“หยุดให้ความหวังเธอได้แล้ว มันเป็นไปไม่ได้”
โมลิน่ากำลังรู้สึกเดือดดาลอยู่ข้างในระหว่างที่เธอพูดอย่างเย็นชากับผู้ชายที่อยู่ในวิดีโอคอล
ลู่โจว ผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา วางปากกาลง
เขามองโมลิน่าที่อยู่บนหน้าจอและรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“เธอ? คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
เมื่อคืนเขาได้รับอีเมลจากเธอที่ขอให้จัดเตรียมการวิดีโอคอล แต่ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าเธอกำลังพยายามจะพูดถึงอะไร
โมลิน่าสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า
“ฉันกำลังพูดถึงเวร่า พุลยุย!”
ลู่โจวขมวดคิ้วแล้วเริ่มตระหนักว่าเรื่องนี้อาจจะจริงจังยิ่งกว่าที่เขาได้คิดเอาไว้
“เกิดอะไรขึ้นกับเวร่า?”
โมลิน่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งและผิดสัญญาที่ว่าเธอจะไม่บอกลู่โจว เธอขบกรามแน่นและเล่าความจริงออกมา
“เธอมีอาการไอและมีไข้มาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และมันดูไม่เหมือนไข้หวัดธรรมดา! ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณสองคนจะกำลังทำงานโปรเจกต์วิจัยอะไรด้วยกันหรือไม่ ฉันไม่สน ฉันแค่อยากจะบอกคุณ…เธอทำงานด้วยตัวเธอเองมากเกินไปก็เพราะคุณ!”
โมลิน่าจ้องลู่โจวผ่านหน้าจอและพูดด้วยท่าทีที่จริงจัง
“ได้โปรดเถอะ ฉันขอร้องคุณล่ะ อย่าให้เธอทำงานหนักเกินไป”
โมลิน่าเอื้อมมือไปจับเมาส์ก่อนที่จะจบการวิดีโอคอล
“เดี๋ยวก่อน! เธอวางสายไปแล้วเหรอ?”
ลู่โจวจ้องมองหน้าจอวิดีโออันว่างเปล่าด้วยสีหน้าที่งุนงง
คำพูดของโมลิน่ายังติดค้างอยู่ในใจของเขา
เธอหมายความว่ายังไงที่บอกว่าอย่าให้เธอทำงานหนักมากเกินไป?
ลู่โจวทวนประโยคนั้นซ้ำๆ ในใจ ถามตัวเองว่าเขาได้ทำอะไรแบบนั้นลงไปหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม เขาจำไม่ได้ว่าเขาได้ทำให้เวร่าทำงานหนักเกินไป เขาไม่เคยขอให้เธอทำอะไรเลย
ให้ตายเถอะ!
ทำไมเธอไม่อธิบายว่าเธอหมายความว่ายังไง!
แล้วฉันจะทำยังไงดี?
ทันใดนั้นลู่โจวก็รู้สึกรำคาญใจ เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกรำคาญ แต่เขาแค่รู้สึกแบบนั้น
บรรทัดกล่องข้อความปรากฏขึ้นมาที่มุมขวาล่างบนหน้าจอของเขา
เสี่ยวไอ: [เจ้านาย เอ่อ…ต้องการให้เสี่ยวไอโทรกลับหาเธอไหม?]
ลู่โจวสูดลมหายใจลึกแล้วส่ายหัว
“ไม่เป็นไร…”
มันไม่มีประโยชน์
โมลิน่าวางสายไปอย่างชัดเจนหลังจากที่เธอได้พูดทุกสิ่งทุกอย่างที่เธออยากจะพูด การโทรกลับไปหาเธอก็คงจะไร้ความหมาย
มันไม่น่าเป็นไปได้ที่โมลิน่าจะอธิบายตัวเธอเอง
ลู่โจวพิงหลังกับเก้าอี้แล้วถอนหายใจออกมาขณะที่เขาบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “ถ้าฉันเพียงแต่อยู่ในที่ที่เงียบๆ ที่ที่ฉันอยู่เพียงลำพัง”
ที่ซึ่งไม่มีอะไรจะมารบกวนงานวิจัยของฉันได้
มันคงจะดีถ้าเวลาจะหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นในตอนที่ฉันอยู่ในสถานที่นั้น
สถานที่นั้นดูเหมือนเป็นสวรรค์สำหรับลู่โจว
ลู่โจวหลับตาและพยายามหลีกหนีจากความจริง แต่ทันใดนั้นเขาก็ส่ายหัวแล้วลุกขึ้นยืน
ไม่!
ฉันจะปล่อยเธอไว้คนเดียวไม่ได้!
ไม่ว่าเรื่องนี้มันจะเป็นความผิดของฉันหรือไม่ เธอก็ยังเป็นลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฉัน…
เขาไม่สามารถจะทำแค่ยืนอยู่เฉยๆ แล้วดูเธอทำลายร่างกายตัวเธอเอง อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีระบบร่างกายอย่างเขาที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ เขาไม่ได้ป่วยมาเป็นเวลา 7 ปีแล้วและก็สามารถจะตื่นอยู่ตลอดทั้งคืนได้ง่ายๆ โดยไม่เกิดผลข้างเคียง
ลู่โจวเปิดอีเมลของเขาแล้วเริ่มพิมพ์อย่างระมัดระวัง
[ผมได้ยินมาว่าคุณไม่สบาย…
[ขอโทษด้วยที่ผมไม่ใช่คนปลอบใจคนเก่ง และผมก็ไม่ใช่หมอ ผมแค่อยากจะบอกว่า…
[ไม่ว่างานวิจัยของคุณจะสำคัญแค่ไหน ผมหวังว่าคุณจะให้เรื่องสุขภาพของคุณมาก่อน คุณมีร่างกายอยู่แค่ร่างเดียว ไม่ต้องพูดถึงว่า คุณไม่เคยได้มีสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณควรจะดูแลใส่ใจให้มากขึ้น
[ผมคงจะเสียใจมากถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ
[อย่าลืมดื่มน้ำมากๆ…]
ลู่โจวเงียบไปครู่หนึ่งและตัดสินใจลบบรรทัดสุดท้าย จากนั้นเขาก็กดปุ่มส่ง
หลังจากนั้นเขาก็คอยอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างเงียบๆ
แม้ว่าเขาจะอยากใช้เวลานี้ในการทำงานวิจัยคณิตศาสตร์ แต่เขาก็ไม่สามารถจะตั้งสมาธิกับมันได้เลย
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
เป็นเวลาสิบนาทีแล้วตั้งแต่ลู่โจวส่งอีเมลไป แต่ลู่โจวรู้สึกเหมือนว่ามันผ่านไปหลายชั่วโมง
ลู่โจวจ้องมองที่อีเมลอันว่างเปล่าแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก
เขาแน่ใจว่าเวร่ายังคงตื่นอยู่ พร้อมกับมีคอมพิวเตอร์อยู่ตรงหน้าเธอ
“นี่เป็นความผิดของฉันหรือเปล่า?
“แต่สิ่งที่ฉันทำลงไป…”
ลู่โจวจ้องไปที่มือของตัวเองและสั่นหัวอย่างกระวนกระวายใจ พยายามที่จะเอาความคิดที่กวนใจเขาออกไปจากหัว
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องเหล่านี้
“ฉันต้องสืบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ!”
ลู่โจวเปิดอีเมลและเริ่มพิมพ์อีกครั้ง
[…ถ้าตอนนี้คุณอยู่ในพรินซ์ตัน กรุณาช่วยแวะไปหาเวร่า พุลยุย แทนผมหน่อย ผมได้ยินจากเพื่อนร่วมงานของเธอว่าเธอไม่สบาย ผมไม่สามารถจะติดต่อเธอได้ในตอนนี้
[ถ้าคุณทำได้ โปรดช่วยไปตรวจดูสุขภาพของเธอแทนผมและถามว่าเธอป่วยด้วยสาเหตุอะไร ขอบคุณ]
ลู่โจวเปิดรายชื่อผู้ติดต่อและส่งมันไปหาลูกศิษย์ของเขาอีกคนหนึ่งซึ่งก็คือ ฉินเยว่
แม้ว่าโดยปกติแล้วชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นคนที่ค่อนข้างอยู่เงียบๆ และเงียบขรึม แต่จริงๆ แล้วเขาก็เป็นที่ค่อนข้างใส่ใจผู้อื่น ฉินเยว่คงจะพยายามอย่างดีที่สุดในการช่วยเหลือลู่โจวอย่างแน่นอน
อีกอย่างก็คือนอกเหนือจากฉินเยว่แล้ว ลู่โจวก็ไม่มีคนอื่นที่จะขอความช่วยเหลือได้แล้ว
หลังจากส่งอีเมลแล้ว ลู่โจวก็ถอนหายใจออกมาและพิงหลังกับเก้าอี้ขณะที่เขาภาวนาอยู่ในใจอย่างเงียบๆ
“ฉันหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ…”
ถ้าเธอไม่สบายจริงๆ ไม่ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาหรือไม่ เขาก็คงจะรู้สึกผิดอย่างมาก
แล้วถ้าเธอเข้าโรงพยาบาลล่ะ…
ลู่โจวไม่อยากแม้แต่จะคิดถึงความเป็นไปได้
…………..
