Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 877 เติบโต

สุดท้ายแล้วด้วยท้องที่ร้องคำราม ลู่โจวจึงตัดสินใจได้ในที่สุด เขาตัดสินใจว่าจะไม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาหารที่สั่งมาของเขา เขาใช้เวลาไม่นานกับการกินอาหารมื้อนี้

ข้าวไก่ส้มอร่อยดี

ความขัดกันระหว่างรสหวานกับเปรี้ยวมันสุดยอด สุดท้ายกระเพาะของลู่โจวก็เลิกส่งเสียง

ในขณะที่ลู่โจวกำลังกินอาหารแสนอร่อยอยู่นั้น เสี่ยวถงที่อยู่ที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดนั้นก็กำลังอ่านแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และอัลกอริทึมที่พี่ชายส่งมา

เธอไม่สนใจอีโมติคอนแปลกๆ ในอีเมล…

แบบจำลองทางคณิตศาสตร์นี้เกินกว่าความเข้าใจด้านฟังก์ชันและสถิติที่เธอมี และได้ล้มล้างความเข้าใจที่เธอมีในแบบจำลองบิวลีย์ไปหมดสิ้น

จะบอกว่าการอธิบายความรู้สึกตอนนี้เป็นอะไรที่ยากมาก

เหมือนกับว่าเธอคิดว่าทุกอย่างในหัวข้อนี้ถูกรวบรวมไว้ในบ้านหลังหนึ่งแล้ว แต่จู่ๆ เธอก็ดันพบว่า ในบ้านมีประตูด้านหลังที่พาเธอไปสู่โลกใหม่เสียอย่างนั้น

สิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากยิ่งกว่าคือ ลู่โจวเขียนทุกอย่างในนี้มาโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง

เธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอกออฟฟิศ

หลังจากเคาะประตูสองครั้ง หญิงสาววัยราวสามสิบปีก็เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาข้างใน

เธอสวมชุดทางการสีเทาและดำ ถ้าหากมองจากท่าทางที่เธอเดินเข้ามาในออฟฟิศแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าเธอมาเยี่ยมออฟฟิศแห่งนี้บ่อยๆ

ชื่อของเธอคือแอนสลีย์ และเธอก็กำลังทำงานวิจัยอยู่ภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ เธอเรียนจบปริญญาโทเมื่อปีที่แล้ว และตอนนี้กำลังเรียนปริญญาเอก

“ถง ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ฝากให้ฉันมาถามเธอว่า เธอสามารถส่งธีสิสก่อนจะหมดช่วงวันหยุดคริสต์มาสได้ไหม?”

เสี่ยวถงยังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอพยักหน้าตอบอย่างมึนงงว่า

“ได้ค่ะ…”

จะให้ฉันพูดอะไรอย่างอื่นได้ล่ะ?

ฉันต้องจัดระเบียบธีสิสนี้และส่งไป ฉันยังอาจจะกลับบ้านช่วงวันสิ้นปีได้ด้วยซ้ำ…

ถ้ายังหาซื้อตั๋วบินกลับได้น่ะนะ…

“เธอส่งได้จริงเหรอ?” แอนสลีย์มีท่าทางประหลาดใจ เธอพูดขึ้นมาด้วยเสียงเบาๆ ว่า “เขายังพูดย้ำมาอีกว่า ถ้าเธอทำไม่ได้ล่ะก็ เธอเอาอันนั้นไปเป็นโปรเจกต์เรียบจบปริญญาเอกก็ได้…”

เสี่ยวถงตื่นจากฝันกลางวันแล้วเพิ่งรู้สึกตัวว่าแอนสลีย์ต้องการจะสื่ออะไร เธอลังเลอยู่นิดหน่อยก่อนจะส่ายหัว

“ช่วยฝากบอกศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ทีค่ะว่าฉันขอบคุณ ถึงฉันจะอยากไปต่อในเส้นทางสายวิชาการ…แต่ฉันก็อยากไปที่ที่ดีกว่านี้”

เสี่ยวถงบอกได้ว่าศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ไม่อยากให้เธอไป

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์พยายามหลายครั้งมากที่จะโน้มน้าวให้เสี่ยวถงยังมีเขาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาอยู่ในตอนเรียนปริญญาเอก

ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ…

มันง่ายมากเลย เพราะว่าพี่ชายของเธออย่างไรล่ะ…

แอนสลีย์ถอนหายใจและพยายามโน้มน้าวเสี่ยวถง

“แต่ฉันว่าศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ก็เป็นนักวิจัยเศรษฐศาสตร์มหภาคที่เก่งคนหนึ่งเลยนะ อีกอย่าง เธอก็รู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร หลายครั้งที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าฟอร์สเตอร์ไม่มีความสามารถหรอกนะ เขาแค่ต้องการโอกาสเท่านั้น”

เสี่ยวถงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วถามไปว่า “คุณรู้ไหมคะว่าลู่โจวเป็นใคร? เขาเป็นพี่ชายฉันเองค่ะ”

บทสนทนานิ่งชะงัก

ทั้งออฟฟิศเงียบไปพักหนึ่ง

“ฉัน…รู้” แอนสลีย์เอ่ยแล้วยักไหล่ จากนั้นก็พูดต่อว่า “ฉันยอมรับนะ ว่าเธอมีพี่ชายที่เก่งมาก เก่งกว่าพี่ชายฉันเยอะ ที่เพิ่งรู้วิธีทำแพนเค้กเมื่อปีที่แล้วนี่เอง แต่เธอเอาเรื่องเขามาพูดทำไมกัน?”

เสี่ยวถงตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเจือความน้อยใจว่า “ตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด คนที่นี่ก็จะแบบ เฮ้ ดูสิ นั่นน้องสาวของลู่โจวนี่นา ขนาดพวกผู้แทนราษฎรยังเรียกฉันว่าเป็นน้องสาวของลู่โจวเลยค่ะ…”

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วมองไปที่เพดานในขณะที่กลอกตาแล้วพูดต่อว่า “ส่วนพวกแฟนคลับสาวๆ พวกนั้น แค่ฟังพวกเขาพูดฉันก็อยากจะอ้วกแล้ว”

สถานการณ์ที่ว่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่ออกซฟอร์ดเพียงอย่างเดียว แต่ที่มหาวิทยาลัยจินหลิงเองก็เช่นกัน

ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกซาบซึ้งคนที่ใจดีกับเธอ แต่ความสำเร็จทุกอย่างของเธอก็ได้มาง่ายไปเสียหมด และมันไม่ได้เมคเซนส์เลยแม้แต่น้อย

เพราะพี่ชายของเธอทำให้เธอเหมือนกำลังใช้ชีวิตโกงคนอื่นอยู่ เธอจะได้ทุน ได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน และได้เข้าร่วมการประชุมทุกอันที่เธอสมัครเข้าไป

เธอได้เข้ามหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเพราะจดหมายแนะนำฉบับเดียวเท่านั้น ศาสตราจารย์ทุกคนก็อยากได้ตัวเธอ

นี่เป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย

เธอรู้ดีว่าตัวเธอนั้นโชคดีแค่ไหน

แต่ถึงแม้ว่าเธอจะซาบซึ้งกับทุกสิ่งที่พี่ชายของเธอทำให้ เธอก็ไม่อยากจะใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของพี่ชายเธอไปตลอดชีวิต

ถึงแม้มันจะฟังดูง่ายและสะดวกสบายแค่ไหน แต่ก็หมายความว่าเธอจะไม่มีวันได้เติบโตและรู้สึกว่าตัวเองได้ทำตามสิ่งที่ปรารถนาจริงๆ

นั่นไม่ใช่ชีวิตที่เธออยากได้

แอนสลีย์อ้าปากจะพูด แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี

จู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนเสี่ยวถงเป็นคนแปลกหน้า เหมือนกับว่าเธอไม่เคยเจอเสี่ยวถงมาก่อน

หลังจากผ่านไป เธอก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจนักว่า

“บางที…เธออาจจะเซนซิทีฟไปหรือเปล่า?”

