ลู่โจวไม่คาดคิดว่าโลกคณิตศาสตร์จะตอบโต้กันได้เร้าใจขนาดนี้
สิ่งที่ทำให้เขาสับสนก็คือมีตั๋วหลายร้อยใบถูกขายออนไลน์
นี่ยังไม่รวมถึงการขายรอบสองในราคาที่สูงขึ้นอีก
ถ้าเขาไม่ได้มีเงินมากมายจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เขาคงแลกเปลี่ยนตั๋วด้วยตัวเองไปแล้ว
“ตัวเลขของผู้สมัครเข้าฟังสูงถึง 20,000 คน นี่เพิ่งจะวันที่สามด้วยซ้ำ” คณบดีฉินพูดกับลู่โจว ขณะที่นั่งอยู่ที่ออฟฟิศลู่โจว คณบดีฉินพูด “น่ากลัวนะ คนอาจจะคิดว่าเรากำลังจัดงานประชุมคณิตศาสตร์นานาชาติที่จินหลิงก็ได้”
ลู่โจวยิ้มเชิงขอโทษ
“ขอโทษที่สร้างปัญหาให้เพิ่มนะครับ”
คณบดีฉินโบกมือและพูด “มันใช่ปัญหาที่ไหนกัน! อยากจะจัดการรายงานกี่ครั้งก็เชิญ ผมไม่สนใจหรอก คุณไม่รู้เหรอว่ามหาวิทยาลัยไคอิจฉาเราแค่ไหน ตาแก่หวังซื่อเฉิงชอบเข้ามาถามว่าเมื่อไหร่เราจะจัดการรายงานที่มหาวิทยาลัยของเขาบ้าง เรามีทั้งสถานที่ เรามีทั้งเงิน แล้วปัญหาคืออะไร”
ลู่โจวยิ้มและพูด “คุณพูดถูก ต้องขอบคุณคุณล่วงหน้านะครับ”
“ด้วยความยินดี” คณบดีฉินยิ้มและพูด “เออใช่ ตั๋วกว่าร้อยใบถูกขายออนไลน์ ไหนๆ เราก็เปลี่ยนระบบการรับสมัครแล้ว เราควรยกเลิกตั๋วที่ไม่แนบหนังสือเดินทางด้วยดีไหม”
ลู่โจวคิดอยู่สักพักแล้วส่ายหน้า
“ไม่จำเป็นหรอก เราเป็นคนที่ขายตั๋ว เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ควรยกเลิก”
ถ้ามหาวิทยาลัยจินหลิงต้องการยกระดับตัวเองในฐานะสถาบันคณิตศาสตร์ระดับโลก พวกเขาก็ไม่ควรทำเรื่องไร้จรรยาบรรณแบบนี้
ลู่โจวรู้สึกสงสัยว่าคนประเภทไหนกันที่ซื้อตั๋วพวกนี้
หลังจากการรายงานครั้งล่าสุดของเขา ห้องประชุมของมหาวิทยาลัยขยายให้กว้างขึ้นจะได้สามารถจุคนเพิ่มสองถึงสามพันคน
นอกเหนือจากคนที่ได้รับเชิญ 200 คนแล้ว ก็มีที่นั่งกว่า 2,000 ที่ ใครก็ตามที่มีความรู้ทางวิชาการ พวกเขาสามารถหาตั๋วได้จากการสมัครเข้าฟัง
นักวิชาการคนไหนก็ตามที่อยู่ในสาขาทฤษฎีตัวเลขสามารถเข้าร่วมการรายงานครั้งนี้ได้
เพราะนักวิชาการที่ทำวิจัยสมมติฐานของรีมันน์น่าจะมีน้อยกว่า 2,000 คน นับประสาอะไรก็เรื่องเส้นวิกฤตกับเรื่องสมมติฐานเสมือนของรีมันน์ที่คนไม่ค่อยให้ความนิยม
อยู่ดีๆ ลู่โจวก็นึกอะไรออก
บางที…
คนพวกนี้มาเพราะฉันเหรอ
ลู่โจวยิ้มและจับแก้มหล่อๆ ของตัวเอง
โอ้ พวกเขาใจดีเกินไปแล้ว
คณบดีฉิน “…?”
