ลู่โจวไม่คาดคิดว่าจะได้รับคำตอบจากถนนฉางอันในตอนเช้าหลังจากที่เพิ่งบอกให้หวังเผิงส่งจดหมาย
นอกจากการเชิญชวนตัวเขาและสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงให้บริจาคแล้ว ทางรัฐบาลก็ยังขอความเห็นจากเขาในเรื่องอุตสาหกรรมชิปคาร์บอนอีกด้วย
ลู่โจวไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้ชัดเจน สิ่งเดียวที่ทำให้เขาประหลาดใจคือความรวดเร็วของปักกิ่ง พวกเขาเพิ่งประชุมกันเมื่อวานและวันต่อมาจดหมายก็ถูกส่งมาให้เขาแล้ว
ลู่โจวถามพร้อมจดหมายที่อยู่ในมือ “เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ”
หวังเผิงที่นั่งข้างๆ ลู่โจวตอบ “จดหมายระดับนี้ส่งทางเครื่องบินกันทั้งนั้น มันใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงจากปักกิ่งมาจินหลิงเองครับ ผมได้รับโทรศัพท์ตอนตี 4 เมื่อเช้าว่าจดหมายมาถึงกระทรวงความมั่นคงของรัฐจินหลิง”
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น เอ่อช่างมันเถอะ” ลู่โจววางจดหมายและพูดกับหวังเผิง “พาผมไปที่มหาวิทยาลัยจินหลิงที”
หวังเผิงพยักหน้าและเปิดประตูรถให้ลู่โจว
“โอเค เชิญครับ”
…
ลู่โจวเก็บเรื่องชิปคาร์บอนไว้ทีหลัง
หลังจากที่ลู่โจวมาถึงมหาวิทยาลัยจินหลิง เขาไปที่ออฟฟิศของตัวเองและนั่งลงที่โต๊ะเหมือนทุกครั้ง
เนื่องจากเมื่อวานนี้เขาได้รับรางวัลภารกิจ เขาจึงเลิกงานเร็วและไปที่สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง ช่วงนี้เขายุ่งๆ อยู่กับการค้นพบชิปคาร์บอนทำให้ไม่มีเวลาทำงานวิจัยของตัวเองต่อ
ลู่โจวดึงกระดาษที่เมื่อวานเขียนไปได้ครึ่งแผ่นและใช้เวลาในการทบทวนสิ่งที่เขียนอยู่ห้านาที หลังจากนั้นเขาก็เจอปากกาและเริ่มคำนวณอย่างเงียบๆ
นาฬิกาแขวนผนังหมุนจากเลข 8 เป็นเลข 9
ทันใดนั้นเองประตูออฟฟิศก็ถูกผลักเปิดออก หลัวเหวินเซวียนเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นพร้อมกองกระดาษ A4 ในมือและรอยยิ้มบนใบหน้า
“ไม่นานมานี้ฉันค้นคว้าวิทยานิพนธ์ของไดสัน รู้ไหมว่าฉันเจออะไร”
ลู่โจวชินกับการที่หลัวเหวินเซวียนไม่เคาะประตูแล้ว เขาเงยหน้ามองและตอบเย้าแหย่ “ไดสันเหรอ นักฟิสิกส์ที่หันมาเขียนนิยายไซไฟใช่ไหม”
“ผิดแล้ว เขาไม่ใช่แค่นักเขียนนิยายไซไฟนะ แต่เขายังเป็นไอดอลของฉันด้วย! ” หลัวเหวินเซวียนโบกกองกระดาษ A4 ในมือและพูดด้วยความมั่นใจ “ฉันเจอบางอย่างที่น่าสนใจในวิทยานิพนธ์ของเขา ฉันมั่นใจว่านายจะต้องสนใจเหมือนกัน”
ลู่โจวล้อเล่นเรื่องนิยายไซไฟ เขารู้อยู่แล้วว่าไดสันไม่ได้เป็นแค่นักเขียนนิยายไซไฟ ทฤษฎีคลื่นสปินไดสันเป็นหนึ่งในผลงานฟิสิกส์ที่โดดเด่นที่สุดในช่วง 1950
ก็เหมือนกับฮอว์กิง เพราะชื่อเสียงของไดสันโดดเด่นในโลกของไซไฟความสามารถทางวิชาการของเขาจึงถูกมองข้ามไป แต่สุดท้ายแล้วในสายตาของประชาชนนักวิชาการก็เป็นแค่นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะหรือไม่ก็เด็กเนิร์ดประหลาดเท่านั้น
ความตื่นเต้นของหลัวเหวินเซวียนไม่ได้ทำให้ลู่โจวไขว้เขวแม้แต่น้อย ลู่โจวพูด “ตอนนี้ฉันสนใจแค่ฟังก์ชันซีตาของรีมันเท่านั้น ถ้านายกำลังพูดถึงวิจัยควอนตัมโครโมไดนามิกส์ ฉันแนะนำให้นายไปคุยกับแผนกฟิสิกส์ของสถาบัน”
“ไม่ใช่ควอนตัมโครโมไดนามิกส์ ฉันกำลังพูดถึงฟังก์ชันซีตาของรีมัน! “
“โอ้ จริงเหรอ” ลู่โจววางปากกาลงและดูจะสนใจ เขาพูด “บอกฉันมาว่านายเจออะไรในวิทยานิพนธ์ของเขา”
ลู่โจวไม่อยากจะเชื่อว่าไดสันศึกษาเรื่องสมมติฐานของรีมันน์มาก่อน
แม้ว่าฟิสิกส์และคณิตศาสตร์จะมีความเกี่ยวข้องกัน แต่ช่องว่างระหว่างฟิสิกส์ทางเทคนิคและจำนวนเชิงวิเคราะห์แตกต่างกันมาก
หลัวเหวินเซวียนวางกองกระดาษ A4 ลงบนโต๊ะและพูดด้วยความกระปรี้กระเปร่า
“ถ้าจะให้พูดชัดๆ ก็คือนี่คือสมุดบันทึกที่ไดสันเขียนด้วยตัวเอง ชายสูงวัยจากห้องสมุดฟายสโตนให้เพื่อนฉันมา นายรู้ว่าฉันพูดถึงใครใช่ไหม”
“ชายสูงวัยที่ใส่เสื้อคลุมและดูเหมือนพ่อมดเหรอ”
“นั่นแหละเขา แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นก็คือเราหามันเจอ” หลัวเหวินเซวียนหยิบโทรศัพท์และโชว์รูปให้ลู่โจวดู “ในบันทึกของไดสันเราพบบันทึกบทสนทนาของเขากับมอนต์โกเมอรี”
ลู่โจวเลิกคิ้ว
“แล้ว? “
หลัวเหวินเซวียนพูดด้วยความตื่นเต้น “พวกเขากำลังคุยกันเรื่องสมมติฐานของรีมันน์ แม้ว่าไดสันจะไม่ใช่นักคณิตศาสตร์แต่ผลที่ออกมากลับน่าตกใจมากๆ ! ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าฟังก์ชันความหนาแน่นเป็นศูนย์ของฟังก์ชันซีตาของรีมันจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับฟังก์ชันหลายคู่สหสัมพันธ์ของเมทริกซ์แอร์มิต”
ตอนที่ลู่โจวได้ยินเกี่ยวกับเมทริกซ์แอร์มิต เขาเกิดความสนใจ
หลัวเหวินเซวียนสังเกตเห็นว่าลู่โจวเริ่มให้ความสนใจ เขาจึงแตะกองกระดาษ A4 บนโต๊ะ
“แล้วฉันก็เจอวิทยานิพนธ์ของเขาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารฟิสิกส์…นายยังสนใจอยู่ไหม”
“ขอฉันดูหน่อย”
ลู่โจวลุกขึ้นจากเก้าอี้และเริ่มอ่านกองกระดาษ A4
ทันทีที่อ่านไปถึงหน้าที่สอง สีหน้าของเขาเริ่มจริงจังขึ้นทันที
“น่าประหลาดใจจัง ฉันไม่เคยได้ยินคนที่ทำงานวิจัยสมมติฐานของรีมันน์พูดถึงเรื่องนี้ในวิทยานิพนธ์มาก่อน”
หลัวเหวินเซวียนนั่งตรงขอบโต๊ะและยิ้มมุมปากพลางพูด “ก็เข้าท่าดีนะ นายเคยเห็นใครในเว็บไซต์แมทโอเวอร์โฟลวที่พูดถึงการใช้การพิสูจน์โดยการวิจารณ์ไหม วิทยานิพนธ์เล่มนี้มีมาเป็นครึ่งศตวรรษแล้วแต่ยังไม่มีการพัฒนาใหม่ๆ เลย”
“นายพูดถูก…” ลู่โจวมองไปที่หลัวเหวินเซวียนและถาม “นายช่วยนั่งบนเก้าอี้ได้ไหม”
