ส่วนสุดท้ายของการเดินทางมักเป็นส่วนที่ยากที่สุด
หลังจากที่บินมากว่าสิบชั่วโมง เที่ยวบินตรงจากปักกิ่งไปอเมริกาได้ลงจอดที่รันเวย์สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิสในที่สุด
สนามบินได้เตรียมการสำหรับการมาถึงตั้งแต่คืนก่อน
ธงชาติจีนและอเมริกาได้ถูกแสดงตามรันเวย์วีไอพีของสนามบิน
นักกฎหมายท้องถิ่น ตัวแทนกลุ่มภาคประชาชน และเจ้าหน้าที่จากนาซาและทำเนียบขาวที่วอชิงตันต่างยืนล้อมรอบบันไดลงจากเครื่องบิน พวกเขาต้อนรับการกลับมาของนักบินอวกาศโดยมีกล้องจากรอถ่ายอยู่
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ ฮีโร่ของผม” รองประธานาธิบดีจับมือจอห์นสันและพูดว่า “คุณคงเจอเรื่องหนักหนามาเยอะ”
“ขอบคุณครับ” จอห์นสันพูดกับรองประธานาธิบดี เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า “ภรรยาของผมอยู่ไหน?”
“เธอกับลูกของคุณอยู่ที่นี่”
รองประธานาธิบดีขยับไปด้านข้าง
เด็กหญิงผมบลอนด์หน้าตาจิ้มลิ้มวิ่งเข้ามาหาอ้อมกอดของจอห์นสัน
“พ่อคะ!”
“โอ้ เจ้าฟักทองน้อย…คิดถึงพ่อไหมจ๊ะ?” จอห์นสันพูดระหว่างที่ลูบหัวลูกสาว ใบหน้าเหน็ดเหนื่อยมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น
รอยยิ้มนางฟ้าของลูกสาวทำให้ความอ่อนล้าของเขาหายไปหมด
ภรรยาของเขาเดินเข้ามาหาพร้อมกับน้ำตา ลูกชายอีกสองคนก็อยู่ตรงนี้ด้วย เขาโอบกอดครอบครัวตัวเองทุกคน
จูเลียพูดกับสามีในระหว่างที่เขาโอบกอดเธอ
“คุณกลับมาสักที”
จอห์นสันก้มหน้าหอมหัวภรรยา เขาสูดหายใจเข้าลึกและพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“ผมขอโทษ…”
ห่างไปไม่ไกล กล้องนักข่าวได้จับภาพช่วงเวลาซึ้งใจที่ฉายออกทางโทรทัศน์ระดับชาติ
แต่สำหรับจอห์นสัน เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไร
สิ่งที่สำคัญคือการตกระกำลำบากนั้นคุ้มค่าในที่สุด
เพราะว่าเขาถึงบ้านแล้ว…
หลังจากจอห์นสันผละออกจากภรรยา เขาจับมือกับทุกคนที่มาต้อนรับเขากลับบ้าน
ถึงแม้ว่าโครงการแอรีสจะล้มเหลว ไม่มีใครกล่าวโทษฮีโร่ที่เสี่ยงชีวิตเพื่อโครงการแอรีส
การได้กลับบ้านจากดาวอังคารที่ห่างไกลไปหลายสิบล้านกิโลเมตรเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมในตัวมันเอง
เมื่อจอห์นสันขึ้นไปนั่งในรถวีไอพีใกล้กับรันเวย์ เขาเอนหลังและเริ่มทำตัวผ่อนคลาย เขารอให้ครอบครัวขึ้นมานั่งด้วย แต่กลับเป็นผู้อำนวยการคาร์สันและรองประธานาธิบดีที่ขึ้นรถมาด้วย
ประตูรถถูกปิด
จอห์นสันมองดูรองประธานาธิบดีที่นั่งตรงข้ามเขาและถามว่า “คุณวางแผนจะส่งผมและครอบครัวกลับแอริโซน่าด้วยรถคนนี้ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ครับ เราจะจัดหาโรงแรมให้คุณที่ลอสแอนเจลิสก่อน อีกหนึ่งสัปดาห์คุณก็จะบินกลับบ้าน” รอประธานาธิบดีตอบ เขามองดูผู้อำนวยการคาร์สัน จากนั้นเขาพูดว่า “ผมขอโทษที่ต้องขัดการกลับมาพบเจอของคุณ แต่ผู้อำนวยการคาร์สันกับผม…อยากคุยกับคุณในบางเรื่อง”
“เรื่องปราสาทจันทราและสตาร์ไลท์…และทุกอย่างที่คุณเห็น” คาร์สันฝืนยิ้มและพูดว่า “คุณก็รู้ สิ่งที่คุณไม่สามารถพูดได้ตอนที่ใช้ช่องการสื่อสารของจีน”
จอห์นสันพูดว่า “ผมไม่คิดว่าจีนจะสนใจอะไร ไม่เช่นนั้น พวกเขาคงไม่ปล่อยผมกลับมา”
ผู้อำนวยการคาร์สันและรองประธานาธิบดีมองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาหันมามองจอห์นสัน
“บางทีคุณอาจจะอยากพัก? ถ้าคุณอยากพักก่อน ไว้เราคุยเรื่องนี้ตอนพรุ่งนี้ได้…
“ไม่จำเป็นครับ” จอห์นสันส่ายหน้าและพูดต่อ “คุยกันตอนนี้เลยก็ได้ มันใช้เวลาไม่นานหรอก ผมไม่อยากเสียเวลาคุยเรื่องนี้ตอนพรุ่งนี้อีก”
“โอเค ขอบคุณสำหรับความร่วมมือครับ” ผู้อำนวยการมองเขาด้วยสีหน้าคะยั้นคะยอและพูดว่า “งั้น…เริ่มจากสตาร์ไลท์กัน”
จอห์นสันพยักหน้าและพูดว่า “ไม่มีปัญหา ผมจะบอกเฉพาะสิ่งที่ผมเห็น…แล้วก็ผมหวังว่าคุณจะไม่รู้สึกเซอร์ไพรส์เกินไป”
เขาหลับตาลงและเริ่มรำลึกความทรงจำ เขาเริ่มพูดเกี่ยวกับการเดินทางกลับสู่โลกโดยมีผู้อำนวยการคาร์สันและรองประธานาธิบดีนั่งอยู่ตรงข้าม
“ยานอวกาศมีขนาดใหญ่และมีสองปีก ส่วนด้านหลังของยานอวกาศมีเปลวไฟสีเงิน…ผมว่ามันไม่ใช่ไฟ อาจจะเป็นพลาสมา? ตอนที่ผมมองดูยานอวกาศจากแคปซูลเดินทางกลับโลก ผมรู้สึกว่าแคปซูลที่ผมอยู่เป็นเรือแจวลำเล็กอยู่เคียงข้างเรือขนาดยักษ์ พวกนั้นดึงแคปซูลเข้าไปโดยง่ายและให้อาหารและน้ำกับเรา…พวกเขามีห้องน้ำส่วนตัวให้ใช้อีกด้วย
เคบินของสตาร์ไลท์น่าจะถูกใช้สำหรับเก็บของ แต่อุปกรณ์ต่างๆ ค่อนข้างสมบูรณ์ สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือทัศนคติของพวกเขาต่อไฟฟ้า มันดูเหมือนว่าที่สตาร์ไลท์มีพลังงานไม่จำกัด ไม่มีใครบอกว่าเราใช้น้ำหรือไฟฟ้าได้มากเท่าไหร่ นอกเหนือจากที่จำกัดให้เราอยู่ในห้องตัวเองในบางช่วงเวลาของวัน มันค่อนข้างมีอิสรภาพเยอะที่สตาร์ไลท์ มันแทบจะเหมือนเรือล่องสมุทร
ปราสาทจันทรานั้นเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่านี้อีก”
หน้าของจอห์นสันเป็นประกายระหว่างที่เขาพูดต่อ “มันเหมือนป้อมปราการ…ปราสาทลอยฟ้า แผงโซลาร์เซลล์และซิงก์ความร้อนเป็นเหมือนกับสวน ยานอวกาศทุกลำดูเล็กจิ๋วไปเลยเมื่อเทียบกับปราสาทจันทรา”
ปราสาทจันทราน่าทึ่งกว่ามากสำหรับจอห์นสัน
ในช่วงเวลาประมาณสิบนาทีต่อมา เขาบรรยายการใช้ชีวิตที่ปราสาทจันทรา
คนทั้งสองที่นั่งตรงข้ามเขาเงียบสนิท
หลังจากจอห์นสันพูดจบ ภายในรถเงียบไปสักพักหนึ่ง
รองประธานาธิบดีสูดหายใจเข้าลึกและถอดแว่นตาออก เขาเช็ดแว่นตาด้วยผ้าและพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“พระเจ้า…ฟังดูเยี่ยมไปเลย”
ถ้านักบินอวกาศของเราเล่าความจริง…
เทคโนโลยีด้านการบินและอวกาศของจีนก็แข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง!
จอห์นสันมีรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าระหว่างที่เขาตอบกลับอย่างเสียดสี “มันยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ…”
เขามองดูนอกหน้าต่างรถ เมื่อเขาเห็นตึกรูปทรงโดมใกล้ๆ เขาถามด้วยความสงสัย “ตึกนั้นคืออะไรหรือครับ?”
เขาไม่ได้มาลอสแอนเจลิสกว่าห้าปีแล้ว
เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นตึกรูปทรงประหลาดใกล้กับสนามบิน
“ตึกนั้น? มันคือเครื่องอิกนิชั่นแห่งชาติ ‘ดวงอาทิตย์จำลอง’ ของชาวแคลิฟอร์เนีย” รองประธานาธิบดียิ้มและมองดูผู้อำนวยการคาร์สันระหว่างที่พูด “ไม่เป็นไรนะ เพื่อน ไม่ต้องอารมณ์เสียไป ถึงโครงการแอรีสล้มเหลว รัฐบาลกลางยังแน่วแน่ในเรื่องการแข่งขันอวกาศไม่เปลี่ยน”
“ดวงอาทิตย์แคลิฟอร์เนีย…ถูกต้องใช่ไหม?” จอห์นสันยิ้มและพูดว่า “ตอนที่เราสร้างมันเสร็จ พวกนั้นคงสร้างเครื่องนิวเคลียร์ฟิวชั่นบนดาวอังคารไปแล้ว”
ถึงแม้ว่าจอห์นสันไม่ได้พูดเจาะจงว่า “พวกนั้น” หมายถึงใคร มันชัดเจนว่าเขาสื่อถึงอะไร
รองประธานาธิบดีรู้สึกอึ้ง และเขาพูดตอบ “พวกนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ทำกิจกรรมเกี่ยวกับนิวเคลียร์บนดวงจันทร์”
“อาจจะ…” จอห์นสันพูดอย่างสบายๆ “แต่ถ้าพวกเขาจะทำ แล้วใครจะไปหยุดพวกเขาได้? ผู้อำนวยการคาร์สันเหรอ? หรือประธานาธิบดี? หรือสำนักงบประมาณสภาคองเกรสล่ะ?
ผมคิดว่าไม่มีใคร…
สามารถหยุดพวกคนจีนได้… “
………………………