ทันใดนั้นบรรยากาศก็เงียบลง
บรรยากาศยังคงเงียบอยู่อีกครู่หนึ่ง
ท่านผู้เฒ่าชิวฝืนยิ้มเพื่อทำลายบรรยากาศอันน่ากระอักกระอ่วน เขาถูจมูกและพูดว่า
“อ้อ ผมเกือบลืมไป… คุณไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว”
ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “ผมดีใจที่คุณสามารถจะสังเกตเห็นได้ มันหมายความว่าห้าปีที่ผ่านมาผมไม่ได้เสียเวลาเปล่า
“สมองของผมไม่สามารถจะไล่ตามความรวดเร็วในการเติบโตของคุณได้อีกต่อไป…” ท่านผู้เฒ่าชิวถอนหายใจและเริ่มหวนนึกถึงอดีต
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “จะว่าไปแล้ว ทำไมคุณถึงมาที่มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ล่ะ?”
“คุณคงจะไม่เชื่อผม แต่ผมกำลังจะเดินไปที่ใกล้ๆ นี้”
ลู่โจวบอกท่านผู้เฒ่าชิวเกี่ยวกับเรื่องคำเชิญของนักวิชาการหวังซื่อเฉิง ชายสูงวัยดันแว่นของเขาแล้วพูดออกมาด้วยท่าทีที่ไม่พอใจว่า
“หวังซื่อเฉิง… อย่าหลงเชื่อในรอยยิ้มของเขา ใครจะรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลัง อย่าเชื่อทุกอย่างที่เขาพูด ชายแก่คนนี้ทำแต่เรื่องชั่ว! คุณควรระวังให้ดี!”
ลู่โจวรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“ผมแค่จะแวะไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยเหยียน จะมีเรื่องแย่อะไรที่นั่น…”
ชิวเฉิงถงพูดว่า “เขาเพิ่งจะทำเรื่องไม่ดี! การแวะไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยเหยียนไม่เป็นไรหรอก แต่เพียงแค่ต้องระวัง!”
“ครับ ครับ”
ลู่โจวไม่ได้มีความรู้สึกขุ่นเคืองใจต่อนักวิชาการหวังซื่อเฉิง ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนบทสนทนาไปเป็นเรื่องอื่น
หลังจากพูดคุยเล็กน้อย เขาก็กล่าวลาท่านผู้เฒ่าชิวและเดินไปยังประตูฝั่งตะวันตกของมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ ซึ่งนำไปสู่ประตูฝั่งตะวันออกของมหาวิทยาลัยเหยียน
…
ประตูฝั่งตะวันออกของมหาวิทยาลัยเหยียน
มีอาจารย์หนุ่มในชุดสูทคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น
เมื่อเขาสังเกตเห็นลู่โจว เขาก็เดินเข้ามาทันทีแล้วทักทายลู่โจวด้วยรอยยิ้ม
“คุณต้องเป็นนักวิชาการลู่แน่เลยใช่ไหมครับ? สวัสดีครับ! นักวิชาการหวังบอกผมว่าคุณกำลังมา”
ลู่โจวยิ้มให้อาจารย์ผู้กระตือรือร้น
“ผมไปแวะที่มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ระหว่างทาง ขอโทษด้วยครับที่ทำให้คุณต้องรอ”
“โอ้ ไม่ต้องกังวลหรอกครับ คุณเป็นถึงนักวิชาการระดับโลก ผมยินดีที่จะรอคุณที่นี่ทั้งคืนเลยครับ” อาจารย์หนุ่มยื่นมือของเขาออกมาแล้วพูดว่า “หยางหยงอัน ศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ครับ ตอนนี้ผมอายุ 30 แล้ว ฉะนั้นผมน่าจะแก่กว่าคุณนิดหน่อย การยืนข้างคุณทำให้ผมรู้สึกต่ำต้อย”
“โอ้ อย่ารู้สึกต่ำต้อยไปเลยครับ การได้เป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยเหยียนไม่ใช่ความสำเร็จเล็กๆ เลยนะครับ” ลู่โจวปล่อยมือศาสตราจารย์หยางแล้วพูดว่า “นักวิชาการหวังอยู่ที่ไหนเหรอครับ?”
“นักวิชาการหวังอยู่ที่ศูนย์คณิตศาสตร์มหาวิทยาลัยเหยียนครับ เขาต้องไปอบรมทีมชาติ IMO ตอนนี้เขาก็เลยไม่ได้อยู่ที่นี่น่ะครับ ผมต้องขออภัยด้วยครับ”
IMO เหรอ?
ฉันลืมเรื่องนั้นไปเลย
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ…” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “ผมอยากจะไปที่ศูนย์คณิตศาสตร์ คุณช่วยพาผมไปที่นั่นหน่อยได้ไหมครับ?”
หยางหยงอันผายมือเชื้อเชิญ
“ทางนี้ครับ”
ปักกิ่งเปลี่ยนไปพอสมควรในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีรถพลังงานทางเลือกบนท้องถนนมากขึ้นเรื่อยๆ มีตึกสูงระฟ้าเพิ่มขึ้น และนักศึกษาต่างชาติที่เยอะมากขึ้น อย่างไรก็ตามสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ของปักกิ่งกลับไม่ได้เปลี่ยนไป
สถาปัตยกรรมประเภทนี้สามารถพบได้ตามวัตถุและมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วปักกิ่ง
มหาวิทยาลัยเหยียนเป็นสถาบันระดับโลก เส้นทางที่ขนาบด้วยต้นไม้ที่เชื่อมต่ออาคารการเรียนการสอนทำให้เกิดบรรยากาศทางวิชาการที่เข้มข้น นี่เป็นหนึ่งในสถานที่วิจัยทางวิชาการระดับสุดยอดของจีน
จริงๆ แล้วลู่โจวคุ้นชินกับบริเวณมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่และมหาวิทยาลัยเหยียน
เมื่อตอนที่เขาเคยพักอาศัยอยู่ใกล้กับสวนหยวนหมิงหยวน เขาก็อาจจะมาเดินที่นี่บ่อยๆ อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยเหตุผลต่างๆ เขาก็ไม่เคยมีโอกาสได้มาเยือนศูนย์วิจัยคณิตศาสตร์นานาชาติมหาวิทยาลัยเหยียน
จะเห็นได้ชัดว่าศูนย์คณิตศาสตร์ตั้งอยู่ภายในซื่อเหอย่วน[1] ที่มีความสูง 3 ชั้นและเต็มไปด้วยกระดานดำ
ลักษณะเรียบง่ายของสิ่งก่อสร้างนั้นเป็นความตั้งใจ เห็นได้ชัดว่าการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและไร้การปรุงแต่งนั้นช่วยกระตุ้นสมองส่วนดั้งเดิมส่วนใหญ่ของมนุษย์ จึงช่วยเพิ่มความสามารถต่างๆ ของมนุษย์ในการทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
แน่นอนว่าการที่สามารถทำการวิจัยในซื่อเหอย่วนซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางปักกิ่งเช่นนี้ได้นั้นเป็นสิ่งที่นักคณิตศาสตร์ส่วนใหญ่ใฝ่ฝันมากที่สุด
เมื่อลู่โจวเดินเข้าไปในบริเวณนั้น เขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านหน้ากระดานดำที่อยู่ถัดจากต้นไม้ใหญ่ ชายหนุ่มผู้นั้นถือชอล์กแท่งหนึ่งอยู่ในมือระหว่างที่เขากำลังคิดสมการที่อยู่บนกระดานดำ
เสื้อผ้าสีเทาของเขาดูจางเล็กน้อยและผมของเขาก็ดูยุ่งเหยิงนิดหน่อย
ชายหนุ่มผู้นี้ให้ความรู้สึกเหมือนศิลปินที่หดหู่ ลู่โจวจ้องมองเขาแล้วถามด้วยความอยากรู้ว่า “นั่นใครน่ะ?”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หยางหยงอันก็ทำสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
มันแทบจะเหมือนราวกับว่าหยางหยงอันไม่ได้อยากให้ลู่โจวสังเกตเห็นชายคนนี้
“อ้อ อย่าไปใส่ใจเขาเลยครับ… เขาไม่ปกติ”
ไม่ปกติเหรอ?
ลู่โจวยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
จากประสบการณ์ของเขาในพรินซ์ตัน คนที่มีพรสวรรค์ทางด้านคณิตศาสตร์มักจะมีลักษณะนิสัยที่แปลกประหลาด ยกตัวอย่างเช่น อดีตบรรณาธิการใหญ่ของวารสารคณิตศาสตร์ไม่เคยอนุญาตให้ใครก็ตามมานั่งในห้องทำงานของเขา หรืออีกตัวอย่างเช่น หนึ่งในลูกศิษย์ของเขาที่ชอบดื่มกาแฟมินต์…
ในความเป็นจริงแล้ว ในกลุ่มนักวิชาการคณิตศาสตร์นั้นหาได้ยากมากที่จะปฏิบัติตัวแบบคนปกติ
“ทำไมคุณพูดแบบนั้นล่ะ?”
“โอ้ คุณรู้หรือเปล่าครับ ในสถานที่เช่นที่นี่ เรามีการวัดผลการปฏิบัติที่หลากหลาย อย่างเช่น แต่ละคนได้รับการตีพิมพ์วิทยานิพนธ์กี่เล่มใน 1 ปี และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม บางคนก็ชอบที่จะเป็นอิสระและบางคนก็ไม่ได้สนใจการวัดผลการปฏิบัติ” หยางหยงอันยักไหล่และพูดว่า “คนส่วนใหญ่จึงอยู่ห่างๆ จากคนแบบเขา”
ลู่โจวถามว่า “แล้วเขาได้ทำงานวิจัยอะไรสักเรื่องไหม?”
หยางหยงอันมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าเขาทำ เขาคงจะไม่เป็นทุกข์ขนาดนี้”
ลู่โจวยังรู้สึกสงสัย เขาเลิกสนใจคำพูดของศาสตราจารย์หยางแล้วเดินตรงไปหาชายคนนั้น
ทันใดนั้นเขาก็เลิกคิ้ว
“การวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกเหรอ?”
ในที่สุด ‘ศิลปิน’ หนุ่มก็สังเกตเห็นลู่โจว
เขาหันมาแล้วดันแว่นตาขึ้น
“คุณเข้าใจมันเหรอครับ?”
ก่อนที่ลู่โจวจะได้พูดอะไรออกไป หยางหยงอันก็พูดขึ้นเสียก่อน
“นี่นาย ล้อกันเล่นหรือเปล่า ดูสิว่าผู้ชายคนนี้คือใคร”
ชายหนุ่มผู้นั้นจ้องมองลู่โจวอยู่ครู่หนึ่งด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
“ใครล่ะ?”
ศาสตราจารย์หยางกำลังจะต่อว่าชายหนุ่ม แต่ลู่โจวห้ามเข้าไว้
ลู่โจวไม่ได้สนใจเลยจริงๆ ว่าจะมีใครรู้จักไหม เขาเพียงแต่จ้องมองที่กระดานดำแล้วพูดว่า “วิธีการที่คุณใช้วิธีการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกน่าสนใจมาก เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีใครใช้มันแบบนี้”
ชายหนุ่มจับแว่นตาให้เข้าที่และมองไปที่กระดานดำ
“มันเป็นเพราะว่าผมไม่ได้กำลังวิจัยสมมติฐานของรีมันน์… แรกเริ่มแล้ววิธีการนี้ถูกคิดขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับสมมติฐานของรีมันน์”
“ผมเห็นด้วย…” ลู่โจวพยักหน้าและพูดว่า “ดูจากนิยามของกลุ่มพีชคณิตเชิงซ้อนที่ไม่เอกฐานของคุณ… ผมเดาว่าคุณกำลังวิจัยเรื่องข้อคาดการณ์ของฮอดจ์ใช่ไหม?”
…………………………..
[1] ซื่อเหอย่วน คือ กลุ่มเรือนหรือบ้านแบบจีนโบราณที่มีอาคารล้อมลานกลางบ้านทั้ง 4 ทิศ