“โอ้ ขอโทษ” หลัวเหวินเซวียนลุกจากโต๊ะและพูด “ฉันชินกับการนั่งบนโต๊ะของตัวเองแบบนี้”
ความสนใจทั้งหมดของลู่โจวกลับไปที่วิทยานิพนธ์อีกครั้ง ยิ่งเขาได้อ่านเขาก็ยิ่งประหลาดใจ
ไม่ใช่เพราะว่าศาสตราจารย์ไดสันเป็นเจ้าของงานวิจัย แต่เป็นเพราะปรากฏการณ์ลึกลับที่เขาค้นพบต่างหาก
นั่นก็คือการกระจายความหนาแน่นของค่าลักษณะเฉพาะของ N-th ลำดับสุ่มเมทริกซ์แอร์มิตคือ P (λ1, …, λN) = C exp[-Σiλi2] Πj > k (λj-λk) จากการวิเคราะห์การกระจายความหนาแน่นโดยใช้กฎการกระจายครึ่งวงกลมของวิกเนอร์ในการเปลี่ยนแปลงสเกลาร์ของค่าลักษณะเฉพาะ และหาช่วงเวลาปกติของค่าลักษณะเฉพาะ Δμ ~ 1 หนึ่งสามารถประกอบด้วยฟังก์ชันสหสัมพันธ์ P2 (μ1, μ2 ) = 1- [sin (π | μ2-μ1 |) / π | μ2-μ1 |] 2
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
นี่คือฟังก์ชันสหสัมพันธ์ non-trivial zeros ของฟังก์ชันซีตาของรีมัน!
มันไม่ใช่แค่คล้ายกัน แต่มันคือฟังก์ชันเดียวกัน
“น่าสนใจมากๆ “
ลู่โจวลูบคางตัวเอง เขารู้สึกสนใจมากขึ้นทุกที
อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกสนใจ แต่เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อมากกว่า
ทำไมฟังก์ชันคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ อย่างเช่น การกระจาย non-trivial zeros ของฟังก์ชันซีตาของรีมันที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันพีชคณิตเชิงเส้น ถูกนำไปใช้ในระบบควอนตัม ตัวกลางผิดปกติ และโครงข่ายประสาทเทียม
ความสัมพันธ์ที่ลึกลับนี้มาจากไหน
ลู่โจวขมวดคิ้ว
เขามีความรู้สึกอันแรงกล้าว่าความสัมพันธ์นี้จะต้องสำคัญมากแน่ๆ
แล้วเขาจะนำความสัมพันธ์นี้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไร
อยู่ดีๆ ลู่โจวก็ได้รับอีเมลแจ้งเตือน
ขณะที่ลู่โจวมองไปที่คอมพิวเตอร์ หลัวเหวินเซวียนถามด้วยความสงสัย “มีอะไรอีก”
“อีเมลใหม่…ฉันคิดว่ามาจากบรรณาธิการวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปี” ลู่โจวกดไปที่ข้อความแจ้งเตือนและอ่านอีเมล
หลัวเหวินเซวียนนิ่งไปครู่หนึ่งและถาม “อนุมัติไหม”
ออฟฟิศทั้งออฟฟิศเงียบไป พวกเขาทั้งหมดรอฟังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
โดยเฉพาะเหอชางเหวินที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
ลู่โจวจ้องมองไปที่อีเมลแล้วนิ่งไปชั่วครู่
หลังจากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ
“ไม่อนุมัติเหรอ”
ออฟฟิศทั้งออฟฟิศเงียบไปครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นสักพัก ทุกคนก็ดูสับสน
หลัวเหวินเซวียน “…?”
เหอชางเหวิน: “…?”
ผู้ช่วยและนักศึกษา “…??? “
……………………