Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 867 โน้ตของศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์

แก้สมมติฐานของรีมันน์ได้ภายในสามปี…

คนจำนวนมากมายก็พูดแบบเดียวกัน

ฟาลติ้งส์จำได้ว่ามีคนอย่างน้อยสิบกว่าคนที่กล่าวอ้างแบบนี้

และหนึ่งในนั้นตายไปแล้วด้วยซ้ำ

คนคนนั้นก็คือไวล์ ผู้เสนอข้อคาดการณ์ของไวล์อันโด่งดัง

เห็นได้ชัดว่าตอนที่เขายังหนุ่ม เขาพยายามท้าทายปัญหาการกระจายจุดศูนย์ของฟังก์ชัน ζ สำหรับเส้นโค้งพีชคณิตเหนือฟีลด์จำกัด และเกิดข้อคาดการณ์ของไวล์ในเวลาต่อมา เขาคิดว่ามันอาจจะได้ผลเช่นเดียวกันกับการคาดคะเนของรีมันน์

เขาถึงกับวางแผนว่าถ้าเขาข้อพิสูจน์การคาดคะเนของรีมันน์ได้จริงๆ เขาจะไม่ตีพิมพ์งานวิจัยของเขาสู่สายตาประชาชนจนถึงปี 1959 ซึ่งเป็นปีที่สมมติฐานของรีมันน์ครบรอบ 100 ปีพอดี

แต่ความคิดนั้นก็หายไป

ในช่วงปี 1970 ศาสตราจารย์เดอลีงย์พิสูจน์ข้อคาดการณ์ของไวล์ แต่สมมติฐานของรีมันน์ยังคงเป็นเรื่องเกินเอื้อม

ฟาลติ้งส์ยังจำวันสุดท้ายของชีวิตไวล์ได้ดี เขายังหวังว่าจะได้เห็นข้อพิสูจน์สมมติฐานของรีมันน์ในชีวิต แม้ว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

การประชุมวิชาการสิ้นสุดลง นักวิชาการจากทั่วโลกเริ่มเดินทางกลับบ้าน

ในช่วงสองวันที่ผ่านมาศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ไม่ได้ขอให้ลู่โจวพาขึ้นภูเขาอีกเลย เขาใช้เวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัยจินหลิงแทน

จากโพสต์ของทางมหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์สูงวัยคนนี้ไปที่ห้องสมุดและร่วมฟังการบรรยายคณิตศาสตร์ที่อาคารใหม่ แม้ว่าจะไม่เข้าใจภาษาจีนก็ตามแต่ก็ยังเข้าใจสัญลักษณ์ที่อยู่บนกระดานดำ

ในวันสุดท้ายลู่โจวขอให้หวังเผิงไปส่งศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์และเพื่อนนักคณิตศาสตร์ของเขาที่สนามบิน หวังเผิงจะต้องหารถคันใหญ่เพื่อจุคนทั้งหมด

แม้ว่าศาสตราจารย์เดอลีงย์จะต้องขึ้นรถของหวังเผิงเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่เดอลีงย์กลับไปทันทีที่การรายงานจบ ตอนที่ลู่โจวโทรไป เดอลีงย์ก็กลับไปถึงออฟฟิศที่พรินซ์ตันแล้ว

ลู่โจวเลือกที่จะเป็นเจ้าบ้านที่ดี จึงเดินทางไปส่งพวกเขาที่สนามบิน

ก่อนที่ทุกคนจะขึ้นเครื่อง อยู่ดีๆ ฟาลติ้งส์ก็ยื่นสมุดเล่มหนึ่งให้กับลู่โจว เขาไม่พูดอะไรและหยิบกระเป๋าเดินทางพร้อมเดินจากไป

เถาเจ๋อเซวียนถาม “ขอผมดูหน่อยว่าข้างในมีอะไร”

เถาเจ๋อเซวียนมองฟาลติ้งส์ที่กำลังเดินจากไป เขาพยายามดึงสมุดมาจากลู่โจวด้วยความตื่นเต้น

ลู่โจวไม่ได้ห้ามอะไร เขาปล่อยสมุดเล่มนั้น

โมลิน่าเองก็อยากจะอ่านเหมือนกัน แต่เธอไม่อยากดูอ่อนแอต่อหน้าคู่แข่ง เธอก็เลยพยายามแอบมองสมุดที่อยู่ในมือของศาสตราจารย์เถาแทน

ลู่โจวสังเกตเห็นท่าทางของเธอและยิ้มออกมา

“ไม่เป็นไร อ่านเลย ไม่ได้มีความลับอะไรหรอก ถ้ามันสร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้ผมมั่นใจว่าฟาลติ้งส์จะต้องมีความสุขแน่ๆ “

โมลิน่าหน้าแดงและสูดลมหายใจเข้าเพื่อสงบสติอารมณ์

“ขอบคุณค่ะ”

หลังจากนั้นเธอก็เริ่มอ่านสมุดไปพร้อมกับเถาเจ๋อเซวียน

เธอรู้ว่าเธอคงตามความเร็วในการอ่านของศาสตราจารย์เถาไม่ทัน เธอก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแทน

ลู่โจวไม่ได้ห้ามอะไร เขาเดินไปที่ตู้กดเครื่องดื่มใกล้ๆ และซื้อกาแฟมาสามกระป๋อง หลังจากแจกจ่ายกาแฟกระป๋องให้กับทุกคนแล้วเขาก็นั่งลงที่ม้านั่งใกล้ๆ

เวลาผ่านไปหลายนาที เขาดื่มกาแฟไปได้ครึ่งกระป๋อง ศาสตราจารย์เถาปิดสมุดและมองไปที่ลู่โจวด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“สิ่งที่เขียนในนี้น่าสนใจมากๆ เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นความคิดของฟาลติ้งส์ต่อสมมติฐานของรีมันน์ มันเหมือนเป็นแนวคิดในการทำวิจัย เนื้อหาบางส่วนมีการพิสูจน์แล้วและบางส่วนยังไม่มีใครแตะต้อง ผมแนะนำให้คุณอ่านอย่างละเอียด มันอาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณได้”

ลู่โจวพยักหน้าและยิ้ม

“ผมก็ว่าทำแบบนั้นเหมือนกันครับ”

“โอเค ถึงเวลาต้องบอกลากันแล้ว” ศาสตราจารย์เถาพูดขณะที่มองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ เขายิ้มให้ลู่โจวและพูด “เครื่องของผมใกล้จะขึ้นแล้ว หวังว่าจะได้เจอคุณที่การประชุมนักคณิตศาสตร์ปีหน้านะ ผมตั้งหน้าตั้งตารอการรายงาน 60 นาทีของคุณอยู่”

ลู่โจว “ดูเหมือนว่าผมยังมีงานต้องทำอีกเยอะเลย”

ลู่โจวยิ้มพร้อมโบกมือลา เขาคว้ากระเป๋าเดินทางและพูดบางอย่างก่อนที่จะจากไป

“ฮ่าฮ่า ผมเชื่อในตัวคุณ”

แล้วเขาก็เดินหายไปในฝูงชน

โมลิน่าจ้องไปที่ลู่โจวสักพัก เธอใส่โทรศัพท์ในกระเป๋าและพูดด้วยความประหม่า “ขอบคุณนะคะ ถึงแม้ว่าคุณจะช่วยฉันแต่ฉันก็ไม่อ่อนข้อให้หรอกนะ”

ลู่โจวยิ้มยิงฟันและพูด “ไม่ต้องอ่อนข้อให้ผมหรอก ผมไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นคนแก้ปัญหานี้ ผมก็แค่อยากให้ปัญหานี้ได้รับการพิสูจน์”

ถ้าทุกคนสามารถแก้สมมติฐานของรีมันน์เพราะสมุดเล่มนี้เพียงอย่างเดียวได้จริงๆ แล้วทำไมฟาลติ้งส์จึงไม่แก้สมมติฐานนี้ด้วยตัวเองล่ะ

ลู่โจวไม่คิดว่าสมุดเล่มนี้จะช่วยโมลิน่าในการแก้สมมติฐานเสมือนของรีมันน์

เหตุผลที่ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ให้สมุดเล่มนี้กับเขาก็เพราะฟาลติ้งส์หวังว่าลู่โจวจะได้แรงบันดาลใจจากมัน

เนื้อหาในสมุดไม่ควรค่าแก่การตีพิมพ์ด้วยซ้ำ มีเพียงไม่กี่คนที่จะเห็นค่าจากสมุดเล่มนี้จริงๆ

และชัดเจนว่าโมลิน่า อาเบลไม่ใช่หนึ่งในนั้น

แม้ว่างานวิจัยทฤษฎีเส้นวิกฤติของเธอจะน่าประทับใจขนาดไหน แต่มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับการค้นพบอันยิ่งใหญ่เลย

ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ตีพิมพ์ในนิตยสารอย่างบันทึกแห่งคณิตศาสตร์หรอก เธอคงเลือกตีพิมพ์ในวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีไปแล้ว

โมลิน่าดูพอใจกับสิ่งที่ได้ราวกับว่ารูปในโทรศัพท์เป็นแผนที่ล่าสมบัติ เธออยากจะบินกลับพรินซ์ตันให้เร็วที่สุดเพื่อที่จัดเรียงรูปภาพพวกนี้ ลู่โจวนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่จะพูด “ผมขอแนะนำอะไรคุณหน่อยได้ไหม”

โมลิน่ามองลู่โจวด้วยท่าทีประหม่า

“แนะนำอะไร”

ลู่โจวมองไปที่เธอและพูด “อย่าคาดหวังอะไรกับสมุดนี้มากนักเลย เห็นตอนที่ศาสตราจารย์เถาอ่านผ่านๆ แล้วส่งคืนให้ผมโดยที่ไม่จดอะไรเลยไหม”

โมลิน่านิ่งไปครู่หนึ่งและขมวดคิ้ว

“คุณกำลังจะบอกว่า เนื้อหาในสมุดไม่สำคัญอย่างนั้นเหรอ”

ลู่โจวมองเธอด้วยสีหน้าแปลกๆ

“เปล่า งานวิจัยของศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์สำคัญและทุกคนก็รู้เรื่องนั้นดี ผมก็แค่อยากจะบอกว่ามันจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่ออยู่ในมือของคนที่ใช่เท่านั้นเอง”

โมลิน่า: “…”

เวรเอ๊ย!

ทุเรศที่สุด!

ฉันเกือบจะตบหน้าเขาไปแล้ว!

…………………

Scholar’s Advanced Technological System

Scholar’s Advanced Technological System

The Overachiever's Black Tech System, 学霸的黑科技系统
Score 6.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Scholar’s Advanced Technological Systemหลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล “ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?” “ไม่ได้” “เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?” “ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset