอาจจะมีจุลินทรีย์และไวรัสที่เป็นอันตราย! ถึงกระนั้นก็ตาม พวกเขาก็ตัดสินใจส่งชาวอาณานิคมที่น่าสงสารไปดาวอังคาร แล้วทำให้คนพวกนั้นคิดว่าตัวเองปลอดภัย…
แต่ยังดีที่พวกเขากำลังกลับโลก จากความช่วยเหลือของจีน พวกเราจะจัดการแบคทีเรียดาวอังคารอย่างไรล่ะ? ถ้าเกิดแบคทีเรียมันเป็นอันตรายกับระบบนิเวศที่เปราะบางของเราล่ะ?
นาซาต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!”
โคลัมเบียทีวีไม่ใช่แค่ที่เดียวที่เปลี่ยนจุดยืน
สำนักสื่อที่ถูกต้องทางการเมืองเกือบทุกแห่งได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการแอรีสและนาซา
นาซาและโครงการนาซาถูกวิพากษ์วิจารณ์จากข่าวที่ชาวอาณานิคมมีแบคทีเรียดาวอังคารติดมาด้วย ตามที่คาร์สันคาดการณ์ไว้
เขารู้สึกว่าเขาถูกปฏิบัติไม่ดีใส่
ท้ายที่สุดแล้ว มันไม่มีแผนที่จะพาชาวอาณานิคมพวกนี้กลับมาที่โลก ถ้ามันไม่เกิดพายุทรายระดับโลก พวกเขาคงไม่ถูกเกลียดชังมากขนาดนี้
แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว
ช่วงเวลาที่แบคทีเรียดาวอังคารถูกตรวจจับได้ที่ชาวอาณานิคมทั้งสามก็เป็นช่วงเวลาที่อาชีพการเมืองของเขาจบลง…
ผู้อำนวยการคาร์สันไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับผลกระทบ
คนทุกคนที่วอลสตรีท นิวยอร์ก รวมถึงบริษัทการบินและอวกาศที่อยู่ในรายชื่อตลาดหุ้นก็มีวันแย่ๆ เช่นกัน
แม้แต่สเปซเอ็กซ์และบลูออริจินที่เป็นตัวท็อปของอุตสาหกรรมการบินและอวกาศก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
แต่ชุมชนวิชาการมีปฏิกิริยาแตกต่างออกไป
ธีสิสที่เขียนโดยเลสลี่และจ้าวชูเซวียนกลายเป็นกระแสระดับโลก
การมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันมาตลอด
แม้ว่ามนุษย์ได้ส่งโพรบอวกาศไปดาวอังคารนับไม่ถ้วนซึ่งรวมถึงระบบช่วยชีวิต จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครเอาดินดาวอังคารกลับมาแม้แต่กรัมเดียว
ตัวอย่างเดียวที่นักชีวดาราศาสตร์มีคืออุกกาบาตดาวอังคารทั้งสามที่พุ่งชนโลก พวกมันถูกตั้งชื่อว่า ALH840001 Yamato593 และนาเคีย
แม้ว่ามันจะมีร่องรอยของจุลินทรีย์บนอุกกาบาตพวกนี้ แต่มันก็ไม่มีหลักฐานโดยตรงของจุลินทรีย์พวกนี้
ถึงแบคทีเรียบนสตาร์ไลท์จะมีความเสี่ยงสูง มันก็มีมูลค่าการวิจัยมหาศาล
ชุมชนชีววิทยาเชื่อว่าสิ่งนี้คือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ พวกเขาหวังว่าจากการวิจัยแบคทีเรียพวกนี้ มันจะเผยความลับของระบบนิเวศที่ดาวอังคารมากขึ้น
ชุมชนดาราศาสตร์กล่าวว่าแบคทีเรียที่นำกลับมาจากดาวอังคารสามารถให้ข้อมูลวิจัยสำคัญเพื่อการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์และธรณีสัณฐาน และวิวัฒนาการของสภาพแวดล้อมชั้นบรรยากาศดาวอังคาร
แน่นอนว่ามีนักวิชาการบางส่วนได้แสดงความเป็นห่วง
แบคทีเรียที่สามารถเอาชีวิตรอดในสภาพอากาศย่ำแย่ที่ดาวอังคารน่าจะสามารถเอาชีวิตรอดบนโลกได้ซึ่งนั่นหมายความว่ามันอาจจะมีผลกระทบที่คาดไม่ถึงต่อระบบนิเวศของโลก
นักอาณานิคมยุโรปเคยนำโรคติดต่อจำนวนมากมาเผยแพร่ที่อเมริกาเหนือ สิ่งนี้เกือบฆ่าคนอเมริกันพื้นเมืองจนหมด จำนวนชาวอเมริกันพื้นเมืองที่ถูกฆ่าโดยโรคติดต่อพวกนี้มีมากกว่าชาวพื้นเมืองที่เสียชีวิตจากปืนถึงสองเท่า
ชาวอาณานิคมสามคนนี้ไปดวงจันทร์แล้วกลับมาพร้อมกับแบคทีเรียดาวอังคาร ถึงพวกเขาดูมีร่างกายแข็งแรงดี แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
ท่ามกลางความแตกตื่นทั่วโลก คณะกรรมการการโคจรรอบดวงจันทร์ได้แถลงต่อสาธารณะ
“เพื่อผลประโยชน์ของมนุษยชาติทั้งมวล เราจะไม่นำชาวอาณานิคมสามคนนี้กลับมาจนกว่าเราได้ค้นพบผลกระทบที่เป็นไปได้ของแบคทีเรียต่อระบบนิเวศของโลกหรือมั่นใจว่าแบคทีเรียถูกกำจัดจากร่างกายของชาวอาณานิคมทั้งสามโดยสมบูรณ์”
คณะกรรมการการโคจรรอบดวงจันทร์ของจีนยังประกาศว่าอาคารวิจัยจะถูกสร้างขึ้นบนดวงจันทร์เพื่อรับรองชาวอาณานิคมทั้งสามเป็นการชั่วคราวและศึกษาสุขภาพของทั้งสาม
อาคารวิจัยจะถูกเปิดต่อชุมชนนานาชาติ จีนต้อนรับประเทศอื่นให้ร่วมการวิจัย
แต่เนื่องจากหลายปัจจัย อย่างเช่น ค่าใช้จ่ายและพื้นที่ที่มีจำกัด ประเทศอื่นจะต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าร่วมการวิจัย…
………………………………………….