บรรทัดที่ 11 หน้าที่ 17 เหรอ
เถาเจ๋อเซวียนนิ่งไปสักพัก
ไม่เพียงแค่เถาเจ๋อเซวียน แต่ศาสตราจารย์เดอลีงย์ โมลิน่า และแม้แต่ชูลทซ์ที่หลบอยู่ตรงมุมและกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ ทั้งหมดต่างก็ประหลาดใจ
“ฉันคิดว่าปัญหาอยู่ที่บรรทัดที่ 5 หน้า 21 เสียอีก…”
ชูลทซ์พึมพำกับตัวเองขณะหยิบกระดาษออกมา เขาวาดสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจและเริ่มคำนวณในหัว
“บรรทัดที่ 5 หน้า 21 เหรอ” อัคเชย์ เวนคาเทชที่นั่งติดกับชูลทซ์พูดขึ้น หลังจากที่คิดทบทวนครู่หนึ่ง เขาพูด “ผมคิดว่าปัญหาอยู่ที่หน้า 31 บรรทัดที่ 11 เสียอีก”
อัคเชย์นับว่าเป็นนักคณิตศาสตร์ระดับโลกเหมือนกับชูลทซ์
นอกเหนือจากผลงานด้านทฤษฎีภาพแทนและทฤษฎีตัวเลขแล้ว เขายังเป็นชาวออสเตรเลียคนเดียวที่ได้เหรียญจากการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกและการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ…
ยิ่งไปกว่านั้นเขาชนะทั้งสองรางวัลตอนที่อายุเพียง 12 ปีเท่านั้น
ชูลทซ์หยิบวิทยานิพนธ์ยับๆ ออกมาจากกระเป๋า เขาเหลือไปมองหน้าที่ 31 และดูจะสนใจกับมัน
“ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์ลู่จะเจอปัญหามากกว่าที่ผมคิดเสียอีก”
อัคเชย์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหลับตาช้าๆ
นักวิชาการสามคนเจอปัญหาสามจุดในข้อพิสูจน์นี้
มันแสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแค่แก่นของข้อพิสูจน์จะมีปัญหา แต่ข้อพิสูจน์ทั้งหมดมีปัญหา
แม้ว่าชูลทซ์จะรู้สึกเห็นใจผู้ชนะรางวัลเหรียญฟิลด์ที่อยู่บนเวที แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
ทุกคนต่างก็ทำพลาดเพราะขาดประสบการณ์และความเย่อหยิ่งกันทั้งนั้น เขาหวังว่าลู่โจวจะเข้มแข็งขึ้นหลังจากเหตุการณ์นี้
ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการคณิตศาสตร์
ชูลทซ์ขมวดคิ้วและครุ่นคิด ส่วนอัคเชย์ก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าการรายงานนี้จะออกมาเป็นอย่างไร สวี่เฉิงยางที่นั่งข้างๆ แสดงสีหน้าตึงเครียด
จางโช่วอู๋ที่นั่งติดกับศาสตราจารย์สวี่สังเกตเห็นว่าลู่โจวหยุดพูด จางโช่วอู๋อดไม่ได้ที่จะถาม
“ทำไมเขาไม่พูดอะไรเลย…”
แม้ว่าฟาลติ้งส์จะเคยเป็นที่ปรึกษาของเขา แต่เขาก็เป็นคนจีนเพราะฉะนั้นเขาต้องเข้าข้างคนจีนด้วยกัน
ลู่โจวเป็นหน้าตาของสมาคมนักวิชาการจีน
นี่คือเหตุผลที่จางโช่วอู๋สนับสนุนลู่โจว แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าลู่โจวจะเอาชนะฟาลติ้งส์ได้ก็ตาม…
สุดท้ายแล้วการหาข้อผิดพลาดย่อมง่ายกว่าการสร้างข้อพิสูจน์ที่น่าเชื่อถือ และการโต้แย้งสดๆ ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก…
ตอนที่ไวล์สพิสูจน์ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มา เขาใช้เวลาทั้งปีในการหาช่องโหว่และคำตอบสำหรับคำถามจากผู้วิจารณ์
แต่ตอนนี้นักคณิตศาสตร์กว่าครึ่งโลกกำลังให้ความสนใจไปที่ลู่โจว คนส่วนใหญ่ไม่สามารถคิดอะไรออกด้วยซ้ำในสถานการณ์แบบนี้…