“หยุดให้ความหวังเธอได้แล้ว มันเป็นไปไม่ได้”
โมลิน่ากำลังรู้สึกเดือดดาลอยู่ข้างในระหว่างที่เธอพูดอย่างเย็นชากับผู้ชายที่อยู่ในวิดีโอคอล
ลู่โจว ผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา วางปากกาลง
เขามองโมลิน่าที่อยู่บนหน้าจอและรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“เธอ? คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
เมื่อคืนเขาได้รับอีเมลจากเธอที่ขอให้จัดเตรียมการวิดีโอคอล แต่ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าเธอกำลังพยายามจะพูดถึงอะไร
โมลิน่าสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า
“ฉันกำลังพูดถึงเวร่า พุลยุย!”
ลู่โจวขมวดคิ้วแล้วเริ่มตระหนักว่าเรื่องนี้อาจจะจริงจังยิ่งกว่าที่เขาได้คิดเอาไว้
“เกิดอะไรขึ้นกับเวร่า?”
โมลิน่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งและผิดสัญญาที่ว่าเธอจะไม่บอกลู่โจว เธอขบกรามแน่นและเล่าความจริงออกมา
“เธอมีอาการไอและมีไข้มาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และมันดูไม่เหมือนไข้หวัดธรรมดา! ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณสองคนจะกำลังทำงานโปรเจกต์วิจัยอะไรด้วยกันหรือไม่ ฉันไม่สน ฉันแค่อยากจะบอกคุณ…เธอทำงานด้วยตัวเธอเองมากเกินไปก็เพราะคุณ!”
โมลิน่าจ้องลู่โจวผ่านหน้าจอและพูดด้วยท่าทีที่จริงจัง
“ได้โปรดเถอะ ฉันขอร้องคุณล่ะ อย่าให้เธอทำงานหนักเกินไป”
โมลิน่าเอื้อมมือไปจับเมาส์ก่อนที่จะจบการวิดีโอคอล
“เดี๋ยวก่อน! เธอวางสายไปแล้วเหรอ?”
ลู่โจวจ้องมองหน้าจอวิดีโออันว่างเปล่าด้วยสีหน้าที่งุนงง
คำพูดของโมลิน่ายังติดค้างอยู่ในใจของเขา
เธอหมายความว่ายังไงที่บอกว่าอย่าให้เธอทำงานหนักมากเกินไป?
ลู่โจวทวนประโยคนั้นซ้ำๆ ในใจ ถามตัวเองว่าเขาได้ทำอะไรแบบนั้นลงไปหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม เขาจำไม่ได้ว่าเขาได้ทำให้เวร่าทำงานหนักเกินไป เขาไม่เคยขอให้เธอทำอะไรเลย
ให้ตายเถอะ!
ทำไมเธอไม่อธิบายว่าเธอหมายความว่ายังไง!
แล้วฉันจะทำยังไงดี?
ทันใดนั้นลู่โจวก็รู้สึกรำคาญใจ เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกรำคาญ แต่เขาแค่รู้สึกแบบนั้น
บรรทัดกล่องข้อความปรากฏขึ้นมาที่มุมขวาล่างบนหน้าจอของเขา
เสี่ยวไอ: [เจ้านาย เอ่อ…ต้องการให้เสี่ยวไอโทรกลับหาเธอไหม?]
ลู่โจวสูดลมหายใจลึกแล้วส่ายหัว
“ไม่เป็นไร…”
มันไม่มีประโยชน์
โมลิน่าวางสายไปอย่างชัดเจนหลังจากที่เธอได้พูดทุกสิ่งทุกอย่างที่เธออยากจะพูด การโทรกลับไปหาเธอก็คงจะไร้ความหมาย
มันไม่น่าเป็นไปได้ที่โมลิน่าจะอธิบายตัวเธอเอง
ลู่โจวพิงหลังกับเก้าอี้แล้วถอนหายใจออกมาขณะที่เขาบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “ถ้าฉันเพียงแต่อยู่ในที่ที่เงียบๆ ที่ที่ฉันอยู่เพียงลำพัง”
ที่ซึ่งไม่มีอะไรจะมารบกวนงานวิจัยของฉันได้
มันคงจะดีถ้าเวลาจะหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นในตอนที่ฉันอยู่ในสถานที่นั้น
สถานที่นั้นดูเหมือนเป็นสวรรค์สำหรับลู่โจว
ลู่โจวหลับตาและพยายามหลีกหนีจากความจริง แต่ทันใดนั้นเขาก็ส่ายหัวแล้วลุกขึ้นยืน
ไม่!
ฉันจะปล่อยเธอไว้คนเดียวไม่ได้!
ไม่ว่าเรื่องนี้มันจะเป็นความผิดของฉันหรือไม่ เธอก็ยังเป็นลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฉัน…
เขาไม่สามารถจะทำแค่ยืนอยู่เฉยๆ แล้วดูเธอทำลายร่างกายตัวเธอเอง อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีระบบร่างกายอย่างเขาที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ เขาไม่ได้ป่วยมาเป็นเวลา 7 ปีแล้วและก็สามารถจะตื่นอยู่ตลอดทั้งคืนได้ง่ายๆ โดยไม่เกิดผลข้างเคียง
ลู่โจวเปิดอีเมลของเขาแล้วเริ่มพิมพ์อย่างระมัดระวัง
[ผมได้ยินมาว่าคุณไม่สบาย…
[ขอโทษด้วยที่ผมไม่ใช่คนปลอบใจคนเก่ง และผมก็ไม่ใช่หมอ ผมแค่อยากจะบอกว่า…
[ไม่ว่างานวิจัยของคุณจะสำคัญแค่ไหน ผมหวังว่าคุณจะให้เรื่องสุขภาพของคุณมาก่อน คุณมีร่างกายอยู่แค่ร่างเดียว ไม่ต้องพูดถึงว่า คุณไม่เคยได้มีสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณควรจะดูแลใส่ใจให้มากขึ้น
[ผมคงจะเสียใจมากถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ
[อย่าลืมดื่มน้ำมากๆ…]
ลู่โจวเงียบไปครู่หนึ่งและตัดสินใจลบบรรทัดสุดท้าย จากนั้นเขาก็กดปุ่มส่ง
หลังจากนั้นเขาก็คอยอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างเงียบๆ
แม้ว่าเขาจะอยากใช้เวลานี้ในการทำงานวิจัยคณิตศาสตร์ แต่เขาก็ไม่สามารถจะตั้งสมาธิกับมันได้เลย
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
เป็นเวลาสิบนาทีแล้วตั้งแต่ลู่โจวส่งอีเมลไป แต่ลู่โจวรู้สึกเหมือนว่ามันผ่านไปหลายชั่วโมง
ลู่โจวจ้องมองที่อีเมลอันว่างเปล่าแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก
เขาแน่ใจว่าเวร่ายังคงตื่นอยู่ พร้อมกับมีคอมพิวเตอร์อยู่ตรงหน้าเธอ
“นี่เป็นความผิดของฉันหรือเปล่า?
“แต่สิ่งที่ฉันทำลงไป…”
ลู่โจวจ้องไปที่มือของตัวเองและสั่นหัวอย่างกระวนกระวายใจ พยายามที่จะเอาความคิดที่กวนใจเขาออกไปจากหัว
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องเหล่านี้
“ฉันต้องสืบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ!”
ลู่โจวเปิดอีเมลและเริ่มพิมพ์อีกครั้ง
[…ถ้าตอนนี้คุณอยู่ในพรินซ์ตัน กรุณาช่วยแวะไปหาเวร่า พุลยุย แทนผมหน่อย ผมได้ยินจากเพื่อนร่วมงานของเธอว่าเธอไม่สบาย ผมไม่สามารถจะติดต่อเธอได้ในตอนนี้
[ถ้าคุณทำได้ โปรดช่วยไปตรวจดูสุขภาพของเธอแทนผมและถามว่าเธอป่วยด้วยสาเหตุอะไร ขอบคุณ]
ลู่โจวเปิดรายชื่อผู้ติดต่อและส่งมันไปหาลูกศิษย์ของเขาอีกคนหนึ่งซึ่งก็คือ ฉินเยว่
แม้ว่าโดยปกติแล้วชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นคนที่ค่อนข้างอยู่เงียบๆ และเงียบขรึม แต่จริงๆ แล้วเขาก็เป็นที่ค่อนข้างใส่ใจผู้อื่น ฉินเยว่คงจะพยายามอย่างดีที่สุดในการช่วยเหลือลู่โจวอย่างแน่นอน
อีกอย่างก็คือนอกเหนือจากฉินเยว่แล้ว ลู่โจวก็ไม่มีคนอื่นที่จะขอความช่วยเหลือได้แล้ว
หลังจากส่งอีเมลแล้ว ลู่โจวก็ถอนหายใจออกมาและพิงหลังกับเก้าอี้ขณะที่เขาภาวนาอยู่ในใจอย่างเงียบๆ
“ฉันหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ…”
ถ้าเธอไม่สบายจริงๆ ไม่ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาหรือไม่ เขาก็คงจะรู้สึกผิดอย่างมาก
แล้วถ้าเธอเข้าโรงพยาบาลล่ะ…
ลู่โจวไม่อยากแม้แต่จะคิดถึงความเป็นไปได้
…………..