เสี่ยวถงจ้องแอนสลีย์แล้วพูดเสียงแข็งว่า “ฉันไม่ได้เซนซิทีฟเกินไปหรอกนะ ที่ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ยอมรับให้ฉันมาเรียนปริญญาโทกับเขาน่ะ เป็นเพราะตัวฉันจริงๆ เหรอ? ไม่เลย! เขาคงจะแทบไม่รู้จักชื่อฉันด้วยซ้ำ แต่เขาไม่มีวันลืมชื่อของพี่ชายฉันได้หรอก”

“ฉันอยากจะประสบความสำเร็จในอะไรสักอย่างจนคนอื่นรับรู้บ้าง อย่างน้อยก็ให้พวกเขาหยุดเรียกฉันว่า ‘น้องสาวของลู่โจว’ ได้แล้ว ฉันอยากให้พวกเขาเรียกฉันว่า ‘คุณลู่’ “

แอนสลีย์มองใบหน้ามุ่งมั่นของเสี่ยวถง เธอรู้ดีว่าไม่สามารถโน้มน้าวให้เด็กสาวคิดอย่างอื่นได้แล้ว

เอาตรงๆ แล้ว แอนสลีย์ประทับใจในตัวเด็กสาวคนนี้

แต่เธอก็ไม่รู้ว่า ที่เสี่ยวถงพูดถึง ‘ที่ที่ดีกว่า’ นี่หมายถึงอะไร

มหาวิทยาลัยอื่นก็เป็นเหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอ?

วงการเศรษฐศาสตร์ก็ใกล้ชิดกับวงการคณิตศาสตร์อยู่แล้ว ต่อให้เธอออกจากออกซฟอร์ดไปเข้าเคมบริดจ์ สถานการณ์ก็เหมือนเดิมอยู่ดี

“แต่…นอกจากออกซฟอร์ดแล้ว เธออยากจะไปที่ไหนอีกล่ะ?”

“พรินซ์ตัน!”

แอนสลีย์ดูตกตะลึง เสี่ยวถงจึงพูดเพิ่มเติมด้วยท่าทางมั่นใจว่า “ฉันหวังว่าสักวันหนึ่ง ฉันจะเป็นอย่างเขาได้ กับการที่ได้มีชื่ออยู่ในหอแห่งเกียรติยศอย่างเขา!”

………………..

สุดท้ายแล้วด้วยท้องที่ร้องคำราม ลู่โจวจึงตัดสินใจได้ในที่สุด เขาตัดสินใจว่าจะไม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาหารที่สั่งมาของเขา เขาใช้เวลาไม่นานกับการกินอาหารมื้อนี้

ข้าวไก่ส้มอร่อยดี

ความขัดกันระหว่างรสหวานกับเปรี้ยวมันสุดยอด สุดท้ายกระเพาะของลู่โจวก็เลิกส่งเสียง

ในขณะที่ลู่โจวกำลังกินอาหารแสนอร่อยอยู่นั้น เสี่ยวถงที่อยู่ที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดนั้นก็กำลังอ่านแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และอัลกอริทึมที่พี่ชายส่งมา

เธอไม่สนใจอีโมติคอนแปลกๆ ในอีเมล…

แบบจำลองทางคณิตศาสตร์นี้เกินกว่าความเข้าใจด้านฟังก์ชันและสถิติที่เธอมี และได้ล้มล้างความเข้าใจที่เธอมีในแบบจำลองบิวลีย์ไปหมดสิ้น

จะบอกว่าการอธิบายความรู้สึกตอนนี้เป็นอะไรที่ยากมาก

เหมือนกับว่าเธอคิดว่าทุกอย่างในหัวข้อนี้ถูกรวบรวมไว้ในบ้านหลังหนึ่งแล้ว แต่จู่ๆ เธอก็ดันพบว่า ในบ้านมีประตูด้านหลังที่พาเธอไปสู่โลกใหม่เสียอย่างนั้น

สิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากยิ่งกว่าคือ ลู่โจวเขียนทุกอย่างในนี้มาโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง

เธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอกออฟฟิศ

หลังจากเคาะประตูสองครั้ง หญิงสาววัยราวสามสิบปีก็เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาข้างใน

เธอสวมชุดทางการสีเทาและดำ ถ้าหากมองจากท่าทางที่เธอเดินเข้ามาในออฟฟิศแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าเธอมาเยี่ยมออฟฟิศแห่งนี้บ่อยๆ

ชื่อของเธอคือแอนสลีย์ และเธอก็กำลังทำงานวิจัยอยู่ภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ เธอเรียนจบปริญญาโทเมื่อปีที่แล้ว และตอนนี้กำลังเรียนปริญญาเอก

“ถง ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ฝากให้ฉันมาถามเธอว่า เธอสามารถส่งธีสิสก่อนจะหมดช่วงวันหยุดคริสต์มาสได้ไหม?”

