แก้สมมติฐานของรีมันน์ได้ภายในสามปี…
คนจำนวนมากมายก็พูดแบบเดียวกัน
ฟาลติ้งส์จำได้ว่ามีคนอย่างน้อยสิบกว่าคนที่กล่าวอ้างแบบนี้
และหนึ่งในนั้นตายไปแล้วด้วยซ้ำ
คนคนนั้นก็คือไวล์ ผู้เสนอข้อคาดการณ์ของไวล์อันโด่งดัง
เห็นได้ชัดว่าตอนที่เขายังหนุ่ม เขาพยายามท้าทายปัญหาการกระจายจุดศูนย์ของฟังก์ชัน ζ สำหรับเส้นโค้งพีชคณิตเหนือฟีลด์จำกัด และเกิดข้อคาดการณ์ของไวล์ในเวลาต่อมา เขาคิดว่ามันอาจจะได้ผลเช่นเดียวกันกับการคาดคะเนของรีมันน์
เขาถึงกับวางแผนว่าถ้าเขาข้อพิสูจน์การคาดคะเนของรีมันน์ได้จริงๆ เขาจะไม่ตีพิมพ์งานวิจัยของเขาสู่สายตาประชาชนจนถึงปี 1959 ซึ่งเป็นปีที่สมมติฐานของรีมันน์ครบรอบ 100 ปีพอดี
แต่ความคิดนั้นก็หายไป
ในช่วงปี 1970 ศาสตราจารย์เดอลีงย์พิสูจน์ข้อคาดการณ์ของไวล์ แต่สมมติฐานของรีมันน์ยังคงเป็นเรื่องเกินเอื้อม
ฟาลติ้งส์ยังจำวันสุดท้ายของชีวิตไวล์ได้ดี เขายังหวังว่าจะได้เห็นข้อพิสูจน์สมมติฐานของรีมันน์ในชีวิต แม้ว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
การประชุมวิชาการสิ้นสุดลง นักวิชาการจากทั่วโลกเริ่มเดินทางกลับบ้าน
ในช่วงสองวันที่ผ่านมาศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ไม่ได้ขอให้ลู่โจวพาขึ้นภูเขาอีกเลย เขาใช้เวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัยจินหลิงแทน
จากโพสต์ของทางมหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์สูงวัยคนนี้ไปที่ห้องสมุดและร่วมฟังการบรรยายคณิตศาสตร์ที่อาคารใหม่ แม้ว่าจะไม่เข้าใจภาษาจีนก็ตามแต่ก็ยังเข้าใจสัญลักษณ์ที่อยู่บนกระดานดำ
ในวันสุดท้ายลู่โจวขอให้หวังเผิงไปส่งศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์และเพื่อนนักคณิตศาสตร์ของเขาที่สนามบิน หวังเผิงจะต้องหารถคันใหญ่เพื่อจุคนทั้งหมด
แม้ว่าศาสตราจารย์เดอลีงย์จะต้องขึ้นรถของหวังเผิงเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่เดอลีงย์กลับไปทันทีที่การรายงานจบ ตอนที่ลู่โจวโทรไป เดอลีงย์ก็กลับไปถึงออฟฟิศที่พรินซ์ตันแล้ว
ลู่โจวเลือกที่จะเป็นเจ้าบ้านที่ดี จึงเดินทางไปส่งพวกเขาที่สนามบิน
ก่อนที่ทุกคนจะขึ้นเครื่อง อยู่ดีๆ ฟาลติ้งส์ก็ยื่นสมุดเล่มหนึ่งให้กับลู่โจว เขาไม่พูดอะไรและหยิบกระเป๋าเดินทางพร้อมเดินจากไป
เถาเจ๋อเซวียนถาม “ขอผมดูหน่อยว่าข้างในมีอะไร”
เถาเจ๋อเซวียนมองฟาลติ้งส์ที่กำลังเดินจากไป เขาพยายามดึงสมุดมาจากลู่โจวด้วยความตื่นเต้น
ลู่โจวไม่ได้ห้ามอะไร เขาปล่อยสมุดเล่มนั้น
โมลิน่าเองก็อยากจะอ่านเหมือนกัน แต่เธอไม่อยากดูอ่อนแอต่อหน้าคู่แข่ง เธอก็เลยพยายามแอบมองสมุดที่อยู่ในมือของศาสตราจารย์เถาแทน
ลู่โจวสังเกตเห็นท่าทางของเธอและยิ้มออกมา
“ไม่เป็นไร อ่านเลย ไม่ได้มีความลับอะไรหรอก ถ้ามันสร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้ผมมั่นใจว่าฟาลติ้งส์จะต้องมีความสุขแน่ๆ “
โมลิน่าหน้าแดงและสูดลมหายใจเข้าเพื่อสงบสติอารมณ์
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากนั้นเธอก็เริ่มอ่านสมุดไปพร้อมกับเถาเจ๋อเซวียน
เธอรู้ว่าเธอคงตามความเร็วในการอ่านของศาสตราจารย์เถาไม่ทัน เธอก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแทน
ลู่โจวไม่ได้ห้ามอะไร เขาเดินไปที่ตู้กดเครื่องดื่มใกล้ๆ และซื้อกาแฟมาสามกระป๋อง หลังจากแจกจ่ายกาแฟกระป๋องให้กับทุกคนแล้วเขาก็นั่งลงที่ม้านั่งใกล้ๆ
เวลาผ่านไปหลายนาที เขาดื่มกาแฟไปได้ครึ่งกระป๋อง ศาสตราจารย์เถาปิดสมุดและมองไปที่ลู่โจวด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“สิ่งที่เขียนในนี้น่าสนใจมากๆ เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นความคิดของฟาลติ้งส์ต่อสมมติฐานของรีมันน์ มันเหมือนเป็นแนวคิดในการทำวิจัย เนื้อหาบางส่วนมีการพิสูจน์แล้วและบางส่วนยังไม่มีใครแตะต้อง ผมแนะนำให้คุณอ่านอย่างละเอียด มันอาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณได้”
ลู่โจวพยักหน้าและยิ้ม
“ผมก็ว่าทำแบบนั้นเหมือนกันครับ”
“โอเค ถึงเวลาต้องบอกลากันแล้ว” ศาสตราจารย์เถาพูดขณะที่มองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ เขายิ้มให้ลู่โจวและพูด “เครื่องของผมใกล้จะขึ้นแล้ว หวังว่าจะได้เจอคุณที่การประชุมนักคณิตศาสตร์ปีหน้านะ ผมตั้งหน้าตั้งตารอการรายงาน 60 นาทีของคุณอยู่”
ลู่โจว “ดูเหมือนว่าผมยังมีงานต้องทำอีกเยอะเลย”
ลู่โจวยิ้มพร้อมโบกมือลา เขาคว้ากระเป๋าเดินทางและพูดบางอย่างก่อนที่จะจากไป
“ฮ่าฮ่า ผมเชื่อในตัวคุณ”
แล้วเขาก็เดินหายไปในฝูงชน
โมลิน่าจ้องไปที่ลู่โจวสักพัก เธอใส่โทรศัพท์ในกระเป๋าและพูดด้วยความประหม่า “ขอบคุณนะคะ ถึงแม้ว่าคุณจะช่วยฉันแต่ฉันก็ไม่อ่อนข้อให้หรอกนะ”
ลู่โจวยิ้มยิงฟันและพูด “ไม่ต้องอ่อนข้อให้ผมหรอก ผมไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นคนแก้ปัญหานี้ ผมก็แค่อยากให้ปัญหานี้ได้รับการพิสูจน์”
ถ้าทุกคนสามารถแก้สมมติฐานของรีมันน์เพราะสมุดเล่มนี้เพียงอย่างเดียวได้จริงๆ แล้วทำไมฟาลติ้งส์จึงไม่แก้สมมติฐานนี้ด้วยตัวเองล่ะ
ลู่โจวไม่คิดว่าสมุดเล่มนี้จะช่วยโมลิน่าในการแก้สมมติฐานเสมือนของรีมันน์
เหตุผลที่ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ให้สมุดเล่มนี้กับเขาก็เพราะฟาลติ้งส์หวังว่าลู่โจวจะได้แรงบันดาลใจจากมัน
เนื้อหาในสมุดไม่ควรค่าแก่การตีพิมพ์ด้วยซ้ำ มีเพียงไม่กี่คนที่จะเห็นค่าจากสมุดเล่มนี้จริงๆ
และชัดเจนว่าโมลิน่า อาเบลไม่ใช่หนึ่งในนั้น
แม้ว่างานวิจัยทฤษฎีเส้นวิกฤติของเธอจะน่าประทับใจขนาดไหน แต่มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับการค้นพบอันยิ่งใหญ่เลย
ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ตีพิมพ์ในนิตยสารอย่างบันทึกแห่งคณิตศาสตร์หรอก เธอคงเลือกตีพิมพ์ในวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีไปแล้ว
โมลิน่าดูพอใจกับสิ่งที่ได้ราวกับว่ารูปในโทรศัพท์เป็นแผนที่ล่าสมบัติ เธออยากจะบินกลับพรินซ์ตันให้เร็วที่สุดเพื่อที่จัดเรียงรูปภาพพวกนี้ ลู่โจวนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่จะพูด “ผมขอแนะนำอะไรคุณหน่อยได้ไหม”
โมลิน่ามองลู่โจวด้วยท่าทีประหม่า
“แนะนำอะไร”
ลู่โจวมองไปที่เธอและพูด “อย่าคาดหวังอะไรกับสมุดนี้มากนักเลย เห็นตอนที่ศาสตราจารย์เถาอ่านผ่านๆ แล้วส่งคืนให้ผมโดยที่ไม่จดอะไรเลยไหม”
โมลิน่านิ่งไปครู่หนึ่งและขมวดคิ้ว
“คุณกำลังจะบอกว่า เนื้อหาในสมุดไม่สำคัญอย่างนั้นเหรอ”
ลู่โจวมองเธอด้วยสีหน้าแปลกๆ
“เปล่า งานวิจัยของศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์สำคัญและทุกคนก็รู้เรื่องนั้นดี ผมก็แค่อยากจะบอกว่ามันจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่ออยู่ในมือของคนที่ใช่เท่านั้นเอง”
โมลิน่า: “…”
เวรเอ๊ย!
ทุเรศที่สุด!
ฉันเกือบจะตบหน้าเขาไปแล้ว!
…………………