“บรรทัดที่ 11 หน้าที่ 17 ใช่ไหมครับ” ลู่โจวเปิดหน้าเอกสารและเจอกับบรรทัดที่ว่า เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “ผมใช้ตารางสเตอร์ลิงสำหรับฟังก์ชัน Γ(s) สมการ (2) ถูกย่อให้เป็น J (δ) = Σd (k + 1) (n) I (n) + Δ (δ)…”
“ผมรู้อยู่แล้ว” ฟาลติ้งส์ขัดลู่โจว เขาพูดต่อ “ตารางสเตอร์ลิงที่ใช้กับฟังก์ชัน Γ (s) เป็นวิธีการที่ฉลาด มันช่วยคุณหลบเลี่ยงปัญหาหลายอย่าง แต่ถึงแม้ว่าคุณจะเปลี่ยน Re (s) = 1-c / ln [| Im (s) | +2] คุณก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าไม่มีจุด Non-Trivial Zeros บนลิมิตข้างขวา”
จางโช่วอู๋กลั้นหายใจ ศาสตราจารย์เดอลีงย์กำหมัดแน่น ชูลทซ์หยุดเขียน เถาเจ๋อเซวียนดูตื่นเต้น โมลิน่ากัดริมฝีปากตัวเอง…
“เอาแล้วไง…” สวี่เฉิงยางพูด
สวี่เฉิงยางที่นั่งใกล้ๆ ศาสตราจารย์จางโช่วอู๋ถอนหายใจ
คนที่นี่ส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าฟาลติ้งส์พูดถึงอะไร
ชายสูงวัยสวมโค้ตยาวสีดำพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
“ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกไหน คุณก็ปฏิเสธความจริงเรื่องนี้ไม่ได้
“นี่คือข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในวิทยานิพนธ์ของคุณ และขอบด้านขวาจาก Re (s) = 1 ยืดออกไปด้านซ้ายด้วย Re (s) = 1-ε (ε > 0) ก็ไม่สมเหตุสมผล ผมพูดเรื่องนี้ในอีเมลฉบับแรกที่ส่งให้คุณแต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ฟังคำแนะนำของผมเลย”
หอประชุมเงียบสนิท
เงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่น
คำถามนี้เป็นเหมือนมีดคมๆ ที่เจาะทะลุลึกเข้าไปในวิทยานิพนธ์
ศาสตราจารย์เดอลีงย์คลายหมัดที่กำอยู่ และถอนหายใจเบาๆ
เดาว่าฟาลติ้งส์ยังคงเป็นที่สุด
เดอลีงย์ไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้ แต่ตั้งแต่ที่ก็อตเท็นดิ๊กตายไป ฟาลติ้งส์ก็เป็นคนที่สามารถแก้สมมติฐานของรีมันน์ได้ใกล้เคียงที่สุด
โมลิน่าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
เธอโล่งใจที่เห็นว่าลู่โจวทำพลาดเพราะนั่นหมายความว่าคู่แข่งสมมติฐานของรีมันน์จะน้อยลง แต่น่าเสียดาย…
เพราะความพ่ายแพ้นี้หมายถึงสมมติฐานเสมือนของรีมันน์ยังไม่ถูกแก้และบทพิสูจน์ขอบเขตจุดวิกฤติก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้…
คนแรกก็ก็อตเท็นดิ๊ก
ตอนนี้ก็ศาสตราจารย์ลู่
อัจฉริยะมากมายพ่ายแพ้ให้กับเจ้ามังกรสมมติฐานของรีมันน์
มีข่าวลือว่าสมมติฐานของรีมันน์ก็เหมือนทฤษฎีบทความไม่บริบูรณ์ของเกอเดลที่ไม่มีวันแก้หรือพิสูจน์ได้…
โมลิน่าอดที่จะกลัวไม่ได้
แล้วถ้าเกิดว่าคำตอบที่เธอตามหามันไม่มีอยู่จริงล่ะ…
งานทั้งหมดนี่จะมีไปเพื่ออะไร
อีกฟากหนึ่งของหอประชุม
ชูลทซ์มองไปที่ลู่โจวและยิ้ม เขาพูดคุยกับอัคเชย์
“อัคเชย์เพื่อนยาก รู้ไหมว่าบางครั้งผมก็สงสัยว่าสมมติฐานของรีมันน์อาจจะเป็นคำสาป ลองคิดดูสิว่ามีอัจฉริยะมากมายที่พ่ายแพ้ให้กับสมมติฐานของรีมันน์ อย่างน้อยมันก็เคยเกิดขึ้นกับเซอร์อติยาห์”
อัคเชย์กอดอกและส่ายหัว
“ผมไม่เชื่อเรื่องคำสาป”
“นั่นเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจต่างหาก” ชูลทซ์ยักไหล่และโชว์ยิ้มที่มีเสน่ห์ขณะที่พูด “รู้ไหมว่าก่อนที่ก็อตเท็นดิ๊กจะออกจากบ้านแล้วมาอยู่ที่ฝรั่งเศส ก็อตเท็นดิ๊กหมกมุ่นกับความคิดเรื่องซาตาน เขาเชื่อว่าปีศาจเปลี่ยนตัวเลขความเร็วของแสงจาก 300,000 กิโลเมตรต่อวินาทีเป็นตัวเลขที่ไร้เหตุผลอย่าง 299,792.458 กิโลเมตรต่อวินาที เขาเชื่อว่าซาตานทำให้สมมติฐานของรีมันน์ที่ดูง่ายๆ กลายเป็นสิ่งที่คนไม่สามารถแก้ได้…”
อัคเชย์รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาพยายามจบบทสนทนานี้
“โอเค พอแล้ว”
ชูลทซ์ยิ้มและเพิกเฉยกับคำพูดของอัคเชย์
“อีกอย่างเห็นได้ชัดว่าก่อนที่ก็อตเท็นดิ๊กจะหายไป และก่อนที่จะมีการพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของไวล์ ก็อตเท็นดิ๊กพยายามแก้สมมติฐานของรีมันน์ ในปี 2010 ก็อตเท็นดิ๊กที่ห่างหายไปเป็น 10 ปีอยู่ดีๆ ก็เขียนจดหมายถึงนักศึกษาของเขา เดาสิว่าเขาเขียนว่าอะไร”
อัคเชย์ไม่อยากฟังตำนานพวกนี้ แต่เขาก็ยังถามเพราะความสงสัย “อะไร…”
ชูลทซ์คายหมากฝรั่งใส่กระดาษห่อและพูด
“เขาเขียนว่าใครก็ตามที่สามารถชิงมงกุฎสมมติฐานของรีมันน์จากซาตานได้ จะได้ในสิ่งที่ผู้คนไขว่คว้ามาเป็นพันพันปี…”
เขานิ่งไปสักครู่และพูดต่อ “นั่นก็คือการรวมตัวกันของพีชคณิตและเรขาคณิต! “
…
ลู่โจวยืนเงียบๆ บนเวที
เป็นเวลานาน
ขณะที่ฟาลติ้งส์เริ่มสงสัยว่าเขาโหดร้ายกับนักวิชาการหนุ่มคนนี้ไปไหม อยู่ดีๆ ลู่โจวก็พูดขึ้น “เหตุผลที่คุณถามคำถามนี้ก็เพราะว่าคุณไม่เข้าใจข้อพิสูจน์ผมเลยแม้แต่น้อย”
ทันทีที่เขาพูดจบ ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในหอประชุม
ทุกคนต่างประหลาดใจ ตกใจและโมโห!
ลู่โจวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เขาสูดลมหายใจเข้าและจ้องไปที่ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ที่ยืนอยู่ไกลๆ
เขาเหลือบมองไปที่ชายสูงวัยที่แสดงสีหน้าเหลือเชื่อและพูดต่อ “ผมต้องขอโทษที่ผมพูดตรงไป”
“แต่หลังจากที่ได้ยินคำถามของคุณแล้ว ผมก็รู้ว่าความแตกต่างของพวกเราคืออะไร”
เดิมทีเขาคิดว่าเขาอธิบายข้อพิสูจน์ของตัวเองไม่ชัดเจนพอ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น…
ความขัดแย้งของทั้งคู่ไม่ใช่ปมเชือกที่พันกันแน่นแต่พวกเขาเป็นเหมือนเส้นคู่ขนานมากกว่า
ลู่โจวรู้สึกแปลกๆ
มันเป็นความรู้สึกดีจนน่าประหลาดใจ
ความคลางแคลงใจที่มีหายไปหมด
ลู่โจวถอนหายใจอยู่ในใจ
เขารู้สึกว่ามีแค่คนคนเดียวบนโลกที่เข้าใจวิทยานิพนธ์ของเขาอย่างแท้จริง
และคนคนนั้นไม่ได้อยู่ที่หอประชุมในวันนี้
“ผมจะแสดงข้อพิสูจน์ให้คุณดู”
ลู่โจวหันไปเผชิญหน้ากับไวท์บอร์ด
“คุณคงจะจำสมการที่อยู่บนไวท์บอร์ดได้แล้ว ดังนั้นผมจะลบก่อน…”
หลังจากที่ลบไวท์บอร์ด ลู่โจวหยิบปากกาขึ้นมา
“ก่อนอื่นเลย ผมอยากขอบคุณนักศึกษาของผม ถ้าไม่มีเธอเรื่องทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้”
ลู่โจวหันกลับมาและมองหน้าฟาลติ้งส์อย่างจริงจัง
หลังจากนั้นเขาเหลือบไปมองและจ้องไปด้านหลังห้องประชุม
“มาเริ่มกันที่ส่วนพื้นฐานกันก่อน…สิ่งที่ทำให้วิทยานิพนธ์นี้เป็นไปได้”
เขาหยิบปากกาขึ้นมาและเขียนบางอย่างบนไวท์บอร์ด
‘การวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติก’
ทันทีที่เขาเขียนเสร็จ
บรรยากาศในหอประชุมก็ลุกเป็นไฟ!
……………………………