…
การถกเถียงกันในเว็บไซต์แมทโอเวอร์โฟลวยังคงเข้มข้น โดยเฉพาะเรื่องที่ว่าข้อพิสูจน์สมมติฐานเสมือนของรีมันน์ของลู่โจวถูกต้องหรือไม่ พวกเขายังถกเถียงกันเรื่องการรายงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งอาทิตย์ที่จินหลิง
คนที่สงสัยเกี่ยวกับงานวิจัยของลู่โจวก็เริ่มกล้าพอที่จะพูดออกมาเพราะวิจารณ์ของฟาลติ้งส์ พวกเขาเริ่มถกเถียงกับกลุ่มคนที่สนับสนุนลู่โจว…
สิ่งที่ผู้ดูแลเว็บไซต์แมทโอเวอร์โฟลวไม่คาดคิดก็คือ เนื่องจากมีการโต้แย้งเรื่องสมมติฐานเสมือนของรีมันน์ทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์แมทโอเวอร์โฟลวสูงขึ้นเป็นสี่เท่า
คนส่วนใหญ่ที่เข้าชมเว็บไซต์นี้ก็คือนักวิชาการรุ่นใหม่ๆ ส่วนนักวิชาการแก่ๆ หรือนักวิชาการที่ดื้อด้านจะไม่ค่อยชอบใช้วิธีนี้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนอายุเยอะบางคนพากันสมัครบัญชีเว็บไซต์แมทโอเวอร์โฟลว จนทำให้เกิดสงครามคีย์บอร์ดขึ้น…
การรับสมัครปิดลง
หลังจากมีการคัดเลือกผู้เข้าฟังที่เหมาะสมแล้ว มหาวิทยาลัยจินหลิงก็เริ่มส่งจดหมายเชิญ
ราคาของตั๋วออนไลน์รอบที่สองสูงขึ้นถึง 5,000 ดอลลาร์ ทำให้ผู้เข้าฟังคนอื่นรู้สึกว่าตัวเองได้ตั๋วในราคาถูก
ลู่โจวทำการเตรียมตัวสำหรับการรายงานในครั้งนี้
ฟาลติ้งส์เป็นนักวิชาการที่มีอำนาจ เขาจัดอยู่อันดับต้นๆ ทั้งในเรื่องความมีชื่อเสียงและความสามารถ ผู้คนชอบเปรียบเทียบเขากับก็อตเท็นดิ๊ก
เพราะฉะนั้นการโน้มน้าวเขาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
นอกเสียจากว่าข้อพิสูจน์ของเขาไม่เป็นที่ยอมรับ
ขณะที่ลู่โจวกำลังเตรียมการรายงาน แขกรับเชิญที่ไม่คาดคิดเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยจินหลิง
แขกคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน…
ศาสตราจารย์จางโช่วอู๋ นักวิชาการจีนมากความสามารถ หนึ่งในนักศึกษาของฟาลติ้งส์ งานวิจัยทฤษฎีกรอส-ซาเกียร์ของเขาค่อนข้างโดดเด่น และเขายังได้รับรางวัลของจีนที่เทียบเท่ากับรางวัลเหรียญฟิลด์นั่นก็คือรางวัลเหรียญมอร์นิ่งไซด์สาขาคณิตศาสตร์
คณบดีฉินแนะนำลู่โจวกับศาสตราจารย์จาง
ทั้งสองนั่งตรงโต๊ะกาแฟ หลังจากที่ถามสารทุกข์สุกดิบเสร็จแล้วพวกเขาก็เริ่มคุยถึงการรายงานที่กำลังจะเกิดขึ้น
“คุณกับฟาลติ้งส์มีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเปล่า”
ลู่โจวที่กำลังจิบชาประหลาดใจกับคำถามนั้น เขายิ้มและตอบ “ไม่แน่นอน คุณถามทำไมครับ”
“ไม่ใช่แค่ผม แต่วงการคณิตศาสตร์ทั้งวงการต่างก็สงสัย” ศาสตราจารย์จางส่ายหัวและพูด “พวกคุณสองคนเป็นเสาหลักของโลกคณิตศาสตร์ ถ้าระหว่างคุณกับศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์มีเรื่องเข้าใจผิดกันจริงๆ ผมก็หวังว่าพวกคุณจะแก้ไขปัญหานี้และยังคงความสัมพันธ์อันดีระหว่างวงการคณิตศาสตร์จีนและนานาชาติไว้”
ลู่โจวยิ้มและพูด “ศาสตราจารย์จาง คุณเข้าใจผิดแล้ว เรื่องนั้นเป็นแค่ข่าวลือ ไม่มีอะไรที่เข้าใจผิดหรอก”
ศาสตราจารย์จางนิ่งไปครู่หนึ่งและพูด “มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะพูดหรอกนะ แต่คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าการรายงานของคุณมันเร็วไปหน่อย”
ลู่โจวส่ายหัว
“ผมไม่คิดว่าข้อพิสูจน์ของผมมีปัญหาแต่ฟาลติ้งส์คิดว่ามี เพราะฉะนั้นเราก็ควรถกเถียงเรื่องนี้ในวันงาน”
จางโช่วอู๋พูดด้วยความกังวล “แล้วถ้าคุณแพ้ล่ะ ไม่เพียงแค่ชื่อเสียงทางวิชาการของคุณจะเสื่อมเสียแล้ว แต่ชื่อเสียงในวงการคณิตศาสตร์จีนของคุณก็จะเสื่อมเสียด้วยเหมือนกัน คุณเคยคิดเรื่องนั้นไหม”
ลู่โจวยิ้มและตอบ “ใครจะสนถ้าผมแพ้”
ศาสตราจารย์จางนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ
“ดูเหมือนว่าคุณจะตั้งใจไว้แล้วสินะ”
ลู่โจวยิ้มและพูด “ศาสตราจารย์จาง คุณอุตส่าห์เดินทางมาถึงที่นี่เพียงเพราะจะโน้มน้าวไม่ให้ผมทำรายงานเหรอครับ”
ศาสตราจารย์จางหยักหน้าแล้วก็ส่ายหัว เขาถอนหายใจและพูดอย่างนุ่มนวล
“ผมตั้งใจว่าจะมาโน้มน้าวคุณ แต่ตอนนี้คงไม่ดีกว่า
“บางทีคุณอาจพูดถูก ชื่อเสียงทางวิชาการไม่ได้สำคัญขนาดนั้น นักวิชาการควรไล่ตามสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
อยู่ดีๆ เขาก็ยิ้มและพูดด้วยความชื่นชม
“ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้”
ลู่โจว “…?”
ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเขาพูดเรื่องอะไร
ฉันเดาว่า…
ฉันยิ้มไปก่อนก็พอ..
…………………………