เสี่ยวถงยังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอพยักหน้าตอบอย่างมึนงงว่า

“ได้ค่ะ…”

จะให้ฉันพูดอะไรอย่างอื่นได้ล่ะ?

ฉันต้องจัดระเบียบธีสิสนี้และส่งไป ฉันยังอาจจะกลับบ้านช่วงวันสิ้นปีได้ด้วยซ้ำ…

ถ้ายังหาซื้อตั๋วบินกลับได้น่ะนะ…

“เธอส่งได้จริงเหรอ?” แอนสลีย์มีท่าทางประหลาดใจ เธอพูดขึ้นมาด้วยเสียงเบาๆ ว่า “เขายังพูดย้ำมาอีกว่า ถ้าเธอทำไม่ได้ล่ะก็ เธอเอาอันนั้นไปเป็นโปรเจกต์เรียบจบปริญญาเอกก็ได้…”

เสี่ยวถงตื่นจากฝันกลางวันแล้วเพิ่งรู้สึกตัวว่าแอนสลีย์ต้องการจะสื่ออะไร เธอลังเลอยู่นิดหน่อยก่อนจะส่ายหัว

“ช่วยฝากบอกศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ทีค่ะว่าฉันขอบคุณ ถึงฉันจะอยากไปต่อในเส้นทางสายวิชาการ…แต่ฉันก็อยากไปที่ที่ดีกว่านี้”

เสี่ยวถงบอกได้ว่าศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ไม่อยากให้เธอไป

ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์พยายามหลายครั้งมากที่จะโน้มน้าวให้เสี่ยวถงยังมีเขาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาอยู่ในตอนเรียนปริญญาเอก

ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ…

มันง่ายมากเลย เพราะว่าพี่ชายของเธออย่างไรล่ะ…

แอนสลีย์ถอนหายใจและพยายามโน้มน้าวเสี่ยวถง

“แต่ฉันว่าศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ก็เป็นนักวิจัยเศรษฐศาสตร์มหภาคที่เก่งคนหนึ่งเลยนะ อีกอย่าง เธอก็รู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร หลายครั้งที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าฟอร์สเตอร์ไม่มีความสามารถหรอกนะ เขาแค่ต้องการโอกาสเท่านั้น”

เสี่ยวถงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วถามไปว่า “คุณรู้ไหมคะว่าลู่โจวเป็นใคร? เขาเป็นพี่ชายฉันเองค่ะ”

บทสนทนานิ่งชะงัก

ทั้งออฟฟิศเงียบไปพักหนึ่ง

“ฉัน…รู้” แอนสลีย์เอ่ยแล้วยักไหล่ จากนั้นก็พูดต่อว่า “ฉันยอมรับนะ ว่าเธอมีพี่ชายที่เก่งมาก เก่งกว่าพี่ชายฉันเยอะ ที่เพิ่งรู้วิธีทำแพนเค้กเมื่อปีที่แล้วนี่เอง แต่เธอเอาเรื่องเขามาพูดทำไมกัน?”

เสี่ยวถงตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเจือความน้อยใจว่า “ตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด คนที่นี่ก็จะแบบ เฮ้ ดูสิ นั่นน้องสาวของลู่โจวนี่นา ขนาดพวกผู้แทนราษฎรยังเรียกฉันว่าเป็นน้องสาวของลู่โจวเลยค่ะ…”

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วมองไปที่เพดานในขณะที่กลอกตาแล้วพูดต่อว่า “ส่วนพวกแฟนคลับสาวๆ พวกนั้น แค่ฟังพวกเขาพูดฉันก็อยากจะอ้วกแล้ว”

สถานการณ์ที่ว่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่ออกซฟอร์ดเพียงอย่างเดียว แต่ที่มหาวิทยาลัยจินหลิงเองก็เช่นกัน

ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกซาบซึ้งคนที่ใจดีกับเธอ แต่ความสำเร็จทุกอย่างของเธอก็ได้มาง่ายไปเสียหมด และมันไม่ได้เมคเซนส์เลยแม้แต่น้อย

เพราะพี่ชายของเธอทำให้เธอเหมือนกำลังใช้ชีวิตโกงคนอื่นอยู่ เธอจะได้ทุน ได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน และได้เข้าร่วมการประชุมทุกอันที่เธอสมัครเข้าไป

เธอได้เข้ามหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเพราะจดหมายแนะนำฉบับเดียวเท่านั้น ศาสตราจารย์ทุกคนก็อยากได้ตัวเธอ

นี่เป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย

เธอรู้ดีว่าตัวเธอนั้นโชคดีแค่ไหน

แต่ถึงแม้ว่าเธอจะซาบซึ้งกับทุกสิ่งที่พี่ชายของเธอทำให้ เธอก็ไม่อยากจะใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของพี่ชายเธอไปตลอดชีวิต

ถึงแม้มันจะฟังดูง่ายและสะดวกสบายแค่ไหน แต่ก็หมายความว่าเธอจะไม่มีวันได้เติบโตและรู้สึกว่าตัวเองได้ทำตามสิ่งที่ปรารถนาจริงๆ

นั่นไม่ใช่ชีวิตที่เธออยากได้

แอนสลีย์อ้าปากจะพูด แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี

จู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนเสี่ยวถงเป็นคนแปลกหน้า เหมือนกับว่าเธอไม่เคยเจอเสี่ยวถงมาก่อน

หลังจากผ่านไป เธอก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจนักว่า

“บางที…เธออาจจะเซนซิทีฟไปหรือเปล่า?”

เสี่ยวถงจ้องแอนสลีย์แล้วพูดเสียงแข็งว่า “ฉันไม่ได้เซนซิทีฟเกินไปหรอกนะ ที่ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ยอมรับให้ฉันมาเรียนปริญญาโทกับเขาน่ะ เป็นเพราะตัวฉันจริงๆ เหรอ? ไม่เลย! เขาคงจะแทบไม่รู้จักชื่อฉันด้วยซ้ำ แต่เขาไม่มีวันลืมชื่อของพี่ชายฉันได้หรอก”

“ฉันอยากจะประสบความสำเร็จในอะไรสักอย่างจนคนอื่นรับรู้บ้าง อย่างน้อยก็ให้พวกเขาหยุดเรียกฉันว่า ‘น้องสาวของลู่โจว’ ได้แล้ว ฉันอยากให้พวกเขาเรียกฉันว่า ‘คุณลู่’ “

แอนสลีย์มองใบหน้ามุ่งมั่นของเสี่ยวถง เธอรู้ดีว่าไม่สามารถโน้มน้าวให้เด็กสาวคิดอย่างอื่นได้แล้ว

เอาตรงๆ แล้ว แอนสลีย์ประทับใจในตัวเด็กสาวคนนี้

แต่เธอก็ไม่รู้ว่า ที่เสี่ยวถงพูดถึง ‘ที่ที่ดีกว่า’ นี่หมายถึงอะไร

มหาวิทยาลัยอื่นก็เป็นเหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอ?

วงการเศรษฐศาสตร์ก็ใกล้ชิดกับวงการคณิตศาสตร์อยู่แล้ว ต่อให้เธอออกจากออกซฟอร์ดไปเข้าเคมบริดจ์ สถานการณ์ก็เหมือนเดิมอยู่ดี

“แต่…นอกจากออกซฟอร์ดแล้ว เธออยากจะไปที่ไหนอีกล่ะ?”

“พรินซ์ตัน!”

แอนสลีย์ดูตกตะลึง เสี่ยวถงจึงพูดเพิ่มเติมด้วยท่าทางมั่นใจว่า “ฉันหวังว่าสักวันหนึ่ง ฉันจะเป็นอย่างเขาได้ กับการที่ได้มีชื่ออยู่ในหอแห่งเกียรติยศอย่างเขา!”

………………..

Scholar’s Advanced Technological System

Scholar’s Advanced Technological System

The Overachiever's Black Tech System, 学霸的黑科技系统
Score 6.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Scholar’s Advanced Technological Systemหลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล “ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?” “ไม่ได้” “เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?” “ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset