ทางเข้าหอประชุม
ผู้เข้าร่วมทั้งหมดมาถึงแล้ว
เจ้าหน้าที่สวมสูทดำยืนอยู่ที่ทางเข้า เขามองไปที่นาฬิกาและเห็นว่ากำลังจะได้เวลาของการรายงาน เขาจึงส่งสัญญาณให้เพื่อนร่วมงานเพื่อเริ่มนำสแตนด์กั้นออก
อยู่ดีๆ ชายสองคนในชุดสูทก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
หวังเจิ้งเฟยรีบหยิบตั๋วสองใบออกมาขณะที่กำลังหอบและยิ้มขอโทษให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“สวัสดีครับ นี่ตั๋วของพวกเรา”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำหวังเจิ้งเฟยไม่ได้ เขามองไปที่ตั๋วและพูดอย่างไร้อารมณ์
“พวกคุณมาสาย”
หวังเจิ้งเฟยแสดงสีหน้าขอโทษขณะกำลังอธิบายด้วยความจริงใจ “ผมขอโทษจริงๆ ครับ! จากสนามบินรถติดมากเลย ผมตั้งหน้าตั้งตารอการรายงานนี้มานานมาก ขอเถอะ ให้เราเข้าไปเถอะนะครับ”
เจ้าหน้าที่ไม่ได้พูดอะไร เขามองไปที่ชายสองคนและประทับตั๋ว
หวังเจิ้งเฟยยิ้มพลางพยักหน้าแสดงความขอบคุณ เขามองไปที่เลขาและส่งสัญญาณให้เขารีบเดินเข้าไปในหอประชุม
“เจ้านาย ทำไมคุณต้องเสียเวลากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วย”
เลขาไม่เข้าใจ
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น หวังเจิ้งเฟยยิ้มยิงฟัน
“คุณอยากรู้ไหมว่าทำไม”
เลขานิ่งไปชั่วครู่และพยักหน้า
หวังเจิ้งเฟยยิ้มและชี้ไปที่ทางเข้า
“คนพวกนั้นมาจากกระทรวงความมั่นคงของรัฐ พวกเขาโหดของแท้เลย”
…
การรายงานกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาที
หวังเจิ้งเฟยเจอที่นั่งของตัวเองและนั่งลง เขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับบรรยากาศของหอประชุมนี้
มันคือพลังของนักวิชาการระดับโลก
ทั้งความยิ่งใหญ่และบรรยากาศน่าตื่นเต้นของการรายงานดูไม่เหมือนการรายงานทางวิชาการแม้แต่น้อย มันเหมือนคอนเสิร์ตซิมโฟนีมากกว่า
และลู่โจวกำลังจะเปิดงาน…
หวังเจิ้งเฟยในฐานะคนธรรมดา เขาไม่รู้ว่าทำไมใจของเขาจึงเต้นรัว ฝ่ามือของเขามีเหงื่อ หัวเข่าของเขาอ่อนแรงราวกับว่าสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนพวกนี้มีพลังดึงดูดความสนใจ…
“เขาเพิ่งจะยี่สิบกว่าเองเหรอ”
เลขานิ่งไปชั่วครู่และพยักหน้า
“ในแผ่นพับเขียนว่าอย่างนั้นนะครับ…”
หวังเจิ้งเฟยพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร
หลังจากนั้นสักพักเขาก็ยื่นคางไปข้างหน้า
“เออใช่ คุณเข้าใจเรื่องพวกนั้นไหม”
หลังจากที่เห็นสีหน้าที่ว่างเปล่าของเลขา หวังเจิ้งเฟยพูดขึ้นมาก่อน
“ช่างมันเถอะ คิดเสียว่าผมไม่เคยถามก็แล้วกัน”
…
การรายงานเริ่มต้นขึ้น!
หอประชุมเงียบสงัด
สายตานับพันคู่จับจ้องไปที่คนคนเดียวบนเวที
ลู่โจวเดินบนเวทีและมองไปรอบๆ หลังจากนั้นเขามองไปที่จอโปรเจคเตอร์ด้านหลังเขา และพูดอย่างช้าๆ “ผมมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่อ่านวิทยานิพนธ์ของผมมาแล้ว”
“จุดประสงค์หลักของการรายงานครั้งนี้เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับข้อพิสูจน์ของผมในสมมติฐานเสมือนของรีมันน์”
“แน่นอนว่าผมจะอธิบายโดยรวม”
“ผมจะอธิบายคร่าวๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งน่าจะใช้เวลาสักประมาณ 20 นาที หวังว่าพวกคุณจะตั้งใจฟังนะครับ”
ลู่โจวหันหลังและเดินตรงไปที่ไวท์บอร์ดใกล้ๆ เขา เขาหยิบปากกาขึ้นและเขียนสิ่งที่สำคัญที่สุดในรายงาน
[ζ(s) = 2 ^ s ·π ^ (s-1) sin (πs / 2) Γ (1-s) ζ (1-s)…]
ทันทีที่เขาเขียนบนไวท์บอร์ด…
ชายสองคนในหมู่ผู้ชมขมวดคิ้ว
“น่าสนใจ” เถาเจ๋อเซวียนลูบคางและมองไปที่สมการที่อยู่บนไวท์บอร์ดและพูด “เริ่มต้นด้วยฟังก์ชัน Γ …เขาตั้งใจจะใช้ความต่อเนื่องของมันเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาอาจจะต้องลดความยาวของวิทยานิพนธ์ไปสักสองหน้า”
ฟาลติ้งส์นั่งติดกับศาสตราจารย์เถาพูดขึ้นอย่างเฉยชา “เป็นไปได้อย่างไรกัน แก่นสำคัญของข้อพิสูจน์นี้ไม่ถูกต้อง แม้ว่าเขาจะใช้เล่ห์เหลี่ยมนี้ มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าข้อพิสูจน์หลักไม่ถูกต้องอยู่ดี”
เถาเจ๋อเซวียน “ไม่จำเป็นเสมอไปหรอกครับ”
ฟาลติ้งส์มองไปที่เขาและพูด “โอ้ จริงเหรอ”
“ในตอนแรก ผมก็คิดเหมือนคุณ ในหน้า 27 วิธีการความสอดคล้องที่ใช้ในบรรทัดที่ 3 มีปัญหา” เถาเจ๋อเซวียนนิ่งไปครู่หนึ่งและพูด “แต่ตอนนี้ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าเขาพยายามจะบอกอะไร”
ฟาลติ้งส์เหลือบมองไปที่เขาและไม่ได้พูดอะไร
ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเถียงกันตอนนี้
สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องทำตอนนี้ก็คือรอ
ปากกาเคลื่อนไหวเป็นจังหวะขณะที่ไวท์บอร์ดเต็มไปด้วยสมการ คนกว่าพันคนรู้สึกประหลาดใจอย่างเงียบๆ
บนเวที
ตรงไวท์บอร์ด
ลู่โจวถือปากกาในมือ ตอนนี้เขาลืมโลกภายนอกไปหมดแล้ว เขาพูดในสิ่งที่คิดออกมาขณะกำลังคลายปมปัญหาอย่างช้าๆ
สิบห้านาทีผ่านไป
เขาหยุดเขียนและสูดลมหายใจเข้า หลังจากนั้นเขาก้าวถอยหลังออกมาสองก้าว
การพิสูจน์สิ้นสุดลง
เขาเคยปีนเขาลูกนี้มาแล้วเมื่อเดือนก่อน การจะเขียนมันอีกรอบจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
แต่ส่วนที่ยากที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น
ปัญหานี้คือโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดของคณิตศาสตร์ และฟาลติ้งส์ไม่ได้ตั้งใจจะปรานีใครอยู่แล้ว
วินาทีที่ลู่โจวหันกลับมาเผชิญหน้ากับผู้ฟัง นั่นคือเวลาที่ศึกที่แท้จริงกำลังเริ่มต้นขึ้น
แต่ลู่โจวไม่ได้รู้สึกประหม่าแม้แต่น้อย
เขากลับรู้สึกตื่นเต้นด้วยซ้ำ
ฝ่ายตรงข้ามของเขาคือเทพแห่งคณิตศาสตร์ที่ยังมีชีวิต ที่รู้จักกันในนามของคนที่เก่งรองลงมาจากก็อตเท็นดิ๊ก ในทางกลับกันลู่โจวกำลังท้าทายสมมติฐานของรีมันน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟาลติ้งส์คุ้นเคยมากๆ และเครื่องมือที่ลู่โจวใช้เดิมทีมาจากองค์ประกอบของพีชคณิตเรขาคณิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟาลติ้งส์ชำนาญเช่นกัน
ลู่โจวสูดลมหายใจเข้าและวางปากกาลง
เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับหอประชุมที่เงียบสนิท เขาพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น “จบแล้วครับ”
“ต่อไปคือช่วงของการตอบคำถาม”
ทันทีที่เขาพูดจบ
ทันทีที่คำพูดของลู่โจวดังก้องไปทั่วหอประชุม…
แขนผอมๆ อันสั่นเทายกขึ้นมา
แม้ว่าแขนของเขาจะดูอ่อนแรง แต่ก็สามารถดึงดูดความสนใจของคนทั้งหอประชุมได้
ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ถอดหมวกและยืนขึ้น
“ผมมีคำถาม”
“จากหน้า 17 บรรทัดที่ 11 คุณช่วยอธิบายรายละเอียดให้หน่อยได้ไหม”
………………………